App Store ครบรอบ 10 ปี

โดย Narongrit Laowanichwatthana 06/07/2018, 15:43 1000 Views

นับตั้งแต่ Apple ได้เปิดตัว App Store ไปเมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม 2008 พร้อมกับแอปจำนวน 500 แอป ก็ได้สร้างปรากฏการณ์ทั้งในเชิงวัฒนธรรม เศรษฐกิจ และสังคมที่เปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตของผู้คนไปมากมาย เรามาชมกันว่า 10 ปีที่ผ่านมา App Store ได้สร้างปรากฏการณ์ทั่วโลกได้อย่างไรบ้าง

App Store ครบรอบ 10 ปี

ในระยะเวลา 10 ปี App Store ได้เปลี่ยนแปลงการใช้ชีวิต การทำงาน การเล่นสนุก การพบปะ การเดินทาง และการเปลี่ยนแปลงอีกมากมาย เป็นแหล่งรวบรวมแอปที่ดีที่สุดและปลอดภัยสำหรับผู้ใช้ทุกเพศทุกวัย

อีกทั้งยังเป็นตลาดแอปที่คึกคักสำหรับนักพัฒนาแอปทั้งรายย่อยและรายใหญ่จากทั่วโลกกว่า 155 ประเทศ ซึ่งนับเป็นสิ่งที่มีคุณค่าอย่างยิ่ง

1. App Store เปิดประตูสู่โอกาสให้แก่นักพัฒนา และให้ผู้ใช้ควบคุมประสบการณ์การใช้งานในรูปแบบใหม่ด้วยตนเอง

App Store มอบโซลูชั่นสุดล้ำสำหรับให้นักพัฒนาได้แจกจ่ายซอฟต์แวร์ของตน และให้ลูกค้าได้สัมผัสประสบการณ์การใช้งานแอปอย่างที่ไม่เคยได้สัมผัสที่ไหนมาก่อน อย่างที่ Marco Arment นักพัฒนา Overcast และนักพัฒนาที่คุ้นเคยกับ iOS มาอย่างยาวนาน ได้กล่าวไว้ว่า “ตั้งแต่วันแรกที่เปิดตัวจนถึงวันนี้ App Store เป็นแพลตฟอร์มที่ง่ายที่สุดที่นักพัฒนาจะแจกจ่ายแอปให้คนจำนวนมาก โดยไม่ต้องเสียเวลาหรือเสียเงินไปกับการติดตั้งระบบจัดจำหน่ายและระบบชำระเงิน”

ก่อนปี 2008 อุตสาหกรรมซอฟต์แวร์มีเพียงบริษัทใหญ่ ๆ สองสามแห่ง และ App Store ก็ได้เปิดประตูสู่โอกาสให้แก่นักพัฒนาทุกราย ไม่ว่าจะเป็นนักพัฒนารายย่อยหรือผู้ที่มีสตูดิโอขนาดใหญ่ ให้ทุกคนสามารถนำเสนอไอเดียอันยอดเยี่ยม สร้างแอปที่มีคุณภาพ และส่งมอบผลงานของตนได้อย่างง่ายดายให้แก่ลูกค้าที่เพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อย ๆ ทั่วโลก

MLB At Bat, Tap Tap Revenge, Trism, The New York Times, eBay และ Travelocity เป็นตัวแทนของแอปจากหลากหลายหมวดหมู่ที่มีให้ดาวน์โหลดตั้งแต่วันแรก

2. การเติบโตของธุรกิจบนอุปกรณ์พกพา

App Store ผลักดันให้เกิดอุตสาหกรรมรูปแบบใหม่และเปลี่ยนแปลงให้ลูกค้ามีปฏิสัมพันธ์กับธุรกิจและบริษัทสตาร์ทอัพ เช่น Calm, Instagram, Uber และ Instacart ที่ได้นำคุณสมบัติต่าง ๆ ของ iPhone ไปใช้ ไม่ว่าจะเป็นกล้องถ่ายรูป, Apple Pay, GPS และบริการการหาตำแหน่งที่ตั้ง

