เรื่องการเมืองเป็นเรื่องที่ใกล้ตัวจนแทบจะหายใจรดต้นคอกันเลยทีเดียว หากจะบอกว่าไม่สนใจเลยก็คงจะเป็นไปไม่ได้ เพราะทุกนโยบายรวมถึงแนวทางการพัฒนาประเทศ ล้วนเป็นสิ่งที่กระทบต่อวิถีชีวิตของทุกคน คราวนี้มีรายงานที่น่าสนใจอย่าหนึ่งของสื่อสหรัฐซึ่งเขากล่าวว่า “เฟซบุ๊ก มีส่วนกระตุ้นคนไทยให้คนไทย แบ่งขั้วการเมืองมากขึ้น และส่งผลถึงขนาดผู้ที่มีความเห็นทางการเมืองต่างกัน”
สำนักข่าวต่างประเทศ สรุปรายงานเพียงสั้น ๆ ใจความว่า คนไทยมักรวมกลุ่มกันพูดเรื่องการเมืองบน Facebook และเป็นที่ถกเถียงอย่างรุนแรงในปัจจุบัน ถึงขั้นว่าทำให้คนเป็นเพื่อนกันที่มีความเห็นทางการเมืองต่างกันเลือก Unfriend กันและกัน (ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าเมืองนอกมีหรือเปล่าหว่า?)
โดยนักข่าว ไมค์ ฟัสเซล ระบุว่า “ความแตกแยกของสังคมไทยไม่เพียงเห็นได้บนท้องถนนเท่านั้น แต่ยังเห็นได้จากบนโซเชียลมีเดียอีกด้วย โดยกรุงเทพ ถือเป็นเมืองหลวงที่มีมีผู้ใช้เฟซบุ๊กกันอย่างแพร่หลาย จึงไม่แปลกที่จะมีการนำเรื่องการเมืองไปแสดงความเห็นกันบนโลกออนไลน์”
อย่างไรก็ตามนักวิเคราะห์หลายสำนักได้ระบุตรงกันว่า ปรากฏการณ์ Unfriend ดังกล่าว ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่เป็นผลดีต่อภาพรวมของการเมืองไทย มันทำให้ผู้คนล้วนแต่เริ่มขาดการสนทนากัน และทำให้การเมืองมีลักษณะแบ่งขั้วมากขึ้น
… ส่วนตัวแล้ว … ผมมีความคิดว่าการเมืองเป็นเรื่องที่ทุกคนต้องให้ความสนใจก็จริง (เพราะเป็นผลประโยชน์ของคนทั้งชาติ) แต่บางครั้งก็ต้องให้มันอยู่ในพื้นฐานของความ “พอดี” ไม่ใช่เอะอะไรก็เป็นการเมืองเป็นสีเสื้อกันเสียหมด ใช่ครับการเมืองเป็นแค่ “ส่วนหนึ่งของชีวิต” แต่สำหรับบางคนทำกับราวมันคือทุกอย่างของชีวิต มองอะไรก็เป็นการเมือง พูดแต่การเมือง ฟังแต่การเมือง โพสต์แต่การเมืองเช้า สาย บ่าย เย็น (เป็นผมก็คงจะ Unfriend เพราะว่าไม่รู้จะคุยเรื่องอะไรเหมือนกันนอกจาก “การเมือง”)
“เราใส่ใจเรื่องการเมืองมากเกินไป จนลืมใส่ใจความรู้สึกของคนรอบตัวหรือเปล่า”
ที่มา – VoiceTV