รวม 5 ฟีเจอร์ใหม่ของ AirDrop ที่เปิดตัวใน iOS 17 จะมีความรวดเร็วและสะดวกมากขึ้นยังไงบ้างมาดูกันเลย
5 ฟีเจอร์ใหม่ใน AirDrop ที่จะมาใน iOS 17!
1. NameDrop
NameDrop เป็นฟีเจอร์หนึ่งที่น่าสนใจที่ได้รับการอัปเดตใน iOS 17 เราสามารถแชร์ข้อมูลการติดต่อด้วย NameDrop เพียงแค่ถือ iPhone ไว้ใกล้ ๆ กัน ก็สามารถแชร์ข้อมูลติดต่อได้อย่างง่ายดาย
เมื่อ iPhone สองเครื่องอยู่ใกล้กัน โปสเตอร์ผู้ติดต่อ (Contact Poster) ของแต่ละคนก็จะปรากฏขึ้น จากนั้นผู้ใช้ก็จะสามารถเลือกหมายเลขและที่อยู่อีเมลในบัตรผู้ติดต่อที่ต้องการแชร์ได้ และฟีเจอร์นี้ยังใช้งานได้ระหว่าง iPhone กับ Apple Watch อีกด้วย
2. ส่ง AirDrop ด้วยวิธีใหม่
วิธีการแชร์เนื้อหา รูปภาพและไฟล์แบบใหม่ เมื่อนำ iPhone มาไว้ใกล้ ๆ กัน ก็สามารถส่ง AirDrop ได้ทันที การใช้งานคล้าย ๆ กับ NameDrop
3. AirDrop ผ่านอินเทอร์เน็ต
วิธีการทํางานของ AirDrop โดยปกติแล้วจะต้องอยู่ใกล้อุปกรณ์ของอีกฝ่ายเพื่อให้การถ่ายโอนเสร็จสมบูรณ์ ซึ่งหากออกจากระยะ AirDrop การถ่ายโอนก็จะล้มเหลวและเนื้อหาจะไม่ถูกแชร์ต่อ สิ่งนี้อาจทําให้เราหงุดหงิดเป็นพิเศษเมื่อส่งไฟล์หรือรับไฟล์ขนาดใหญ่หลายไฟล์ทำให้เราต้องรอนาน เช่น เนื้อหาวิดีโอ
ซึ่ง AirDrop ใน iOS 17 เนื้อหาที่เราต้องการแชร์จะยังคงถูกส่งอย่างปลอดภัยและมีคุณภาพเต็มรูปแบบผ่านทางอินเทอร์เน็ต แต่มีข้อกําหนดเพียงอย่างเดียวคือทั้งผู้ส่งและผู้รับจะต้องลงชื่อเข้าใช้ iCloud ก่อน
4. SharePlay ผ่าน AirDrop
หากถือ iPhone ทั้งสองเครื่องไว้ใกล้กันก็จะสามารถแชร์ผ่าน SharePlay ได้ วิธีนี้ช่วยให้ทั้งคู่ฟังเพลงหรือดูหนังด้วยกันได้ และด้วย SharePlay API ใหม่ สำหรับแอปที่รองรับ SharePlay เราจะสามารถเข้าสู่เกมเดียวกันหรือดูสตรีมเดียวกันในขณะที่ใช้อุปกรณ์แยกต่างหากได้อีกด้วย
5. การเบลอเนื้อหาละเอียดอ่อนใน AirDrop
ปกติแล้ว คนอื่นจะไม่สามารถ AirDrop เนื้อหาต่าง ๆ มาให้เราได้ เว้นแต่เราจะกดยอมรับเอง และปัญหาที่มีมาอย่างยาวนานของ AirDrop คือ การแสดงตัวอย่างเนื้อหาที่แชร์ที่จะปรากฏบนหน้าจอของผู้รับ ไม่ว่าจะต้องการดูหรือไม่ก็ตาม
ทําให้ผู้คนต้องพบเห็นกับภาพเปลือยที่ไม่พึงประสงค์และภาพที่โจ่งแจ้ง เพื่อป้องกันสิ่งเหล่านี้ใน iOS 17 Apple ได้เปิดตัวฟีเจอร์ opt-in ที่ออกแบบมาเพื่อเบลอภาพที่ส่งผ่าน AirDrop โดยอัตโนมัติ จะช่วยเบลอเนื้อหาที่ละเอียดอ่อน เช่น ภาพเปลือย เนื้อหาจะถูกบล็อก แต่ถ้าต้องการจะดูก็สามารถดูได้โดยการแตะปุ่ม “แสดง”
การแจ้งเตือนเนื้อหาที่ละเอียดอ่อนเหล่านี้จะทํางานเหมือนกับฟังก์ชันความปลอดภัยในการสื่อสารที่ Apple เพิ่มมาสําหรับเด็ก โดยการตรวจจับทั้งหมดจะเกิดขึ้นบนอุปกรณ์เท่านั้น ดังนั้น Apple จะไม่เห็นเนื้อหาที่กําลังแชร์อยู่
ที่มา : MacRumors