ในขณะเดียวกัน ทั้งบริษัทที่มีมานานแล้วหรือบริษัทที่เริ่มต้นจากเว็บไซต์ อย่าง Twitter, Facebook, eBay, Yelp, Airbnb และ Amazon ต่างก็เริ่มสร้างแอปเพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าที่มีการเปลี่ยนแปลงไป

ด้วยเหตุนี้ แอปจึงกลายเป็นหนึ่งในช่องทางที่สำคัญที่สุดที่ลูกค้าจะได้มีปฏิสัมพันธ์กับธุรกิจต่าง ๆ และจัดการกับสิ่งที่ต้องทำ เช่น จองตั๋วเครื่องบินหรือโรงแรม จองโต๊ะสำหรับอาหารเย็น เลือกซื้อของขวัญหรือจ่ายบิล เป็นต้น

3. เกมได้รับความนิยมและมีผู้เล่นใหม่ ๆ มากมาย

App Store เป็นตลาดเกมที่มีชื่อเสียงมากที่สุด และมีเกมทุกประเภทให้เลือก ไม่ว่าจะเป็น เกมแนวใหม่หรือแนวดั้งเดิม ไปจนถึงเกมที่ใคร ๆ ก็รักอย่าง Pokémon Go

App Store ทำให้การเล่นเกมเป็นกิจกรรมกระแสหลักได้ ก็เพราะว่ามีเทคโนโลยี Multi-Touch ที่ใช้งานง่ายบน iPhone และ iPad บวกกับความสะดวกในการเล่นเกมได้ทุกที่ทุกเวลา ลูกค้าต่างชื่นชอบเกมในยุคแรก ๆ อย่าง PAC-MAN, Angry Birds, Real Racing และ Temple Run ซึ่งทำให้ iOS เป็นแพลตฟอร์มการเล่นเกมที่มีชื่อเสียงที่สุดในโลก

เกมอื่น ๆ อย่าง Heads Up!, PUBG และ Fortnite ก็ทำให้เกิดปรากฏการณ์ทางสังคมและวัฒนธรรมไปทั่วโลก ในขณะเดียวกันเทคโนโลยีใหม่ ๆ ก็ทำให้เกมคอนโซลคุณภาพเยี่ยมมาอยู่บนอุปกรณ์พกพาได้ ไม่ว่าจะเป็น Vainglory, The Witness และ Realm of Valor (ROV)

4. การซื้อภายในแอป การบอกรับสมาชิกเพื่อปลดล็อคประสบการณ์ใหม่ ๆ

การซื้อภายในแอปทำให้นักพัฒนาแจกจ่ายแอปให้ผู้ใช้ได้ฟรี ลูกค้าจึงสามารถทดลองใช้งานก่อนได้แล้วจึงตัดสินใจจ่ายเงินเพื่อใช้งานคุณสมบัติอื่น ๆ เพิ่มเติม ส่วนการบอกรับสมาชิกในแอป เช่น แอป Headspace ก็ช่วยให้ลูกค้าใช้งานคุณสมบัติใหม่ ๆ ได้

การเปิดตัวคุณสมบัติการซื้อภายในแอป (IAP) ในปี 2009 ทำให้ผู้ใช้สามารถดาวน์โหลดแอปและจ่ายเงินเพื่อปลดล็อคเลเวลและคุณสมบัติอื่น ๆ ในภายหลัง ซึ่งเป็นการเปิดโอกาสให้ผู้ใช้ได้ทดลองใช้งานแอปใหม่ ๆ ก่อนตัดสินใจซื้อ

ในปี 2011 App Store เริ่มเปิดตัวแอปที่รองรับการบอกรับสมาชิก และภายในปี 2016 ก็ได้เพิ่มคุณสมบัตินี้ไปยังแอปทั้ง 25 หมวดหมู่ เป็นกว่า 28,000 แอปแล้วที่รองรับการบอกรับสมาชิก รวมถึง Netflix, iQiYi, Tinder, LinkedIn, Sing! By Smule และ Dropbox ทำให้ผู้ใช้ใหม่หลายล้านคนสามารถสำรวจและสมัครใช้งาน หรือยกเลิกการบอกรับสมาชิกได้ทันที

