in , , ,

รวม 8 เทคนิค การใช้งานแอป Note ให้เกิดประโยชน์บน iPhone, iPad

แอปโน้ต (Note) เป็นแอปจดบันทึกที่แสนสะดวกบน iPhone, iPad รวมไปถึง Mac ด้วย มีฟังก์ชันการทำงานต่าง ๆ มากมายที่ช่วยให้แอปโน้ตทำได้มากกว่าการจดบันทึก และข้อมูลต่อไปนี้ก็เป็น 8 เทคนิคที่จะช่วยให้ผู้ใช้ใช้งานแอปโน้ตได้เกิดประโยชน์สูงสุด มาชมกันเลย

รวม 8 เทคนิค การใช้งานแอป Note ให้เกิดประโยชน์บน iPhone, iPad

1. เปิดแอปโน้ต โดยไม่ต้องปลดล็อคหน้าจอ

iPadOS 15 สำหรับ iPad มีวิธีที่จะเข้าถึงแอปโน้ตอย่างรวดเร็วได้​ โดยไม่ต้องปลดล็อคหน้าจอก่อน เพียงแค่ใช้ Apple Pencil แตะที่หน้าจอ iPad แอปโน้ตก็จะเปิดขึ้นมาให้สร้างโน้ตใหม่ทันที

ส่วน iPhone ที่ไม่รองรับการใช้งาน Apple Pencil ก็สามารถเข้าถึงโน้ตอย่างรวดเร็วได้ แต่จะต้องเข้าไปตั้งค่า เพิ่มไอคอนโน้ตในส่วนของ Control Center ก่อน

โดยไปที่ การตั้งค่า (Settings) > ศูนย์ควบคุม (Control Center) > เพิ่มแอปโน้ต (Note) ให้แสดงใน Control Center

จากนั้นก็ไปตั้งค่าการเข้าโน้ตบนหน้าจอล็อค โดยไปที่ การตั้งค่า (Settings) > โน้ต (Note) > เข้าถึงโน้ตบนหน้าจอล็อค > เลือกว่าจะให้เปิดโน้ต แล้วสร้างโน้ตใหม่ หรือกลับไปที่โน้ตล่าสุด

เมื่อต้องการเปิดโน้ตบน iPhone ขณะล็อคหน้าจออยู่ ก็สามารถปัด Control Center แล้วเลือกไอคอนแอปโน้ตได้เลย แอปโน้ตก็จะเปิดขึ้นมาตามที่เราตั้งค่าไว้

2. ซิงค์โน้ตกับอีเมล

นอกจากเราจะซิงค์โน้ตไว้บน iCloud ได้แล้ว นอกจากนี้เรายังสามารถซิงค์โน้ตกับอีเมลที่เราใช้งานเป็นประจำได้ด้วย เช่น Gmail, Outlook เผื่อบางคนอาจจะไม่ได้ใช้งาน iCloud ก็จดบันทึกโน้ตที่เกี่ยวข้องกับงานในอีเมล

ไปที่ การตั้งค่า (Settings) > โน้ต (Note) > บัญชี (Account) > แตะเลือกบัญชีอีเมลที่ต้องการ ดังตัวอย่างเลือก  Gmail > แตะเปิดที่ โน้ต (Note)

เมื่อเปิดแอปโน้ตเราก็จะเห็นส่วนของอีเมลแสดงแยกออกมา สามารถแตะโฟลเดอร์ในอีเมล แล้วสร้างโน้ตได้เลย (แต่การสร้างโน้ตในอีเมลมีข้อจำกัดเรื่องการปรับแต่งข้อความนะคะ) เมื่อเปิดแอปอีเมล Gmail เราก็จะเห็นว่ามีส่วนของโน้ตที่เชื่อมต่อแสดงอยู่

3. สร้าง Smart Folder และติด Tag

ใน iOS 15 และ iPadOS 15 ได้มีฟีเจอร์ Smart Folder และการติด Tag เพื่อจัดระเบียบโน้ตตามหมวดหมู่ ทำให้ค้นหาโน้ตได้อย่างรวดเร็ว

