ฟีเจอร์เจ๋งๆ ใน iOS มีเยอะแยะมากมาย ซึ่งถูกเพิ่มและปรับปรุงมาจากหลายๆ เวอร์ชัน เพื่อให้การใช้งานของผู้ใช้ง่ายและมีประสิทธิภาพมากขึ้น ทีมงานจึงได้รวบรวมฟีเจอร์เจ๋งๆ ใน iOS ที่ใช้งานเวอร์ชันปัจจุบัน (iOS 12 ลงไป) มาแนะนำให้ชมกันค่ะ เผื่อบางฟีเจอร์ลืมกันไปแล้ว
รวม 13 ฟีเจอร์สุดเจ๋งบน iPhone ที่ยังคงช่วยให้ใช้งานอย่างมีประสิทธิภาพ
1. ตั้งเวลาที่ไม่ใช้งาน iPhone
แน่นอนว่า สมาร์ตโฟนเป็นสิ่งที่ต้องมีติดตัวอยู่ตลอดจนจะกลายเป็นปัจจัยที่ 5 ของชีวิต บางทีเราก็เล่นหรือดูวิดีโอจนเพลินเกินเลยเวลาที่ต้องพักผ่อน แต่โชคดีที่ iOS 12 มีฟีเจอร์เวลาหน้าจอ (Screen Time) ที่ให้ผู้ใช้ติดตามพฤติกรรมการใช้งาน iPhone และปรับตั้งค่าอย่งเหมาะสม
และฟีเจอร์เวลาไม่ใช้งาน (Downtime) ที่ให้ผู้ใช้สามารถกำหนดวันและเวลาที่จะไม่ใช้งาน iPhone เช่น ตั้งเวลาไม่ใช้งาน iPhone ตั้งแต่สามทุ่มถึงเจ็ดโมงเช้าของทุกวัน เมื่อถึงตามเวลาที่กำหนดแอปก็จะปิดไม่ให้เราเข้าไปใช้งาน (ยกเว้นแอปที่จำเป็นและแอปที่อนุญาตให้ใช้งาน) เพื่อให้เราได้พักผ่อนได้อย่างเต็มที่
เพิ่มเติม วิธีตั้งค่าเวลาหน้าจอ (Screen Time) เพื่อใช้งาน iPhone และ iPad ให้เป็นเวลา
2. ตั้งค่าการจำกัดการใช้แอปให้เหมาะสม
สำหรับใครที่อยากจะลดการเสพติดสมาร์ตโฟนอย่างจริงจังอีก ตัวแปรที่สำคัญอย่างแท้จริงก็คือ แอปโซเชียล เกม วิดีโอ และแอปอื่นๆ ที่ให้ความบันเทิงนั่นเอง iOS 12 ก็มีส่วนที่ให้ผู้ใช้สามารถตั้งค่การจำกัดการใช้งานแอปแต่ละประเภทอย่างเหมาะสมด้วยฟีเจอร์การจำกัดการใช้แอป
อย่างเช่น ถ้าเรารู้ตัวว่าเราเล่น Facebook, Instagram หรือดู YouTube มากเกินไป ก็สามารถกำหนดระยะเวลาการใช้งานแอปเหล่านี้ได้ว่าเราจะเล่นวันละกี่ชั่วโมง เมื่อเราเล่นหรือดูตามระยะเวลาที่กำหนดแล้ว แอปก็จะจำกัดการใช้งานทันที เพื่อให้เราได้พักการเล่น
3. เปิดโหมดเครื่องบินขณะชาร์จ iPhone
หากเราต้องการชาร์จ iPhone ให้รวดเร็วขึ้น สามารถเปิดโหมดเครื่องบินช่วยได้ รวมถึงการปิด Wi-Fi และบลูทูธ เอาไว้ ก็จะช่วยให้เครื่องชาร์จได้เร็วขึ้นประมาณ 2 เท่า
แน่นอนว่าการเปิดโหมดเครื่องบินนั้นจะปิดการเชื่อมต่อสัญญาณเซลลูลาร์ด้วย ดังนั้นเราจะไม่สามารถติดต่อกับใครได้ การชาร์จด้วยการเปิดโหมดเครื่องบินเร็วขึ้นก็จริง แต่ก็ต้องทำในเวลาที่เหมาะสม เช่น เวลาที่ไม่จำเป็นต้องติดต่องานหรือเวลาที่พักผ่อนไม่ได้สื่อสารแบบเร่งด่วน
