iPad Pro เปิดขายออนไลน์ทั่วโลกไปเมื่อวันที่ 11 พ.ย. 2558 ที่ผ่านมาจากนั้นผ่านมาอีก 2 วัน ในไทยก็มีเครื่องพร้อมขายเป็นที่เรียบร้อยแล้ว(มาเร็วกว่า iPod touch 6th เสียอีก) ทีมงานมีโอกาสได้มาลองทดสอบใช้งานเบื้องต้นแล้วเดี๋ยวจะขอแบ่งปันประสบการณ์ให้ฟังกันดูนะครับ
สเปค iPad Pro เราไปชมกันก่อนว่ามีอะไรที่เด่นบ้าง?
- ใช้ชิป A9X ประมวลผลเร็วกว่า Laptop ทั่วไปถึง 80%
- RAM เพิ่มขึ้น 2 เท่า ทั้งหมดให้มา 4GB
- แบตใช้งานได้นานถึง 10 ชม.
- กล้องหลังขนาด 8MP ถ่ายวีดีโอไม่รองรับ 4K แบบ iPhone 6s
- มีลำโพง 4 ตัว โดยแยกออกเป็น 4 มุมของตัวเครื่อง
- บางเพียง 6.9 mm ซึ่งเกือบบางเท่า iPad Air
- รองรับการทำงานแบบแบ่งหน้าจอ
- รองรับ Touch ID
- รองรับ Force Touch (เฉพาะใช้งานกับ Apple Pencil)
- มี Apple Pencil ที่ออกแบบมาเพื่อทำงานด้านกราฟฟิก ราคาอยู่ที่ 3,900 บาท
- มี Smart Keyboard ที่เป็นทั้งเคสปิดหน้าจอ ราคาอยู่ที่ 6,700 บาท
- มี 3 สี ดำ ทอง เทาสเปซส์เกรย์
- รองรับระบบเครือข่าย LTE สูงสุด 150Mbps
จอใหญ่ 12.9 นิ้ว
ใหญ่แล้วไง? ทำไมต้องทำใหญ่ขนาดนี้ด้วย?
“ต้องมองที่จุดประสงค์ก่อนว่าทำไม Apple ถึงออกแบบมาให้ใหญ่แบบนี้ สาเหตุก็เพราะว่าต้องการตอบสนองกับงานบางงานกลุ่มซึ่งทาง Apple นั้นจะเน้นจับกลุ่มไปยังลูกค้าองค์กรเป็นหลัก ซึ่งความต้องการใช้งานอุปกรณ์ที่หน้าจอสัมผัสที่สามารถใช้แรงกดจากมือสำหรับการสร้าง input ได้อย่างมีประสิทธิภาพและการแสดงผลหน้าจอที่ละเอียดสูงพร้อมกับการตอบสนองที่รวดเร็ว”
เครื่องมือแต่ละชิ้นถูกพัฒนาออกมาเพื่อให้ทำหน้าที่โดยเฉพาะของมันให้ดีที่สุด
iPad Pro ก็เช่นกัน…
เอาหละเรื่องหน้าจอใหญ่นั้นขนาดเส้นทะแยงยาวถึง 12.9 นิ้ว ถ้ามองไม่เห็นภาพผมได้นนำ iPad Pro เทียบกับ Macbook Air 13″ และ Macbook Pro 15″ มาให้ชม
จะเห็นว่าหน้าจอของ iPad Pro นั้นใหญ่กว่า Macbook Air 13″ เลยทีเดียวหากเทียบกับ Macbook Pro 15″ ก็เล็กกว่าอย่างที่เห็นได้ด้านบน
โดดเด่นเรื่องการจอแสดงผลและลำโพง 4 ตัวทำให้เสียงกระหึ่ม
จอแสดงผลของ iPad Pro มาพร้อมความละเอียด 2732 x 2048 ที่ 264 พิกเซลต่อนิ้ว (ppi) เน้นให้เห็นรายละเอียดของรูปภาพ, วีดีโอและกราฟฟิกที่มีความละเอียดสูง
ลำโพงของ iPad Pro มีทั้งหมด 4 ตัวอยู่แต่ละมุมของตัวเครื่องดังรูปด้านล่าง ลองใช้งานดูแล้วโดยการเปิดเพลงฟังพบว่าเสียงดีกว่าเดิมมากและได้ยินเสียงเบสอีกด้วย แต่หากจะหวังให้เสียงดังตึ๊บๆ แบบนั้นก็คงจะไม่ใช่