5. ความบันเทิงในรูปแบบสตรีมมิ่งกำลังมาแรง

App Store เป็นศูนย์กลางการเติบโตของการรับชมวิดีโอบนอุปกรณ์เคลื่อนที่ หน้าจอขนาดใหญ่และความละเอียดของจอภาพ iPhone และ iPad ทำให้ลูกค้าชมวิดีโอระหว่างเดินทางได้สะดวกยิ่งขึ้น นอกจากนี้ บริการสตรีมมิ่งอย่าง HBO NOW, Hulu, Netflix, Sling TV และรายการคุณภาพอีกมากมาย ยังทำให้ลูกค้าได้เพลิดเพลินกับความบันเทิงที่พวกเขาต้องการได้ทุกที่ทุกเวลาด้วย

6. ความคิดสร้างสรรค์ การทำงาน และการศึกษาไปได้ไกลกว่าออฟฟิศและกระดานในห้องเรียน

ในปี 2010 iPad ถือกำเนิดขึ้นในฐานะกระดานดิจิตอลขนาดใหญ่ ให้ลูกค้าได้ใช้เปิดประสบการณ์สร้างสรรค์และเรียนรู้สิ่งใหม่ เพราะพกพาง่ายและใช้งานได้หลากหลาย ผู้เชี่ยวชาญทั่วโลกจึงเลือกใช้ iPad Pro เป็นเครื่องมือช่วยสร้างสรรค์และทำงานได้ในระดับที่ไม่คิดว่าจะทำได้ นอกจากนี้ ผู้ใช้งานทุกระดับยังเลือกใช้ iPad มาเป็นทั้งเครื่องมือช่วยทำงานและเล่นสนุกอีกด้วย

ณ ปัจจุบัน มีแอปมากถึง 1.3 ล้านแอปที่ออกแบบมาเพื่อ iPad โดยเฉพาะ เช่น Procreate, Lightroom, Microsoft Office 365 และ Prêt-à-Template ช่วยให้คุณคิดสร้างสรรค์ชิ้นงานได้ทุกที่ ทลายกำแพงห้องทำงานและสตูดิโอ แล้วออกไปหาแรงบันดาลใจที่อาจเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ

7. แอปด้านสุขภาพ ฟิตเนส และการดูแลสุขภาพ ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว

Apple Watch และ HealthKit ช่วยให้นักพัฒนาสามารถริเริ่มสร้างสรรค์นวัตกรรมออกมาเป็นแอปด้านสุขภาพ ฟิตเนส และการดูแลสุขภาพที่ชาญฉลาดและโต้ตอบกับผู้ใช้ได้ ส่งผลให้ผู้ใช้แอปมีความแอ็คทีฟและใส่ใจดูแลสุขภาพมากขึ้น

ตั้งแต่ Apple Watch เปิดตัวมา แอปเหล่านี้มีจำนวนการดาวน์โหลดเพิ่มขึ้นถึง 75 เปอร์เซ็นต์ นำโดยแอปอย่าง Zova, Nike, Lose It!, Dexcom, One Drop, Glow, 10% Happier และ Yoga Glo

8. แอปการช่วยการเข้าถึงช่วยเสริมพลังให้ชุมชน

คุณสมบัติการช่วยการเข้าถึงที่มีอยู่ในตัวของ iOS สามารถให้ความช่วยเหลือที่สำคัญแก่ผู้ใช้ที่จำเป็นต้องได้รับความช่วยเหลือได้ เช่น ผู้บกพร่องทางสายตา ทางหู ทางร่างกาย หรือทางสมอง เป็นต้น

