in ,

รีวิว iPad Air (รุ่นที่ 6) ชิป M2: ทั้ง 11″ และ 13″ จอใหญ่ขึ้น แรงขึ้น คุ้มค่ากับการอัปเกรดไหม?

มาดูรีวิว iPad Air รุ่นล่าสุด ชิป M2 กล้องหน้าแนวนอน เลือกอะไรดีระหว่าง 11″ และ 13″ นิ้ว และ iPad Air ชิป M2 นี้เหมาะกับใคร? อ่านรีวิวนี้ได้เลย

รีวิว iPad Air (รุ่นที่ 6) ชิป M2: ทั้ง 11″ และ 13″ จอใหญ่ขึ้น แรงขึ้น คุ้มค่ากับการอัปเกรดไหม?

iPad Air (รุ่นที่ 6) มาพร้อมกับชิป M2 ที่แรงขึ้น จอใหญ่ขึ้น ย้ายกล้องหน้ามาวางในแนวนอน แต่คำถามคือ มันคุ้มค่ากับการอัปเกรดจากรุ่นก่อนหน้าหรือไม่? และการมีการเพิ่มตัวเลือกขนาดจอ 13″ เข้ามา ทำให้ตัดสินใจยากขึ้นหรือเปล่า? มาหาคำตอบกันในรีวิวนี้

ไฮไลท์เด่น

  • มี 2 รุ่นให้เลือก คือ 11″, 13″
  • หน้าจอ Liquid Retina , Multi‑Touch แบ็คไลท์แบบ LED ทั้ง 2 ขนาดหน้าจอ
  • ชิป M2 CPU 8-core, GPU 9-core (อัปเดตล่าสุด) , Neural Engine 16-core
  • RAM 8GB เท่ากันทุกความจุ
  • กล้องหน้าแนวนอน Ultra-wide 12MP
  • กล้องหลัง 1 ตัว Wide 12MP บันทึกวิดีโอระดับ 4K ที่ 24 fps, 25 fps, 30 fps หรือ 60 fps
  • การเชื่อมต่อ รองรับ Wi‑Fi 6E, Bluetooth 5.3, 5G , ซิม eSIM เท่านั้น ไม่มีช่องใส่ซิม (Nano-SIM)
  • ยืนยันตัวตนด้วย Touch ID
  • พอร์ต USB-C (ไม่รองรับ Thunderbolt)
  • รองรับ Apple Pencil Pro, Apple Pencil พอร์ต USB-C
  • มี 4 สีให้เลือก ฟ้า, ม่วง, สตาร์ไลท์, เทาสเปซเกรย์
  • มีให้เลือก 4 ความจุ 128GB, 256GB, 512GB, 1TB
  • ราคาเริ่มต้น 23,900 บาท

อุปกรณ์ในกล่อง

ตัวกล่องภายนอกไม่มีพลาสติกห่อหุ้มตามนโยบายรักษ์โลกของบริษัท มีซีลปิดบริเวณด้านหลังกล่องทั้งบนและล่าง มาดูอุปกรณ์ในกล่องกัน

  • ตัวเครื่อง iPad Air ชิป M2
  • สายชาร์จ USB-C แบบถักสีขาว
  • อแดปเตอร์ขากลมสีขาว แบบ 20W
  • คู่มือในกล่อง *ไม่แถมสติกเกอร์โลโก้ Apple แล้ว*

ชิป M2 : เร็วขึ้น แรงขึ้น คุ้มค่าไหม?

ชิป M2 ใน iPad Air ชิป M2 มาพร้อม CPU 8-core, GPU 9-core (อัปเดตล่าสุด) , Neural Engine 16-core

ชิป M2 ทำให้ iPad Air (รุ่นที่ 6) เร็วขึ้นและทรงพลังขึ้น การทำงานต่าง ๆ ลื่นไหลไม่มีสะดุด ไม่ว่าจะเป็นการตัดต่อวิดีโอ เล่นเกม หรือทำงานกราฟิก

(ซ้าย) สีม่วง – (ขวา) สีฟ้า

ชิป M2 ใน iPad Air (รุ่นที่ 6) ช่วยให้ฟีเจอร์ State Manager ทำงานได้ไหลลื่นกว่า iPad Pro ชิป M1 เวลาจะสลับแอปก็ไม่มีการกระตุก ย่อขยายหน้าต่างย่อยได้อย่างอิสระ

ฟีเจอร์ AI เช่น Visual Look up ที่เราใช้ยกวัตถุออกจากพื้นหรือ (การไดคัท) รวดเร็วขึ้น ไม่ถึงพริบตา สิ่งที่ต้องการก็ถูกยกออกจากพื้นหลังให้แล้ว เวลาที่คัดลอกไปยังคลิปบอร์ดแล้วกดวางในแอปอื่นก็ดูตอบสนองเร็วขึ้นด้วย