ทำงานพร้อมกันแบบ 2 หน้าจอ
ฟีเจอร์นี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ของวงการแท็บเลตในท้องตลาดแต่ว่านี่เป็นครั้งแรก(หลังปล่อย iOS 9) สำหรับ Apple ที่ปล่อยฟีเจอร์นี้ออกมาให้ใช้ เพราะมองเห็นแล้วว่าความเร็วของ cpu และ ram ที่มีนั้นเพียงพอสำหรับทำหน้าที่นี้ ไม่ใช่ “ทำได้นานแล้ว แต่กระตุกและใช้งานยาก”
การเรียกใช้งาน 2 แอปบนหน้าจอเดียวกันทำได้โดย swipe จากขอบจอด้านขวามเข้ามาด้านใน จากนั้นสามารถเลือกแอปที่จะเปิดได้ลองชมคลิปด้านล่างดูครับ
Admin: ฟีเจอร์ใช้งาน 2 จอพร้อมกัน #iPadPro #iMod
Posted by iPhonemod – เรื่องเล็กๆของ iPhoneกลุ่มคนรักไอโฟนในประเทศไทย on Thursday, November 12, 2015
Apple Pencil สิ่งที่ขาดไม่ได้
หากซื้อ iPad Pro แล้วแต่ไม่ได้ถอย Apple Pencil ไปด้วยมันเหมือนขาดอะไรบางอย่างไป แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะต้องซื้อทุกเคสไป
Apple Pencil จะมีประโยชน์มาก สำหรับผู้ที่ใช้มันงานมันอย่างจริงจังเท่านั่น เช่น นักวาดการ์ตูนอะนิเมชัน, นักออกแบบภาพกราฟฟิกซึ่งจะต้องร่างแบบและลงสีจริง, สถาปนิก, นักออกแบบภายใน ฯลฯ เพราะสิ่งนี้เป็นสิ่งที่ทำให้(กระดาษ) iPad Pro นั้นมีชีวิต
Apple Pencil และ iPad Pro เมื่อใช้งานร่วมกันจะสามารถแยกแยะระดับการจดหนักเบาได้ดังนั้นลายเส้นที่ได้มาจะเป็นไปดั่งใจสั่งโดยไม่ต้องสลับเครื่องมือให้เมื่อย เสมือนว่าเรากำลังวาดอยู่บนกระดาษของจริงเลย
สำหรับ Apple Pencil เองจะมีแบตในตัวถ้าหมดสามาชาร์จชาร์จเพิ่มได้เลย
Smart Keyboard สิ่งที่ต้องมีหากคุณนั้นชอบพิมพ์
แม้ iPad Pro จะมีคีบอร์ดแบบสัมผัสแล้วแต่ผมก็ยังชอบการพิมพ์แบบสัมผัสผ่านแป้นคีบอร์ดอยู่ดี หากคุณเป็นนักเขียน นักข่าวที่จะต้องพิมพ์เนื้อหาอย่างรวดเร็วถ้าซื้อ iPad Pro ไปแล้วแต่ไม่มี Smart Keyboard ไปด้วยมันก็ไม่ได้ช่วยอะไรมากขึ้นเลย
วันนี้ตอนที่ทดสอบใช้งานที่ร้านยังไม่มี Smart Keyboard มาให้ลองทางร้านบอกว่าของจะเข้าปลายเดือนพฤศิจิกายน 2558 นี้ ยังไงก็ต้องใช้งานดูก่อนถึงให้ความเห็นที่ชัดเจนได้
ความเห็นส่วนตัวสำหรับ iPad Pro