สามารถสร้าง Smart Folder ได้โดย แตะไอคอนโฟลเดอร์ด้านมุมล่างซ้าย > เลือก โฟลเดอร์อัจฉริยะใหม่ (New Smart Folder) > ตั้งชื่อโฟลเดอร์ และพิมพ์ Tag ที่เกี่ยวข้อง (สามารถใส่หลายแท็กได้) แท็กนี้เราจะนำไปใช้จัดระเบียบโน้ต > เราก็จะได้ส่วนของ Smart Folder

เมื่อสร้าง Smart Folder เรียบร้อยแล้ว เราจะต้องติดแท็ก (Tag) โน้ตที่ต้องการเก็บใน Smart Folder เพื่อจัดระเบียบโน้ต โดย Tag นั้นจะต้องตรงกับ Tag ที่เรากำหนดใน Smart Folder ติด Tag ง่าย ๆ เพียงแค่พิมพ์เครื่องหมาย # แล้วก็ตามด้วยคำที่ต้องการ เช่น #ด่วน

เมื่อเราติด Tag เรียบร้อยแล้ว ดังรูปที่ 2 ใน Smart Folder ก็จะแสดงโน้ตที่มี Tag ที่ตรงกัน เชื่อมโยงโน้ตตามหมวดหมู่ได้ง่ายขึ้น เรียกดูหรือจัดการโน้ตได้ง่ายขึ้น รวมถึงโน้ตเป็นระเบียบมากขึ้นด้วยเช่นกัน

4. บันทึกโน้ตเป็นไฟล์ PDF

สำหรับใครที่บันทึกข้อมูลในแอปโน้ตแล้วต้องการส่งออกเป็นไฟล์ PDF เช่น ส่งไฟล์งานให้ที่ทำงาน ส่งงานให้อาจารย์ เป็นต้น มีวิธีบันทึกโน้ตเป็นไฟล์ PDF ดังนี้

ไปที่แอปโน้ต (Note) > เลือกโน้ต > แตะไอคอน 3 จุดด้านบน > แตะ พิมพ์ (Print) > ใช้สองนิ้วขยายหน้ากระดาษ

กระดาษโน้ตจะแสดงเต็มหน้าจอ ให้แตะไอคอนแชร์ มุมล่างซ้าย > แตะเลือก บันทึกไปยังแอปไฟล์ (Save to Files) > เลือกโฟลเดอร์ที่ต้องการเก็บไฟล์

เมื่อเปิดแอปไฟล์ (File) ดู เราก็จะเห็นไฟล์โน้ตที่บันทึก

5.ใช้ Quick Note บน iPad และ Mac

ใน iPadOS 15 มีฟีเจอร์ใหม่ที่ชื่อว่า Quick Note หรือโน้ตด่วน ตามชื่อเลยคือเราสามารถเรียกแอปโน้ตขึ้นมาอย่างรวดเร็ว เพียงแค่ใช้ Apple Pencil หรือนิ้ว ลากโน้ตจากมุมด้านล่างของหน้าจอ iPad เพื่อเปิดโน้ตใหม่ขึ้นมาและบันทึกข้อมูลได้อย่างรวดเร็ว

เปิดตั้งค่าได้ที่ การตั้งค่า (Settings) > Apple Pencil > ตั้งค่าการปัดมุมด้านซ้ายหรือปัดปุมด้านขวา ว่าจะให้ด้านไหนถ่ายภาพหน้าจอหรือโน้ตด่วน ดังตัวอย่าง เลือกปัดมุมด้านขวาเพื่อเข้าถึง Quick Note

เมื่อใช้ Apple Pencil หรือนิ้วปัดที่มุมด้านล่างขวาของหน้าจอ โน้ตด่วน (Quick) ก็จะแสดงขึ้นมา

นอกจากนี้เมื่อเรากำลังใช้งานแอป Safari หรือเข้าชมเว็บไซต์อยู่ เราก็สามารถปัดมุมหน้าจอด้านล่างขวา เพื่อเรียก Quick Note ขึ้นมาได้ด้วย และจดบันทึกในสิ่งที่ต้องการ รวมถึงเลือก เพิ่มลิงก์ (Add Link) เพื่อเชื่อมโยงเว็บไซต์ที่เกี่ยวข้องสำหรับการจดบันทึกได้ด้วย