เพิ่มเติม คำสั่งลัดช่วยให้การชาร์จแบตเตอรี่ iPhone รวดเร็วขึ้น (Charge Fast)
4. แตะเวลา เพื่อกลับไปด้านบนสุด
ทิปนี้ยังคงใช้งานได้ดีเสมอ แต่หลายคนอาจจะลืมไปแล้วเราสามารถแตะส่วนของเวลาด้านบนหน้าจอ เพื่อกลับไปด้านบนสุดได้ เช่น เวลาที่เราท่องเว็บไซต์ แล้วอ่านหรือดูบทความจนเพลินลงมาถึงด้านล่างของหน้าเว็บ ถ้าเราอยากกลับไปบนสุด ก็สามารถแตะเวลาได้เลย
วิธีนี้ยังสามารถใช้ได้ในแอปอื่นๆ รวมถึงแอปการตั้งค่าอีกด้วย อย่าลืม เวลาที่เลื่อนดูลงมาแล้ว อยากกลับไปด้านบนสุด ก็แตะเวลาได้เลย ง่ายมากๆ
5. ถ่ายรูปด้วยปุ่มเพิ่มลดเสียง
การกดถ่ายรูปด้วยปุ่มเพิ่มลดเสียงด้านข้าง iPhone หลายคนคงทราบดีแล้วว่าวิธีนี้จะช่วยให้การถ่ายมือเดียวหรือการเซลฟี่ทำได้ง่ายขึ้น รวมถึงเวลาที่เราถ่ายภาพด้วยกล้องหลังและวางกล่องแบบแนวนอน การกดปุ่มเพิ่มลดเสียงเพื่อลั่นชัตเตอร์ ก็ให้อารมณ์เหมือนกับจับกล้องถ่ายรูปจริงๆ
แถมให้อีกนิด ถ้าเราเสียบหูฟัง EarPod กับ iPhone การกดปุ่มเพิ่มเสียงเพื่อถ่ายรูปได้เช่นกัน
6. สร้างการแทนที่ข้อความ
ฟีเจอร์นี้เป็นฟีเจอร์ที่หลายคนถูกใจเอามากๆ โดยเฉพาะคนที่ต้องพิมพ์ตอบแชทหรือข้อความอยู่เป็นประจำ เราก็มักจะมีวลีหรือคำที่ใช้บ่อยอยู่แล้ว การพิมพ์ข้อความยาวๆ แบบเดิมซ้ำๆ ก็อาจจะทำให้รู้สึกขี้เกียจ เราสามารถประหยัดเวลาได้ด้วยการใช้ฟีเจอร์การแทนที่ข้อความ
ผู้ใช้สามารถกำหนดประโยค วลี หรือคำที่ใช้งานบ่อยคู่กับตัวอักษรย่อ ในเวลาที่เราพิมพ์แชทหรือข้อความ เราก็พิมพ์แค่อักษรย่อที่เราตั้งไว้ก็พอ ช่วยประหยัดเวลาในการพิมพ์ได้เยอะเลยทีเดียว และเรายังสามารถกำหนดตัวอักษรแทนที่รูปภาพไอคอนอื่นๆ ได้อีกด้วย
เพิ่มเติม วิธีใช้งาน ‘แทนที่ข้อความ’ สำหรับคนขี้เกียจตอบไลน์
7. ลาก Cursor บนคีย์บอร์ด iPhone
ก่อนที่จะปล่อยอัปเดต iOS 12 การเลื่อนเคอร์เซอร์ (Cursor) บนแป้นพิมพ์ iPhone นั้นสามารถทำได้เฉพาะรุ่นที่มีคุณสมบัติ 3D Touch เท่านั้น แต่ใน iOS 12 ก็ได้เพิ่มคุณสมบัติใหม่ที่อนุญาตให้ผู้ใช้ iPhone รุ่นที่ไม่มี 3D Toch สามารถแตะค้างที่ Spacebar ลากลากเคอเซอร์ไปยังตำแหน่งที่ต้องการแก้ไขข้อความได้