การตัดต่อวิดีโอทั่วไปในแอปตัดต่อวิดีโอยอดนิยมอย่าง Capcut นั้นลื่นไหลไม่แพ้กัน ใช้เวลาเร็นเดอร์วิดีโอความยาว 1 นาที ให้ออกมาเพียงไม่กี่วินาทีเท่านั้น เหมาะกับสายคอนเท้นต์เป็นอย่างมาก

สำหรับการเล่นเกมนั้น เราเลือกเล่นเกมยอดนิยมอย่าง Genshin Impact ซึ่งเป็นเกมที่ภาพสวยและใช้สเปค ประสบการณ์ที่ได้จากการลองเล่นเกมนี้บน iPad Air ชิป M2 ให้ประสบการณ์ที่ลื่นไหล ไม่พบอาการค้างและหน่วง เวลาที่สลับตัวละครเพื่อคอมโบก็ทำได้ดี และการเล่นบนจอ 13″ ก็เป็นอะไรที่เต็มตา เล่นเพลิน ๆ ติดต่อกันหลายชั่วโมงได้เลย

จอ 13 นิ้ว: ใหญ่ขึ้น ดีขึ้นจริงหรือ?

จอ 13 นิ้ว ครั้งแรกใน iPad Air มอบประสบการณ์ที่เต็มตากว่าเดิม ช่วยให้มีพื้นที่การทำงานที่มากขึ้น เหมาะสำหรับการทำงานแบบ Multitasking หรือการใช้งานแอปที่ต้องการพื้นที่หน้าจอเยอะ ๆ เช่น แอปตัดต่อวิดีโอ หรือแอปวาดรูป รุ่น 13″ มีหน้าจอสว่างกว่ารุ่น 11″ กว่า 20% ทำให้จอสู้แสงในที่แสงจัดได้ดีกว่าเล็กน้อย

หน้าจอของ iPad Air (รุ่นที่ 6) ทั้งของขนาด คือ 11″ และ 13″ ยังถึงใช้หน้าจอ Liquid Retina (LCD) เหมือนเดิม เรื่องงานภาพโดยรวมอาจจะไม่ได้แตกต่างจาก iPad Air รุ่นก่อนหน้ามากนัก แต่ขออวยยศให้รุ่น 13″ นิ้ว ที่ทำให้การดูหนัง ดู YouTube หรือเล่นเกมสนุกขึ้น เพราะหน้าจอใหญ่กว่าก็เห็นอะไรได้ดีกว่า

iPad Air (รุ่นที่ 6) มีอีกหนึ่งความพิเศษคือ การรองรับ Apple Pencil Hover หรือก็คือ เงาที่เกิดขึ้นเวลาที่เรานำ Apple Pencil ไปวางใกล้ ๆ จอ สายวาดรูปหน้าจะถูกใจ เพราะเหมือนมีเส้นไกด์ให้ เวลาจะจรดปลาย Pencil ลงไป ก็จะมีความมั่นใจและแม่นยำกว่า

กล้องหน้าแนวนอน

iPad Air (รุ่นที่ 6) ชิป M2 ถูกจัดวางในแนวนอนทำให้ใช้งานร่วมกับ Center Stage ได้ดีขึ้น เนื่องจากการวาง หรือถือ iPad ในแนวนอนนั้น เป็นท่าทางที่ใช้บ่อยในการประชุมออนไลน์หรือดูวิดีโอ ตำแหน่งกล้องแนวนอนจะทำให้ Center Stage สามารถจับภาพใบหน้าและปรับมุมกล้องตามการเคลื่อนไหวได้อย่างเป็นธรรมชาติมากขึ้น และได้มุมกล้องที่กว้างขึ้นเล็กน้อย

อีกข้อดีของการปรับกล้องมาวางในแนวนอนคือ เวลาที่คุณตั้ง iPad ในแนวนอน และเหลือบตาไปมองกล้อง คุณจะอยู่ในท่าทางที่เป็นธรรมชาติมากขึ้น ไม่ต้องสับสนแล้วว่าควรมองกล้องตรงไหนดี

กล้องหลังยังคงให้มา 1 ตัวเท่าเดิม เป็นกล้องเลนส์ Wide 12MP นอกจากจะถ่ายรูป สแกนเอกสารแล้ว ยังสามารถ บันทึกวิดีโอระดับ 4K ที่ 24 fps, 25 fps, 30 fps หรือ 60 fps ได้ด้วย

อุปกรณ์เสริม

iPad Air (รุ่นที่ 6) ชิป M2 นั้น รองรับ Apple Pencil Pro ปลดล็อคความสามารถในการวาดเขียนได้มากขึ้น และยังรองรับ Apple Pencil พอร์ต USB-C ด้วย แต่ถ้าคุณเป็นสายวาดเราก็ขอเชียร์ให้ลองใช้งาน Apple Pencil Pro ไปเลย การวาดเขียนบน iPad Air ของคุณจะสนุกขึ้นแน่นอน

ส่วน Magic Keyboard นั้นยังรองรับเป็นรุ่นเก่าอยู่ ไม่ได้รองรับ Magic Keyboard รุ่นใหม่ที่เป็นวัสดุอลูมิเนียมนะ!

