Zakura Kim
สำหรับผู้ใช้ Apple Watch หลายคนอาจจะยังไม่เคยรู้มาก่อนว่าบางพฤติกรรมนั้นส่งผลให้การวัดหรือการบันทึกข้อมูล Apple Watch ผิดพลาดหรือบางฟีเจอร์เราก็อาจจะยังใช้ไม่คุ้มค่า เรามาชมกันเลยว่าพฤติกรรมผิด ๆ นั้นมีอะไรบ้าง
10 พฤติกรรมการใช้ Apple Watch แบบผิด ๆ ที่อาจไม่เคยรู้มาก่อน
1. การปรับสายแน่นหรือหลวมเกินไป
การสวมใส่ Apple Watch เราควรจะปรับสายให้กระชับพอดีกับข้อมูล ไม่ควรปรับสายรัดแน่นจนเกินไป เนื่องจากข้อมือของเรามีเส้นประสาทมากมาย อาจจะส่งผลให้เกิดการกดทับและชามือได้
นอกจากนี้เราก็ไม่ควรที่จะปรับสายหลวมเกินไปด้วย เพราะ Apple Watch จะวัดอัตราการเต้นของหัวใจตลอดเวลา ดังนั้นการใส่แบบหลวม ๆ อาจจะทำให้ข้อมูลการวัดผิดพลาดได้
ควรปรับสายให้กระชับพอดีกับข้อมือ หากเป็นสาย Sport Band ก็เลือกไซส์ของสาย (S/M, M/L)ให้เหมาะสมกับข้อมือ และเลือกใส่หมุดที่พอดี แต่ถ้าเป็นสาย Sport Loop ก็สามาถรเลื่อนปรับระดับได้ตามต้องการ เหมาะกับเวลาใส่ออกกำลังกายเป็นอย่างมาก
2. ไม่สนใจคุณสมบัติด้านความปลอดภัย
ที่ผ่านมาเราคงได้เห็นตัวอย่างการช่วยเหลือชีวิตของผู้คนมากมายจาก Apple Watch บางคนอาจจะคิดว่าเป็นเรื่องไกลตัว แต่สิ่งไม่คาดคิดนั้นเกิดขึ้นได้เสมอ ดังนั้นเราควรเปิดการแจ้งเตือนฟีเจอร์ด้านสุขภาพและความปลอดภัยไว้
ไม่ว่าจะเป็นการแจ้งเตือนหัวใจเต้นช้าหรือเร็ว ตั้งค่าข้อมูลไอดีการแพทย์ ตรวจจับการล้ม และเรียนรู้วิธีการใช้งานการโทร SOS ฉุกเฉินไว้ด้วย
3. ไม่อัปเดตข้อมูลสุขภาพเลย
การคำนวณปริมาณแคลอรี่จากการออกกำลังกายและการเคลื่อนไหวจะต้องใช้ข้อมูลสุขภาพของเราด้วย ซึ่งจะมีทั้งน้ำหนัก ส่วนสูง และอายุ แต่สิ่งที่เปลี่ยนแปลงบ่อยที่สุดก็น่าจะเป็นน้ำหนัก ดังนั้นเราควรอัปเดตข้อมูลน้ำหนักให้ตรงกับปัจจุบันอยู่เสมอ เพื่อการคำนวณแคลอรี่ที่แม่นยำและถูกต้อง [ชมวิธีที่นี่]
4. ไม่ใส่ใจเรื่องแบตเตอรี่
หากเราดูแล Apple Watch โดยหลีกเลี่ยงจากความเสี่ยงที่ส่งผลต่อแบตเตอรี่ก็จะช่วยยืดอายุของแบตเตอรี่ให้ใช้งาน Apple Watch ได้นานขึ้น สิ่งที่เราสามารถดูแลได้ง่าย ๆ ก็คือ หลีกเลี่ยงการเก็บ Apple Watch ไว้ที่ที่อุณหภูมิสูงหรือร้อนจัด และไม่ควรชาร์จทิ้งไว้นานจนเกินไป แต่ถ้าชาร์จทิ้งไว้ตอนกลางคืนจนถึงตอนเช้าแล้วนำมาใส่ก็ไม่เป็นไร
5. ทำความสะอาดผิดวิธี
แน่นอนว่าเราควรทำความสะอาด Apple Watch อยู่เป็นประจำหลังจากออกกำลังกายหรือพบว่า Apple Watch มีเหงื่อไคลสกปรก แต่การทำความสะอาดก็ต้องทำอย่างถูกวิธี
เราไม่ควรใช้สบู่ แชมพู หรือน้ำยาทำความสะอาดสารเคมีอื่น ๆ มาล้างหรือเช็ด Apple Watch ไม่ควรใส่อาบน้ำ เนื่องจากสารเคมีจะทำให้ซีลหรืออุปกรณ์ภายในเสื่อมสภาพได้เร็ว เพียงแค่ใช้น้ำปกติล้างและใช้ผ้านุ่มเช็ดให้แห้ง ส่วนของสายก็สามารถล้างหรือซักได้ปกติ ยกเว้นสายหนัง [ชมวิธีการทำความสะอาดอย่างละเอียด]
6. ไม่เรียนรู้การใช้งานฟีเจอร์อื่นที่เป็นประโยชน์
