in , ,

9 สิ่งที่ควรทำทันที หลังจาก iPhone ตกน้ำหรือโดนน้ำปริมาณมาก

อุบัติเหตุกับ iPhone เกิดขึ้นได้เสมอ โดยเฉพาะ iPhone ตกน้ำหรือโดนน้ำจากฝนตก ก๊อกน้ำ ฝักบัว หรือโดยของเหลวอื่น ๆ หกใส่ ซึ่งบางครั้งสิ่งเหล่านี้เราก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ ทีมงานจึงมีข้อแนะนำที่ควรทำทันทีหลังจาก iPhone ตกน้ำหรือโดนน้ำมาฝากกันค่ะ

iPhone แต่ละรุ่น ทนน้ำได้ระดับไหน

ก่อนอื่นเราควรจะต้องทราบกันก่อนว่า iPhone ของเราทนน้ำได้ระดับไหนบ้าง เพื่อเป็นข้อมูลเบื้องต้นว่า ถ้าหาก iPhone ของเราตกน้ำ เรายังสามารถค้นหาและนำกลับมาใช้ได้อย่างปลอดภัยในระดับน้ำและระยะเวลาที่กำหนด

ไม่มีการระบุการทนน้ำที่ระดับ IP อย่างเป็นทางการ

  • iPhone รุ่นแรก – iPhone 6S
  • iPhone SE รุ่นที่ 1

ทนน้ำระดับ IP67 – ทนน้ำที่ความลึกระดับ 1 เมตร เป็นเวลา 30 นาที

  • iPhone 7
  • iPhone 7 Plus
  • iPhone 8
  • iPhone 8 Plus
  • iPhone X
  • iPhone XR
  • iPhone SE รุ่นที่ 2 (ปี 2020)
  • iPhone SE รุ่นที่ 3 (ปี 2022)

ทนน้ำระดับ IP68 – ทนน้ำที่ความลึกระดับ 2 เมตร เป็นเวลา 30 นาที

  • iPhone XS
  • iPhone XS Max
  • iPhone 11

ทนน้ำระดับ IP68 – ทนน้ำที่ความลึกระดับ 4 เมตร เป็นเวลา 30 นาที

  • iPhone 11 Pro
  • iPhone 11 Pro Max

ทนน้ำระดับ IP68 – ทนน้ำที่ความลึกระดับ 6 เมตร เป็นเวลา 30 นาที

  • iPhone 12 mini
  • iPhone 12
  • iPhone 12 Pro
  • iPhone 12 Pro Max
  • iPhone 13 mini
  • iPhone 13
  • iPhone 13 Pro
  • iPhone 13 Pro Max

สำคัญ! อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่า iPhone จะมีคุณสมบัติการทนน้ำที่ระบุโดย Apple ว่ากันน้ำได้ระดับลึกกี่เมตร เป็นเวลากี่นาที แต่ถ้าหาก iPhone ตกน้ำและของเหลวเข้าสู่อุปกรณ์ภายในหรือมีความชื้นเข้าสู่ภายใน ทำให้เครื่องเสียหาย ทาง Apple ก็ไม่ได้รับประกันในส่วนนี้ เว้นแต่ว่าเราจะซื้อ AppleCare+ ที่คุ้มครองอุบัติเหตุแม้กระทั่งทำเครื่องตกน้ำ โดยจะมีค่าใช้จ่ายประมาณ 3,300 บาท

นอกจากนี้ การทนน้ำของ iPhone นั้นก็ขึ้นอยู่กับระยะเวลาการใช้งานเครื่องของเราด้วย เมื่อเราใช้งานเป็นเวลานาน แน่นอนว่าซีลยางต่าง ๆ ที่กันน้ำอาจจะสึกหรอ อย่างเช่น เวลา iPhone ตกน้ำทะเลที่มีความเค็มบ่อย ๆ ของเหลวที่มีความเค็มก็จะกัดกร่อนซีลยางทำให้คุณภาพเสื่อมลง เมื่อตกน้ำหรือโดนน้ำครั้งถัดไปก็อาจจะทำให้อุปกรณ์ภายในเครื่องเสียหายได้

ดังนั้นสิ่งที่ดีที่สุดก็คือ การใช้ iPhone อย่างระมัดระมัง เลี่ยงการใช้ iPhone กับกิจกรรมทางน้ำหรือระวังไม่ให้ iPhone ตกน้ำ

แต่ถ้าหากเกิดอุบัติเหตุที่เลี่ยงไม่ได้ อย่างเช่นการทำ iPhone ตกน้ำเป็นเวลานาน หรือโดนของเหลวหกใส่เป็นจำนวนมาก เรามาชมสิ่งที่ควรทำหลังจาก iPhone ตกน้ำหรือโดนน้ำกัน

