ท่ามกลางกระแสข่าวลือของ iOS 17 ที่เริ่มมีรายงานมาให้เห็นกันบ้างแล้ว และจะถึงคิวเปิดตัวช่วงกลางปีนี้ แต่ก็ยังคงมีฟีเจอร์บางอย่างที่ Apple ประกาศเปิดตัวใน iOS 16 แต่ยังไม่เปิดใช้งานในปัจจุบัน เรามาชมกันว่าฟีเจอร์ที่คาดว่าจะเปิดให้ใช้งานในปีนี้มีอะไรบ้าง
7 ฟีเจอร์ใหม่ที่มาพร้อมใน iOS 16 คาดว่าเปิดให้ใช้งานในปีนี้ (อัปเดต ก.พ. 2023)
1. Apple CarPlay เจเนอเรชันถัดไป
ในงาน WWDC 2022 เราคงได้เห็นและรู้สึกตื่นเต้นกับการเปิดตัวใหม่ของ CarPlay แต่ก็ยังไม่เปิดใช้งานฟีเจอร์ใหม่ในตอนนี้ จะเห็นได้ว่าในหน้าเว็บไซต์ iOS 16 ระบุเกี่ยวกับ CarPlay เจเนอเรชันใหม่ว่า “พบกับประกาศเกี่ยวกับรถยนต์ปลายปี 2023”
Apple CarPlay ใหม่ถือเป็นการยกเครื่องครั้งใหญ่ของฟีเจอร์บนรถยนต์ ที่มีการรองรับการแสดงผลหลายหน้าจอ เพิ่มความสามารถในการทำงานร่วมกับฮาร์ดแวร์ของรถยนต์ที่ฉลาดมากขึ้น
ผู้ใช้สามารถติดตามความเร็ว ระดับเชื้องเพลิง อุณหภูมิ และข้อมูลที่จำเป็นอื่น ๆ ได้บนแผงหน้าปัด โดยผู้ใช้สามารถปรับแต่งแผงหน้าปัดให้เหมาะกับการใช้งานของตนเองได้ นอกจากนี้ยังสามารถควบคุมวิทยุ ปรับอากาศได้โดยตรงผ่าน CarPlay ก็ต้องติดตามกันต่อไปว่าฟีเจอร์เหล่านี้จะเปิดให้ใช้งานเมื่อไหร่และจะมีประกาศอะไรเพิ่มเติมในปลายปีนี้
2. Apple Music Classical
Apple ระบุว่าจะปล่อยแอปเพลงคลาสสิกที่เป็นแอปเฉพาะ ในช่วงปี 2022 เป็นแอปที่รวมหน้าตาแบบคลาสสิคของ Primephonic ที่ Apple เข้าซื้อกิจการเมื่อปี 2021 พร้อมกับมีคุณสมบัติเพลงเพิ่มเติม แต่ข้ามมาถึงปี 2023 แล้ว ฟีเจอร์นี้ก็ยังไม่เปิดให้ใช้งาน
ไม่แน่ชัดว่า Apple Music Classical นี้จะเปิดให้ใช้งานในปีนี้หรือไม่ เนื่องจากไม่มีการพูดถึงจาก Apple อีกเลย แต่ข่าวดีก็ยังมีมาให้เห็นบ้าง เมื่อพบชุดคำสั่งใน iOS 16.3 ที่อ้างถึงฟีเจอร์ Classical ก็อาจจะยังพอมีลุ้นว่า Apple อาจเปิดใช้งานฟีเจอร์นี้ใน iOS 16 เวอร์ชันถัดไป
3. การแจ้งเตือนเว็บไซต์แบบพุช (Push)
Apple ได้ประกาศฟีเจอร์ใหม่ในแอป Safari ในงาน WWDC 2022 ว่าจะรองรับการแจ้งเตือนแบบพุช (Push) บนเว็บไซต์สำหรับ iOS และ iPadOS เป็นครั้งแรก
เราคงจะเคยเห็นการแจ้งเตือนแบบพุชในแอป Safari บน Mac กันมาหลายปีแล้ว ซึ่ง Apple ก็จะเพิ่มประสบการณ์นี้บน iPhone และ iPad ด้วย โดยผู้ใช้จะเห็นการแจ้งเตือนจากเว็บไซต์ในศูนย์การแจ้งเตือน ถึงแม้ว่าจะไม่มีแอปของเว็บเหล่านั้นก็ตาม ทำให้เว็บที่ไม่มีแอปสามารถแชร์ข้อมูลหรือส่งการแจ้งเตือนไปยังผู้ใช้ได้ง่ายขึ้น
Apple ระบุว่าจะเพิ่มการแจ้งเตือนเว็บไซต์แบบพุชนี้ จะปล่อยให้ใช้งานในช่วงต้นปี 2023 แต่ใน iOS 16.3 ที่ปล่อยอัปเดตล่าสุดนี้ก็ยังไม่มีวี่แวว
4. การตรวจสอบ iMessage Contact Key
อีกหนึ่งฟีเจอร์ที่เน้นด้านความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวที่ Apple ได้ประกาศว่ากำลังจะมาในปีนี้ก็คือ iMessage Contact Key Verification ที่ออกแบบมาสำหรับผู้ใช้ที่ต้องเผชิญภัยคุกคามจากรัฐบาล เช่น นักข่าว นักเคลื่อนไหวทางการเมือง และสมาชิกรัฐบาล
ก่อนหน้านี้ Apple ได้เปิดตัวโหมดล็อคดาวน์ (Lockdown Mode) เพื่อปกป้องความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้ที่มีความเสี่ยงถูกคุกคามจากรัฐบาลกันไปแล้ว แต่ฟีเจอร์ iMessage Contact Key Verification นี้จะช่วยให้ผู้ใช้ตรวจสอบเพิ่มเติมว่ากำลังส่งข้อความถึงคนที่ต้องการได้อย่างปลอดภัย เพื่อไม่ตกเป็นเป้าหมายของการโจมตีทางเไซเบอร์