ทำให้ผู้ใช้ iPhone 5, iPhone 5S, iPhone SE และ iPhone XR สามารถจัดการข้อความได้ง่ายขึ้น ถึงแม้ไม่มี 3D Touch
8. เขย่าเครื่องเพื่อเลิกทำ
เวลาที่เราพิมพ์ข้อความหรือทำอะไรบางอย่างบน iPhone แล้วต้องการเลิกทำ (Undo) เราสามารถเขย่า iPhone และเลือกเลิกทำหรือเลิกป้อนได้เลย (Shake to Undo)
ซึ่งใน iOS 13 ก็ได้เพิ่มท่าทางการปัดแบบใหม่ เพื่อเลิกทำ (Undo) เช่นกัน โดยใช้การปัดด้วย 3 นิ้วไปด้านซ้าย เพื่อยกเลิกสิ่งที่ทำก่อนหน้านี้ ก็ง่ายเหมือนกัน
เพิ่มเติม วิธีปิดการเขย่าเพื่อเลิกทำ (Shake to Undo) บน iPhone, iPad
9.จัดการรหัสผ่านด้วย iCloud Keychain
พวงกุญแจ iCloud (iCloud Keychain) จะจดจำข้อมูลของเราให้อัตโนมัติ เช่น บัญชีผู้ใช้และรหัสผ่านใน Safari, บัตรเครดิต, รหัสผ่าน Wi-Fi และการเข้าสู่ระบบในแอปต่างๆ รวมถึงอัปเดตข้อมูลของเราอยู่เสมอ โดยข้อมูลเหล่านี้จะถูกเข้ารหัสไว้อย่างปลอดภัย และ Apple ก็ไม่สามารถอ่านได้ ถือว่ามีความปลอดภัยสูง
ความสะดวกอยู่ตรงที่ไม่ว่าเราจะใช้งาน iPhone, iPad หรือ Mac เครื่องไหนก็ตามที่ล็อกอิน Apple ID เดียวกัน และเปิด iCloud Keychain ไว้ อีกเครื่องที่เราไปใช้งานก็จะจำข้อมูลเหล่านี้ โดยที่เราไม่ต้องกรอกซ้ำ ง่ายสำหรับผู้ใช้มากๆ ที่ไม่ต้องมานั่งจำรหัสผ่าน
10. เปิดโหมดห้ามรบกวน (Do not disturb)
ฟีเจอร์ห้ามรบกวน (Do not disturb) มีมาตั้งแต่ iOS 11 แล้ว และใน iOS 12 ก็ได้เพิ่มประสิทธิภาพให้ดีขึ้นเรื่อยๆ โดยเพิ่มการตั้งค่าโหมดห้ามรบกวนให้เฉพาะเจาะจงมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นห้ามรบกวนเวลานอน ห้ามรบกวนขณะทำกิจกรรมตามปฏิทิน รวมถึงห้ามรบกวนขณะออกกำลังกาย
ซึ่งการเปิดโหมดห้ามรบกวนนี้จะช่วยให้ผู้ใช้มีสมาธิจดจ่อกับสิ่งที่ต้องทำมากขึ้น รวมถึงป้องกันการรบกวนทั้งการแจ้งเตือนหรือการโทรเข้าในเวลาที่ไม่สะดวก อย่างเวลาประชุม หรือเวลานอนหลับ ได้อีกด้วย
เพิ่มเติม มีอะไรใหม่ ในฟีเจอร์ห้ามรบกวน (Do Not Disturb) ใน iOS 12
11. จัดการการแจ้งเตือนอย่างรวดเร็ว
ใน iOS 12 ได้ปรับการแจ้งเตือนให้เป็นแบบกลุ่มและเพิ่มเมนูจัดการการแจ้งเตือนแบบรวดเร็วมาด้วย เพื่อให้ผู้ใช้สามารถปิดการแจ้งเตือนของแอปที่แจ้งเตือนเข้ามาในศูนย์การแจ้งเตือนได้อย่างรวดเร็ว