แอปโน้ตจะแนะนำลิงก์ที่เราเปิดอยู่มาให้เราเลือกอ้างอิงได้

และเรายังสามารถตั้งค่าให้ Quick Note เข้าผ่าน Control Center ได้ด้วย โดยไปตั้งค่าที่ การตั้งค่า (Settings) > ศูนย์ควบคุม (Control Center) แล้วเลือกไอคอนโน้ตด่วน (Quick Note)

เมื่อเปิด Control Center เราก็แตะไอคอน Quick Note และทำการจดได้เลย

Quick Note ยังรองรับบน Mac ด้วย เมื่อเรากำลังใช้งานแอปอยู่ แล้วอยากจะเปิดโน้ตขึ้นมาจด ก็สามารถกดปุ่ม Fn + Q เพื่อเรียกโน้ตขึ้นมา จากนั้นก็พิมพ์เพื่อจดบันทึกข้อมูลได้เลย

6. ดูโน้ตแบบแกลเลอรี่

ถ้าเราอยากจะเปลี่ยนมุมมองโน้ตจากรายการเป็นแบบเกลเลอรี่ เพื่อดูโน้ตได้ง่ายขึ้น โดยเฉพาะโน้ตที่มีการแนบรูปภาพหรือไฟล์ ก็สามารถเปลี่ยนมุมมองได้

โดยไปที่แอปโน้ต (Note) > ในหน้ารายการ ให้เลือกไอคอน 3 จุดด้านบน > เลือก ดูเป็นแกลเลอรี่ (View as Gallery) > รายการโน้ตก็จะแสดงเป็นแบบแกลเลอรี่ ช่วยให้ดูได้ง่ายขึ้น

7. เลือกดูเฉพาะโน้ตที่มีไฟล์แนบหรือรูปภาพ

หากเราต้องการค้นหาโน้ตที่มีรูปภาพหรือไฟล์แนบ เราสามารถใช้ตัวกรองโน้ต เพื่อดูเฉพาะโน้ตที่มีรูปภาพหรือไฟล์แนบได้ โดยไปที่แอปโน้ต (Note) > ในหน้ารายการ ให้เลือกไอคอน 3 จุดด้านบน > ดูไฟล์แนบ (View Attachments) เราก็จะเห็นไฟล์แนบที่เป็นทั้งรูปภาพและวิดีโอ และภาพสแกนต่าง ๆ ที่เก็บไว้ในโน้ต

สามารถเข้าถึงโน้ตผ่านการแตะรูปภาพหรือไฟล์ได้แสดงได้เลย

8. สแกนเอกสารแล้วบันทึกเป็นไฟล์ PDF

ฟีเจอร์การสแกนเอกสารในแแอปโน้ตเป็นอีกหนึ่งฟีเจอร์ที่มีประโยชน์มาก ๆ สำหรับคนที่จะต้องส่งเอกสารออนไลน์ เพียงแค่สร้างโน้ตใหม่แล้ว แตะไอคอนกล้องถ่ายรูป > สแกนเอกสาร (Scan Document) > ถ่ายรูปเอกสาร > แตะ บันทึก (Save) > เอกสารจะถูกบันทึกในโน้ต ให้แตะที่เอกสาร

แตะไอคอนแชร์ ด้านบน > บันทึกไปยังแอปไฟล์ (Save to Files) > เลือกโฟลเดอร์ที่ต้องการจัดเก็บเอกสาร

เมื่อเปิดแอปไฟล์ (Files) เราก็จะพบกับเอกสารที่เราสแกน โดยเป็นไฟล์ PDF สามารถแชร์หรือส่งให้ผู้อื่นได้เลย

และนี่ก็เป็นเทคนิคการใช้โน้ตที่ทีมงานได้เลือกมาแนะนำให้ชมกัน คาดว่าน่าจะมีประโยชน์กับผู้ใช้ iPhone, iPad ที่ชอบใช้แอปโน้ตในการจดบันทึกข้อมูล ก็ลองนำไปทำกันดูนะคะ

ที่มา iDropNews เรียบเรียงโดย iMoD

ความคิดเห็น - Like เพจ iPhoneMod.net

เขียนโดย Zakura Kim

Bachelor degree of science, Software engineering major, Payap University