ตั้งแต่ปี 2009 เป็นต้นมา ลูกค้าหลายล้านคนสามารถใช้ประโยชน์จากแอปต่าง ๆ อย่าง Lyft, Twitter, Starbucks และ TED ที่รองรับคุณสมบัติการช่วยการเข้าถึงจำนวนมาก และในตัว iOS เองก็มีคุณสมบัตินี้ เช่น VoiceOver นอกจากนั้น แอปอื่น ๆ อย่าง Voice Dream Reader และ CP Channel ต่างก็ให้ความช่วยเหลือที่จำเป็นสำหรับผู้บกพร่องด้วย

9. การเขียนโค้ดช่วยสร้างแรงบันดาลใจให้คนรุ่นใหม่

ทุก ๆ ปี Apple จะจัดให้นักพัฒนาซอฟต์แวร์หลายพันคนจากทั่วโลกมาร่วมพูดคุยกันในงาน Worldwide Developers Conference (WWDC) เกี่ยวกับเรื่องการพัฒนาแอปโดยเฉพาะ และตั้งแต่ปี 2013 Apple ได้แจกทุนให้นักเรียนกว่า 150 คนให้มาเข้าร่วมงาน และในปี 2018 Apple ได้แจกทุนให้นักเรียนผู้ที่มีความสามารถมากถึง 350 คน รวมถึงสมาชิกองค์กร STEM จาก 42 ประเทศ โดยผู้ที่ได้รับทุนจะได้รับบัตรเข้างานประชุมและที่พักฟรี และยังได้เป็นสมาชิกโปรแกรมนักพัฒนาของ Apple อีก 1 ปีอีกด้วย

ซึ่ง Apple ยังได้เปิดตัวโปรแกรม Everyone Can Code ในปี 2016 เพื่อสนับสนุนการเรียน การเขียน และการสอนเขียนโค้ด และในวันนี้ มีนักเรียนมากถึง 10 ล้านคนทั่วโลกที่สามารถเข้าถึงเพื่อเรียนเขียนโค้ด แก้ปัญหา และสร้างแอปที่ช่วยเปลี่ยนแปลงอนาคตให้ดีขึ้นได้

10. App Store โฉมใหม่ส่งเสริมให้ผู้ใช้ได้ออกค้นหาแอป

แท็บวันนี้แบบใหม่จะเน้นนำเสนอเรื่องราวของแอปที่น่าสนใจ และแยกให้แอปและเกมอยู่คนละแท็บเพื่อให้ลูกค้าเข้าถึงและค้นหาแอปใหม่ ๆ ที่จะดาวน์โหลดได้ง่ายขึ้น

ในปี 2017 Apple ได้เผยโฉม App Store ที่สร้างขึ้นใหม่ทั้งหมดเพื่อให้ผู้ใช้อยากเข้าชมทุกวัน มีแท็บเกมและแท็บแอปแยกกันเพื่อให้ค้นหาสิ่งที่ต้องการได้อย่างตรงใจ ช่วยสร้างแรงบันดาลใจใหม่ ๆ และได้รู้จักผู้สร้างแอปมากขึ้น ซึ่งตอนนี้ App Store มีผู้เข้าชมมากถึง 500 ล้านคนต่อสัปดาห์ที่ใช้เวลาค้นหาแอปมากขึ้นกว่าเดิม และมีผู้อ่านเรื่องราวในแท็บวันนี้มากถึง 1 ล้านคน

11. AR กำลังจะมาปฏิบัติวงการ

AR คือ เทคโนโลยีแห่งการเปลี่ยนแปลงที่จะช่วยนำประสบการณ์เสมือนจริงมาสู่โลกจริง ช่วยเปลี่ยนวิธีใช้ทำงานและการเล่นสนุก

ในปี 2017 Apple ได้เปิดตัว ARKit 1.0 ที่ทำให้ iOS ได้กลายมาเป็นแพลตฟอร์ม AR ที่ใหญ่ที่สุดในโลกที่ผู้ใช้ iPhone และ iPad สามารถใช้งานได้ โดย ณ ปัจจุบันมีแอป AR กว่า 3,000 แอป เช่น Kings of Pool, Alice in Wonderland AR Quest และ Houzz ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถเลือกซื้อสินค้า เรียนรู้ และเล่นเกมได้อย่างน่าดึงดูดใจยิ่งกว่าเดิม