ส่วนใหญ่เราสวมใส่ Apple Watch เพื่อเน้นการออกกำลังกาย วัดอัตราการเต้นของหัวใจ และใช้งานกับแอปเสริมอื่น ๆ แต่ลืมไปว่า Apple Watch ยังมีฟีเจอร์เจ๋ง ๆ อีกหลายอย่างที่สามารถทำได้
ไม่ว่าจะเป็นการเรียกหา iPhone, การจ่าย Apple Pay ในต่างประเทศ, การปลดล็อค Mac, ควบคุมเพลงและมีเดียอื่น ๆ เป็นต้น
7. พลาดการปิดวงแหวนกิจกรรม
วงแหวนกิจกรรมเป็นตัวจูงใจให้เราเคลื่อนไหวร่างกาย ออกกำลังกาย และยืน เพื่อการมีสุขภาพที่ดีได้ แต่สำหรับบางคนที่ไม่เคยปิดวงแหวนให้ครบได้เลย ถือว่าเราไม่ได้ใช้ประโยชน์จาก Apple Watch อย่างเต็มที่
แนะนำว่าให้เริ่มต้นปิดวงแหวนแต่ะวงให้ได้ จากนั้นก็ลองทำกิจกรรมตามคำท้าต่าง ๆ เพื่อพิชิตเหรียญรางวัล และท้าทายเพื่อน ๆ มาแข่งขันการปิดวงแหวนให้ได้ เพื่อส่งเสริมการมีสุขภาพที่ดีขึ้น
8. ไม่ตั้งค่ารหัสผ่าน
แนะนำให้ตั้งรหัสผ่านสำหรับปลดล็อคเ Apple Watch เพื่อความเป็นส่วนตัวในการเข้าถึงข้อมูลในเครื่อง ไม่ว่าจะเป็นการส่งข้อความ ข้อมูลสุขภาพ ข้อมูลแอปอื่น ๆ นอกจากนี้ถ้าเราทำเครื่องหาย รหัสผ่านก็ยังเป็นด่านแรกที่ช่วยปกป้องการเข้าถึงเครื่องได้อีกด้วย
แต่เราไม่ต้องกังวลว่าจะต้องปลดล็อค Apple Watch ทุกครั้งที่หน้าจอดับ เพราะตราบใดที่เรายังสวมใส่บนข้อมือ Apple Watch ก็ไม่ล็อค แต่ถ้าเราถอดวางไว้ เครื่องก็จะล็อคทันที เมื่อหยิบมาสวมใส่เราแค่ใส่รหัสผ่านครั้งแรกเท่านั้น
9. สวมใส่แบบไม่ระวัง
ถึงแม้ว่าหน้าจอ Apple Watch จะออกแบบมาให้ทนทานแล้ว แต่ถึงอย่างไรกระจกก็ย่อมมีวันแตก ถ้าหากได้รับแรงกระแทกหรือตกกระทบอย่างรุนแรง หรือจะตกแบบเบา ๆ ถ้ามุมหรือองศาได้ก็ทำให้กระจกแตกได้เช่นกัน สำหรับคนที่ไม่ค่อยระวังก็สามารถหากเคสมาสวมใส่เพื่อป้องกันได้
นอกจากนี้เรื่องการทนน้ำก็ควรฏิบัตรอย่างเคร่งครัด ถึงแม้ว่า Apple Watch จะทนน้ำ แต่ก็มีมาตรฐานควบคุมอยู่ ซึ่งมีความสามารถในการทนน้ำระดับ 50 เมตรตามมาตรฐาน ISO 22810:2010 สามารถใส่อาบน้ำ ว่ายน้ำในสระ หรือดำน้ำตื้นในทะเลได้ แต่ไม่สามารถดำน้ำลึกเกิน 50 เมตร และไม่ควรใส่เล่นสกีน้ำหรือกิจกรรมทางน้ำที่มีความเร็วสูง
10. ไม่อัปเดต watchOS เลย
การปล่อยอัปเดตซอฟต์แวร์จะมาพร้อมกับการแก้ไขข้อผิดพลาด ฟีเจอร์ใหม่ ปรับปรุงประสิทธิภาพและความปลอดภัย รวมถึงกความเข้ากันได้กับ iOS บน iPhone ดังนั้นถ้าหากเราไม่อัปเดตเลยเราก็จะไม่ได้รับสิ่งเหล่า ซึ่งแน่นอนว่าส่งผลต่อการใช้งาน Apple Watch ที่ไม่สมบูรณ์ และฟีเจอร์บางอย่างอาจจะใช้ไม่ได้
ดังนั้นเมื่อมีการแจ้งเตือนให้อัปเดต เราก็ควรที่จะทำการอัปเดต watchOS ให้เป็นเวอร์ชันล่าสุดอยู่เสมอ โดยวาง Apple Watch ไว้ที่แท่นชาร์จและแบตเตอรี่ต้องมี 50% ขึ้นไป
และทั้งหมดนี้ก็เป็นพฤติกรรมการใช้งาน Apple Watch แบบผิด ๆ หรือใช้งานยังไม่เต็มที่ สำหรับใครที่ยังไม่ทราบมาก่อนก็ลองปรับปรุงกันดูนะคะ
ขอบคุณ idropnews
