ช่วงนี้เราคงได้ยินข่าวเกี่ยวกับผู้ให้บริการสัญญาณโทรศัพท์เคลื่อนที่รายหนึ่งในประเทศไทยได้ประกาศว่าจะให้บริการ 4G บนความถี่ 2300 MHz ด้วยเทคนิค TDD พอได้เห็นตัวย่อเท่านั้นแหละงงเป็นไก่ตาแตกทันทีว่า TDD มันคืออะไร ไม่ใช่แค่ผู้อ่านทั่วไปนะที่งง เพราะผมเองก็สงสัยเหมือนกัน วันนี้ก็เลยไปหาข้อมูลมาให้อ่านและทำความเข้าใจกันเพิ่มเติมครับ
FDD และ TDD คืออะไร
FDD กับ TDD มันคือตัวย่อศัพท์ทางเทคนิคของระบบเครือข่าย ซึ่งคำนิยามสั้นๆ แบบเข้าใจง่ายๆ ตามนี้ครับ
FDD ย่อมาจาก Frequency Division Duplex โดยหลักการทำงานของ FDD คือ การแบ่ง คลื่นส่ง (downlink) และ คลื่นรับ (uplink) แยกออกเป็นคนละช่วงความถี่ทำให้สามารถรับและส่งได้ในเวลาเดียวกัน
TDD ย่อมาจาก Time Division Duplex ซึ่งหลักการทำงานของ TDD จะแตกต่างจาก FDD ตรงที่ คลื่นส่ง และ คลื่นรับ นั้นใช้คลื่นเดียวกัน แต่ว่าแบ่งช่วงเวลาในการรับ-ส่งข้อมูลแทน
ขอบคุณข้อมูลบางส่วนจาก Droidsans
อ่านมาแล้วดูภาพแล้วยังไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่ งั้นดูสรุปหัวข้อย่อยๆ ตามนี้แล้วกัน
- ณ ปัจจุบัน TrueMove H, AIS, dtac ต่างก็ให้บริการปล่อยคลื่น 4G แบบ FDD อยู่
เร็วๆ นี้ทาง dtac จะนำ TDD มาใช้ - ถ้าเปรียบถนน 6 เลน FDD จะแบ่งช่องการเดินรถแบบ 3-3 คือไปและกลับเท่ากัน ส่วน TDD จะแบ่งแบบไหนก็ได้ เช่น ไป 4-2, 5-1 ตามช่วงเวลารถมากน้อยในเส้นทางนั้น TDD จึงมีความยืดหยุ่นกว่า จะดีในช่วงที่รถคับคั่ง(เทียบกับการใช้อินเทอร์เน็ตพร้อมกันเยอะอย่างตอนไปดูคอนเสิร์ต) ที่สามารถปรับตั้งค่าการรับส่งสัญญาณได้
- อุปกรณ์ส่วนใหญ่รองรับ FDD
- TDD ข้อดีมาเต็ม แต่ข้อเสียก็มีคือระยะส่งสัญญาณได้ใกล้กว่า FDD เช่น TDD ส่งได้รัศมี 1 กม. แต่ FDD ส่งได้รัศมี 2 กม. เป็นต้น
- อุปกรณ์ที่รองรับ TDD นั้นกำลังทะยอยออกมา ดังนั้นไม่ใช่ว่ามือถือทุกเครื่องที่ใช้ 4G ได้ จะใช้ TDD ได้ (ต้องไปดูสเปกอีกที)
- ว่าไปแล้ว FDD กับ TDD มันดีพอๆ กัน อยู่ที่ว่าจะนำมาใช้ในลักษณะใด
ถ้าคิดหลักการง่ายๆ แบบชาวบ้านธรรมดาๆ ที่ไม่ค่อยเข้าใจหลักการเชิงลึกของระบบเครือข่าย พอจะเล่าเป็นประเด็นง่ายๆ ดังนี้ว่า
- ถ้าในพื้นที่ห่างไกลนอกตัวเมืองที่ประชากรไม่หนาแน่นและอยู่ห่างกัน การส่งสัญญาณแบบ FDD จะดีกว่าด้วยความที่ได้ระยะรัศมีของสัญญาณที่ครอบคลุมมากกว่า โอกาสที่สัญญาณจะหลุดก็น้อยกว่า
- ถ้าในพื้นที่เมืองที่ประชากรกระจุกตัวอยู่กันมาก เช่น บริเวณคอนโด, แฟลตที่พัก, ชุมชนแอดอัดหรืองานอีเวนท์ต่างๆ อย่าง คอนเสิร์ต ฯลฯ ถ้ามีการส่งสัญญาณแบบ TDD และมีช่องสัญญาณที่ใหญ่พอ ก็จะทำให้ทุกคนนั้นดาวน์โหลดหรืออัปโหลดข้อมูลต่างๆ ได้อย่างสะดวกมากกว่า
ทั้งนี้ขอแนบคลิป TDD vs. FDD มาให้ชมกันครับ
ผู้ใช้อย่างเราๆ ต้องเรียนรู้อะไรจากเรื่องนี้
เราได้เรื่อง FDD และ TDD กันไปเบื้องต้นแล้วว่ามันคืออะไรและก็พอรู้แล้วว่าผู้ให้บริการในไทยนั้นให้บริการในรูปแบบไหน
ต่อไปหากจะซื้อมือถือใหม่สักเครื่องก็ต้องดูก่อนว่าเราจะใช้กับเครือข่ายไหน, เครือข่ายนั้นให้บริการแบบ FDD หรือว่า TDD หรือให้บริการทั้งสองแบบ พอเรารู้แล้วเราก็เลือกมือถือรุ่นที่รองรับให้ถูกต้อง เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาที่จะตามมาคือ ซื้อมาใช้จะเอาไปใช้กับเครือข่ายนั้นแบบเต็มประสิทธิภาพไม่ได้เพราะว่าสเปกเครื่องที่มีมาไม่รองรับเครือข่ายที่ให้บริการ
สิ่งที่ผู้ใช้อย่างเราต้องการจากผู้ให้บริการเครือข่ายคืออะไร?
จะเทคโนโลยี 4G FDD หรือ TDD นั้นมันก็มีข้อดีของมันทั้งหมดแหละ เอาจริงๆ แล้วผู้ใช้ส่วนใหญ่ไม่ได้มานั่งสนใจหรอกว่ามันคืออะไร สิ่งที่ผู้ใช้ต้องการก็เพียงแค่
- สัญญาณแรงครอบคลุมทั่วพื้นที่
- โทรเข้าออกง่าย ไม่ No Service
- คุยไปสัญญาณไม่หลุด
- อยู่ในตึกสัญญาณยังมี
- อินเทอร์เน็ตเข้าใช้งานได้ โหลดง่ายๆ ลื่น ตามที่โฆษณาเอาไว้
ขอเพียงแค่ใช้ได้อย่างต่อเนื่องไร้ปัญหาแค่นั้นแหละที่พวกเราต้องการ
การกระทำให้เห็นเป็นผลลัพธ์ มีค่ามากกว่าหมื่นคำที่พูดออกมา