Apple ได้เพิ่มฟีเจอร์การเช็คสุขภาพแบตเตอรี่ (Battery Health) ใน iOS 11.3 เพื่อให้ผู้ใช้ทราบระดับสุขภาพของแบตเตอรี่ เมื่อพบว่าลดลงต่ำว่า 80% ก็จะได้นำไปเปลี่ยนแบตเตอรี่ใหม่ แต่จะดียิ่งกว่าถ้าหากเราทราบเหตุผลที่ส่งผลต่อการเสื่อมของแบตเตอรี่และรู้วิธีดูแลรักษาแบตเตอรี่ให้มีอายุการใช้งานที่ยาวนานยิ่งขึ้น
4 เหตุผลหลักที่ทำให้แบตเตอรี่ iPhone เสื่อมเร็ว
1. รอให้แบตเตอรี่เหลือถึงเลขหลักเดียว
หลายคนมักจะรอให้แบตขึ้นขีดสีแดงหรือเปอร์เซ็นต์แบตเหลือเลขหลักเดียวแล้วค่อยชาร์จ แต่รู้หรือไม่ว่าพฤติกรรมแบบนี้ส่งผลเสียต่อสุขภาพโดยตรง ยิ่งรอให้แบตหมดจนเครื่องดับสนิทยิ่งเลวร้ายมากกว่า ทำให้อายุของแบตสั้นลงหรือเสื่อมอย่างรวดเร็ว
แนะนำว่าให้ชาร์จ iPhone ของคุณบ่อยๆ ถ้ามีโอกาสหรือเวลาที่ไม่ได้ใช้งาน เช่น เวลาขับรถ เวลาทำงาน เป็นต้น การชาร์จบ่อยๆ ไม่ส่งผลเสียต่อสุขภาพแบตแต่อย่างใด
2. อุณหภูมิเครื่องสูง ทำให้แบตร้อน
แบตลิเธียมไอออนรุ่นใหม่ของ Apple มีประสิทธิภาพมากกว่ารุ่นก่อนๆ เนื่องจากชาร์จได้เร็วขึ้นและใช้ได้ยาวนานมากขึ้น แต่อย่างไรก็ตามความร้อนยังคงเป็นตัวแปรหลักที่ทำให้แบตเสื่อมเร็ว
ดังนั้นควรใช้งานหรือเก็บ iPhone ในอุณหภูมที่เหมาะสม ซึ่ง Apple แนะนำให้ใช้ iPhone ระหว่าง 0º ถึง 35º C (32º ถึง 95º F) ถ้าใช้งานจนเครื่องร้อนก็ควรพักและที่สำคัญไม่ควรนำโทรศัพท์วางไว้ในรถตอนกลางวันที่ร้อน เพื่อยืดอายุการใช้งานแบตเตอรี่ให้ยาวนานมากขึ้น
เพิ่มเติม
- วิธีป้องกัน iPhone เสียหายจากความร้อน ในช่วงหน้าร้อนนี้
- ทำไม iPhone ถึงชาร์จค้างที่ 80% ชมสาเหตุและวิธีป้องกัน
3. ใช้อุปกรณ์ชาร์จคุณภาพต่ำ
อุปกรณ์ชาร์จไม่ว่าจะเป็นอะแดปเตอร์ สายชาร์จ หรือแท่นชาร์จไร้สาย ที่ปลอดภัยที่สุดแนะนำว่าจะต้องได้รับมาตรฐาน MFi (Made for iPhone, iPad) ที่กำหนดโดย Apple ว่าอุปกรณ์เหล่านี้ปลอดภัยต่อ iPhone, iPad ของคุณ ถึงแม้ว่าราคาจะสูงกว่าอุปกรณ์ชาร์จทั่วไปในท้องตลาด แต่ก็ถือว่าเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า
เพิ่มเติม วิธีตรวจสอบ MFi (Made for iPhone) ว่าเป็นอุปกรณ์เสริมหรือสายชาร์จแท้หรือไม่
4. ไม่รักษาระดับแบตเตอรี่ให้เหมาะสม
ตามรายงานของ Battery University ที่เป็นเว็บไซต์สำหรับให้ข้อมูลและคำแนะนำเกี่ยวกับแบตเตอรี่ รายงานว่าแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนทำงานได้ดีเมื่อประจุไฟฟ้าอยู่ที่ 65%-75% ถ้าเรารักษาระดับแบตเตอรี่ให้อยู่ในช่วงดังกล่าว อายุแบตเตอรี่ก็จะยาวนานมากที่สุด
แต่ความเป็นจริงเชิงการใช้งานนั้น การรักษาให้ระดับแบตเตอรี่อยู่ในช่วง 65%-75% นั้นทำได้ยาก แนะนำว่าการใช้ในชีวิตประจำวันอาจจะรักษาให้อยู่ในช่วงประมาณ 25%-80% แทน ก็ช่วยให้อายุแบตเตอรี่ยาวนานขึ้นได้มากกว่าการไม่รักษาระดับแบตเตอรี่เลย
และนี่ก็เป็นเหตุผลหลักที่อาจทำให้แบตเตอรี่ iPhone รวมถึง iPad เสื่อมเร็ว ถ้าหากอยากยืดอายุของแบตเตอรี่ให้ใช้ได้ยาวนานก็ควรดูแลตามคำแนะนำดังกล่าว
ขอบคุณ idropnews