iPad Pro ผมมองว่าเหมาะสำหรับคน “บางกลุ่ม” ที่เน้นการนำอุปกรณ์นี้มาต่อยอดการทำงานของตนเองให้ง่าย สะดวก รวดเร็ว และมีคุณภาพมากยิ่งขึ้น ด้วยราคาที่คนทั่วไปอาจจะมองว่า “แพง” แต่หากลองถามคนทำงานอย่าง อะนิเมเตอร์, ดีไซน์เนอร์, สถาปนิกหรือนักลงทุน ผมคิดว่าคนเหล่านั้นจะตอบว่า “ราคาก็ไม่ถือว่าแพงและยิ่งถ้าทำให้งานของเราดีขึ้นมันก็คุ้มค่าและน่าลงทุน”
การจะใช้ iPad Pro ให้คุ้มค่า “คุณต้องทราบก่อนว่าจะใช้ทำอะไรและมีแอปพลิเคชันไหนรองรับ” เพราะหากไร้ซึ่งแอปพลิเคชันเหล่านั้นแล้ว iPad Pro มันก็ไม่ต่างอะไรกับ iPad รุ่นก่อนหน้าหรอกที่เอามาเพียงดู Youtube เล่น Facebook หรือ Line เท่านั้น ดังนั้นหากซื้อ iPad Pro ไปแล้วสิ่งที่ต่อคือการซื้อแอปพลิเคชันที่สามารถใช้กับงานที่เราต้องการ เช่น CAD หรือแอปตระกูล Adobe เป็นต้น
สำหรับคำถามที่ว่า “iPad Pro นำมาแทนที่ Notebook ได้ไหม”?
มุมมองของคนทำเว็บที่ต้องใช้คอมพิวเตอร์ในการสร้างเนื้อหาไม่ว่าจะเป็นการพิมพ์, การตัดต่อวีดีโอ, การปรับแต่งภาพถ่าย ฯลฯ ผมมองว่า Macbook หรือว่า Notebook ยี่ห้ออื่นๆ ยังเป็นทางเลือกที่เหมาะกว่าหากเทียบกับ iPad Pro + Smart Keyboard ถึงแม้ว่าผมจะยังไม่เคยลองใช้งาน Smart Keyboard ก็ตาม
iPad Pro อาจจะได้เปรียบเรื่องนำหนักที่เบา, ระบบหน้าจอแบบสัมผัสได้และการรองรับกับ Apple Pencil แต่ความยืดหยุ่นในการทำงานและการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ภายนอกนั้นก็ยังมีความจำเป็นอยู่มากและ iPad Pro ยังไม่สามารถตอบโจทย์ตัวนี้ได้ ดังนั้น Laptop ก็ยังตอบโจทย์ได้ดีกว่าแม้ว่าจะน้ำหนักมากกว่าหรือใหญ่กว่าก็ตาม
ทั้งหมดถือว่าเป็นประสบการณ์จริงที่ได้ทดสอบแล้วนำมาเล่าสู่กันฟังอาจจะมีตกหล่นบ้าง ทั้งนี้อยากให้ผู้อ่านได้ข้อมูลที่ครบทุกด้านเพื่อนำไปวิเคราะห์และตัดสินใจก่อนซื้อมาใช้งานอีกครั้ง หากมีข้อสงสัยเพิ่มเติมสามารถโพสไว้ที่ท้ายบทความนะครับแล้วผมจะมาตอบให้อีกที
อยากซื้อ iPad Pro จะหาซื้อได้ที่ไหนบ้าง?
หากอยากทดสอบเล่นเครื่องจริงก่อนสามารถเยี่ยมชมได้ที่ iStudio หลายๆ สาขา แต่ที่ผมได้มีโอกาสไปลองเล่นนั้นอยู่ iStudio by SPVi ในห้องเซนทรัลแจ้งวัฒนะ ที่นั่นมีโปรโมชั่นผ่อน 0% 10 เดือนให้ด้วยนะ สอบถามได้ที่ iStudio by SPVi ทุกสาขา, iBeat by SPVi (ยกเว้นสาขา Lotus Mahachai 2)
นอกจากนี้สำหรับใครที่อยู่ต่างจังหวัดสามารถาสั่งซื้อ iPad Pro และอุปกรณ์เสริมอื่นๆ ได้ที่ Apple Store Online ได้เช่นกัน