iMessage Contact Key Verification เป็นการยืนยันการติดต่อผ่าน iMessage เมื่อเปิดใช้งานแล้ว ผู้ใช้จะได้รับการแจ้งเตือนอัตโนมัติ หากมีการโจมตีขั้นสูงจากรัฐบาล เช่น โจมตีด้วยสปายแวร์ Pegasus ซึ่งผู้ใช้สามารถเปรียบเทียบรหัสผู้ติดต่อด้วยตนเองบน FaceTime, ข้อความ หรือการโทรอื่น ๆ
Apple ระบุว่าจะเปิดใช้งานฟีเจอร์นี้ทั่วโลกในช่วงปี 2023
5. สถาปัตยกรรมแอปบ้าน (Home) แบบใหม่
ใน iOS 16.2 Apple ได้มีการปรับปรุงสถาปัตยกรรมในภายแอปบ้าน (Home) ให้มีประสิทธิภาพ เพื่อควบคุมอุปกรณ์ในบ้านได้รวดเร็วขึ้นและไหลลื่นมากขึ้น แต่สถานปัตยกรรมใหม่นี้ส่งผลกระทบต่อผู้ใช้เป็นจำนวนมาก Apple จึงได้ยุติการใช้งานเมื่อเดือนที่ผ่านมา โดยนำตัวเลือกการอัปเกรดในหน้าแรกของแอปออกชั่วคราว
Apple ระบุว่า ได้ทราบปัญหาทีส่งผลกระทบต่อการใช้งานการแชร์ภายในแอปบ้านแล้ว และอยู่ระหว่างการแก้ไข ซึ่งจะปล่อยให้ใช้งานในเร็ว ๆ นี้ ซึ่งยังไม่มีกำหนดอย่างเป็นทางการว่าผู้ใช้จะได้กลับมมาอัปเกรดสถาปัตยกรรมแอปบ้านเมื่อไหร่ แต่ก็ยังคงพอจะเห็นหลักฐานใน iOS เวอร์ชันเบต้า ที่ทำให้เราได้ทราบว่า Apple ยังคงพัฒนาอยู่
6. Apple Pay Later
Apple Pay Later หรือซื้อก่อนจ่ายทีหลัง เป็นฟีเจอร์ด้านการเงินส่วนบุคคลที่ให้ผู้ใช้สามารถแบ่งการชำระเงินเป็น 4 ครั้งต่อการซื้อ เมื่อซื้อผ่าน Apple Pay โดยมีดอกเบี้ย 0% ชำระภายใน 6 สัปดาห์
แพลตฟอร์มการชำระเงินผ่าน Apple Pay ของ Apple นั้นมีความปลอดภัย ใช้งานร่วมกับแอป Apple Wallet และไม่มีธรรมเนียมอีกด้วย
ฟีเจอร์ถูกประกาศเปิดตัวในงาน WWDC 2022 แต่จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีการเปิดใช้งาน รวมถึงยังไม่มีกำหนดเวลาที่ชัดเจนว่าจะเปิดให้บริการแก่ผู้ใช้เมื่อไหร่ และที่น่าเสียดายก็คือถึงแม้จะเปิดให้ใช้งานแล้ว แต่ในประเทศไทยก็ยังคงไม่รองรับฟีเจอร์ด้านการเงินของ Apple
7. บัญชีออมทรัพย์ Apple Card
Apple ได้ประกาศว่าจะรวมบัญชีออมทรัพย์กับแอป Apple Wallet เป็นบัญชีออมทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนสูง ประกาศเปิดตัวในเดือนตุลาคมที่ผ่านมา และเตรียมเปิดให้ใช้งานแก่ผู้ที่ถือ Apple Card เร็ว ๆ นี้ ซึ่งมีให้บริการในประเทศสหรัฐอเมริกาเท่านั้น
บัญชีออมทรัพย์หรือ Apple Card Saving นี้ ช่วยให้ผู้ใช้สามารถจ่ายเงิน ส่งเงิน และบันทึกเงินสดได้โดยตรงบนแอป Apple Wallet สามารถติดตามยอดคงเหลือและการเติบโตของเงินในบัญชีได้ การทำธุรกรรมผ่าน Apple Card นี้ไม่มีการกำหนดยอดขั้นต่ำและไม่มีค่าธรรมเนียม
Apple ได้ร่วมมือกับ Goldman Sachs สถาบันการเงินยักษ์ใหญ่ของโลก ทำงานร่วมกันในบัตรเครดิต Apple Card ตอนนี้ยังไม่ประกาศอัตราผลตอบแทนของบัญชีออมทรัพย์ Apple Card Saving แต่อย่างใด ในขณะที่บัญชีออมทรัพย์ออนไลน์ของ Goldman ในปัจจุบันนั้นให้อัตราผลตอบแทนอยู่ที่ 3.30% ต่อปี
จนถึงตอนนี้ Apple ได้ปล่อยอัปเดต iOS 16.3 ให้ผู้ใช้ทั่วไปได้ใช้งานกันเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา คาดว่าใน iOS 16.4 ซึ่งเป็นซอฟต์แวร์เวอร์ชันถัดไป เราอาจจะได้เห็นฟีเจอร์ใหม่ ๆ เหล่านี้ถูกเปิดตัวบ้าง รอติดตามกันนะคะ
ที่มา 9to5Mac