อย่างเช่น เวลาที่เรากำลังประชุมอยู่ แล้วมีการสั่นหรือส่งเสียงแจ้งเตือนเข้ามา เราก็สามารถปัดการแจ้งเตือนไปทางซ้ายและจัดการปิดการแจ้งเตือนได้ทันที โดยจะมีให้เลือก 2 การตั้งค่า ได้แก่ ส่งการแจ้งเตือนแบบไม่มีเสียง และปิดการแจ้งเตือนไปเลย ช่วยให้จัดการการแจ้งเตือนได้รวดเร็วและสะดวกมากขึ้น โดยไม่ต้องเข้าไปปิดในส่วนการตั้งค่า
เพิ่มเติม จัดการการแจ้งเตือนแบบรวดเร็ว (Notifications) ใน iOS 12 beta 1 และ watchOS 5 beta 1
12. สร้าง Siri Shortcuts เป็นของตัวเอง
Siri เปรียบเหมือนเป็นเลขาส่วนตัวที่เราสามารถถามหรือสั่งให้ Siri กระทำสิ่งอื่นๆ ได้ แต่บางการกระทำที่สั่งด้วยคำพูดบางครั้งก็อาจจะไม่ตรงกับสิ่งที่เราต้องการ แต่ใน iOS 12 ก็ได้เพิ่มประสิทธิภาพให้กับ Siri มากขึ้นด้วย “คำสั่งลัด Siri” หรือ Siri Shortcut ที่ให้ผู้ใช้สามารถสร้างคำสั่งที่เป็นวลี พร้อมกับกำหนดการกระทำง่ายๆ เองได้
เพิ่มเติม เริ่มต้นใช้งาน Siri Shortcuts บน iPhone และ iPad ใน iOS 12
13. ใช้งานแอปคำสั่งลัด (Shortcuts) สั่งทุกอย่าง
นอกจากจะมี Siri Shortcuts แล้ว Apple ยังได้เพิ่มประสิทธิภาพในการสั่งงานมากขึ้นด้วยแอปคำสั่งลัด (Shortcut) ที่มาพร้อมกับ iOS 12 เช่นกัน ให้ผู้ใช้สร้างคำสั่งที่ซับซ้อนหรือต่อเนื่องกันได้มากขึ้น รวมถึงยังทำงานร่วมกับแอปพลิเคชันอื่นๆ ได้อีกด้วย
เพียงแค่แตะเพื่อสั่งทำงานหรือจะสั่งด้วยเสียงโดยกำหนดวลีแบบ Siri Shortcuts ก็ได้ การทำงานก็จะเริ่มทันที
ทั้งนี้ทั้งนั้น ผู้สร้างจะต้องมีความรู้ความเข้าใจในคำสั่งลัดสำเร็จรูปที่เป็นพื้นฐานภายในแอปก่อนถึงจะสร้างเองได้ แต่ส่วนใหญ่แล้วเราก็มักจะดาวน์โหลดมาจากผู้แชร์อย่าง ShortcutsGallery และ macstories ที่มีคำสั่งลัดที่เป็นประโยชน์มากมายให้เลือกใช้
และนี่ก็เป็นฟีเจอร์ที่ยังคงช่วยให้การใช้งาน iPhone ในชีวิตประจำวันนั้นมีประสิทธิภาพ ส่วนใหญ่ก็จะมาพร้อม iOS 12 ซึ่งเป็น iOS เวอร์ชันทางการล่าสุดที่ Apple ปล่อยให้ผู้ใช้ทั่วไปใช้งาน
ส่วนฟีเจอร์ใหม่ใน iOS 13 ที่จะปล่อยอัปเดตช่วงปลายปีนี้ก็ยังมีอีกมากมาย ซึ่งทีมงานจะอัปเดตให้ชมกันอย่างแน่นอนค่ะ รอติดตามกันต่อไปนะคะ
เรียบเรียงโดย ทีมงาน iPhonemod.net , ขอบคุณเนื้อหา idropnews