การเชื่อมต่อ

การเชื่อมต่อทั่วไป รองรับ Wi‑Fi 6E, Bluetooth 5.3, รุ่น Cellular รองระบ 5G ที่ใส่ได้เฉพาะ eSIM เท่านั้น เพราะไม่มีช่องใส่ซิม (Nano-SIM) มาให้แล้ว

การชาร์จก็สามารถชาร์จผ่านพอร์ต USB-C และ Adapter ที่แถมมาให้ในเครื่องได้เลย

iPad Air (รุ่นที่ 6) ชิป M2 เหมาะกับใคร?

  • นักเรียน นักศึกษา: เหมาะสำหรับการจดเลคเชอร์ ทำรายงาน หรือทำงานกลุ่ม ใช้แอปแก้ไข PDF ใช้แอปวาดเขียนได้ อาจจะมองเป็นตัว 11″ เพราะเหมาะกับการพกพา ใส่กระเป๋าไปเรียนมากกว่า
  • อาจารย์ ติวเตอร์: ใช้ในการสอนออนไลน์ หรือเตรียมสื่อการสอน สำหรับผู้ใช้กลุ่มนี้ แนะนำทั้งสองขนาดหน้าจอเลย แต่หากเป็นการสอนออนไลน์และเตรียมสื่อการสอน จอ 13″ อาจจะเหมาะกว่า จะได้ไม่ต้องเพ่งตามองตัวหนังสือ
  • ผู้ใช้งานทั่วไป (ที่ไม่ใช้ผู้ใช้ระดับ Pro) : หากต้องการใช้งาน iPad ที่มีประสิทธิภาพดี ใช้งานได้หลากหลาย ไม่ว่าจะดูหนัง ฟังเพลง เล่นเกม หรือทำงาน iPad Air ก็ตอบโจทย์เช่นกัน

iPad Air (รุ่นที่ 6) ชิป M2 เป็น iPad ที่ทรงพลังและคุ้มค่า เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการ iPad ที่มีประสิทธิภาพสูง แต่ราคาไม่แพงเท่า iPad Pro หากคุณกำลังมองหา iPad ที่สามารถตอบโจทย์การใช้งานได้หลากหลาย iPad Air (รุ่นที่ 6) เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ

อัปเกรดมาใช้ iPad Air ชิป M2 ดีไหม?

หากคุณใช้งาน iPad รุ่นเก่า ที่ใช้ชิปตระกูล A Series เช่น A16 Bionic, A12Z อยู่ล่ะก็ เราแนะนำให้คุณอัปเกรดอย่างยิ่ง เพราะชิป M2 นั้นจะทำให้คุณประทับใจในเรื่องของความรวดเร็ว ลื่นไหล เพียงพอสำหรับการใช้งานแทบทุกอย่าง ยกเว้นงานโปรดักชั่นสเกลระดับกลางไปจนถึงระดับใหญ่

ความจุ ราคา และการจัดจำหน่าย

iPad Air (รุ่นที่ 6) ชิป M2 มี 4 สีให้เลือก ได้แก่ สีฟ้า, ม่วง, สตาร์ไลท์, เทาสเปซเกรย์ โดยทั้งขนาดจอ 11″ และ 13″ มีให้เลือก 4 ความจุ ได้แก่ 128GB, 256GB, 512GB, 1TB

  • iPad Air (รุ่นที่ 6) ชิป M2 รุ่น 11″ เริ่มต้น 23,900 บาท
  • iPad Air (รุ่นที่ 6) ชิป M2 รุ่น 13″ เริ่มต้น 29,900 บาท
  • iPad Air (รุ่นที่ 6) ชิป M2 รุ่น 11″ (Wi-Fi + Cellular) เริ่มต้น 29,900 บาท
  • iPad Air (รุ่นที่ 6) ชิป M2 รุ่น 13″(Wi-Fi + Cellular) เริ่มต้น 35,900 บาท

ดูข้อมูลเพิ่มเติมและสั่งซื้อได้ที่เว็บไซต์ apple.com

ความคิดเห็น - Like เพจ iPhoneMod.net

เขียนโดย Nooknick Yanika

Humanities, English Literature
Chiangmai University