9 สิ่งที่ควรทำทันที หลังจาก iPhone ตกน้ำหรือโดนน้ำปริมาณมาก

1. ปิดเครื่องทันที

หลังจากที่เรานำ iPhone ขึ้นมาจากน้ำหรือเหย่าของเหลวออกจากการโดนน้ำหกใส่ สิ่งแรกที่ต้องรีบทำก็คือ การปิดเครื่องทันที เป็นสิ่งที่สำคัญมาก เนื่องจากน้ำอาจจะซึมเข้าไปข้างในอุปกรณ์ ถ้าหากเรายังเปิดเครื่องอยู่ อาจจะทำให้อุปกรณ์ภายในช็อตได้ และเกิดความเสียหายขึ้น

สิ่งสำคัญอีกอย่างหนึ่งก็คือ ห้ามเสียบชาร์จ iPhone ที่เปียกหรือเพิ่งตกน้ำเด็ดขาด เนื่องจากการชาร์จมีกระแสไฟที่อาจจะส่งผลให้เกิดการช็อตภายในได้

2. ถอดเคสออก

หลังจากที่ปิดเครื่องแล้วให้เราถอดเคสออกจาก iPhone ทันที เนื่องจากการสวมใส่เคสไว้นั้น น้ำอาจจะติดค้างอยู่ในช่องว่างระหว่างเคสกับตัวเครื่อง iPhone และอาจจะค่อย ๆ ซึมเข้าไปในช่องถาดซิม

รวมถึงบางครั้งน้ำอาจจะมีสารกัดกร่อนเจือปนอยู่ ถ้าหากปล่อยทิ้งไว้ สารกัดกร่อนที่มากับน้ำก็อาจจะซิมเข้าไปตามช่องต่าง ๆ ของ iPhone และทำลายคุณภาพซีลกันน้ำ ทำให้ประสิทธิภาพในการกันน้ำน้อยลง

3. เช็ด iPhone อย่างระมัดระวัง

ใช้ผ้าขนหนูนุ่ม ๆ หรือผ้าฝ้ายนุ่มที่แห้ง เช็ดตัวเครื่องให้แห้ง โดยเช็ดน้ำที่ติดอยู่รอบ ๆ ปุ่ม Power, ปุ่มปรับระดับเสียง, ปุ่มโฮม, ช่องถาดซิม, ช่องลำโพง หรือรูต่าง ๆ แนะนำให้ใช้ผ้าซับออกให้หมด

How To Clean Iphone Correctly 1

ห้ามนำ iPhone เข้าไมโครเวฟ และอย่าใช้เครื่องเป่าลมเป่า iPhone เนื่องจากจะทำให้น้ำไหลเข้าไปด้านในลึกกว่าเดิม

4. ถอดถาดใส่ซิม

เมื่อเช็ด iPhone ด้านนอกแห้งหมดแล้ว ให้เราถือ iPhone ในลักษณะที่ช่องใส่ซิมคว่ำลง จากนั้นก็ใช้ไม้จิ้มถาดซิมออกมา การคว่ำช่องถาดซิมลงนั้น จะช่วยให้น้ำที่ติดอยู่ในถาดซิมไหลลงมา โดยที่ไม่ต้องไหลเข้าสู่ด้านในตัวเครื่อง

จากนั้นก็เขย่าเครื่อง โดยที่ช่องใส่ซิมยังคงต้องคว่ำลง (อย่าเพิ่งหงายขึ้น) เพื่อดันหยดน้ำทั้งหมดออกมา จากนั้นก็เช็ดทำความสะอาดถาดซิมและซิมการ์ดให้แห้ง วางไว้ข้าง ๆ อย่าเพิ่งนำกลับเข้าไปใส่ในตัวเครื่อง

5. ปล่อยให้ iPhone แห้ง

หลังจากที่ทำตามขั้นตอน 1 – 4 แล้ว ให้เราปล่อย iPhone ของเราทิ้งไว้ให้แห้ง อย่าเพิ่งเปิดเครื่องและอย่าเพิ่งนำถาดซิมใส่เข้าไป

6. นำ iPhone วางไว้กับถุงซิลิกาเจล

แนะนำว่าให้เราหากล่องสุญญากาศหรือซองญญากาศ โดยนำซองซิลิกาเจลใส่ลงไปในกล่อง แล้วนำ iPhone ใส่เข้าไปด้วยกัน ปิดฝากล่องหรือปิดซองและทิ้งไว้ประมาณ 24 ชั่วโมง เพื่อให้ซิลิกาเจลดูดซับความชื้นออกจาก iPhone ทั้งหมด

ภาพจาก tech-latest

ซิลิเจลนั้น เรามักจะได้มาพร้อมกับกล่องรองเท้า ขนม หรือสินค้าอื่น ๆ ที่ต้องหลีกเลี่ยงความชื้น แต่ถ้าหากไม่มี เราอาจจะสั่งซื้อออนไลน์มาใช้ได้

แน่นอนว่า เมื่อพูดถึงเรื่องการดูดซับความชื้น หลายคนอาจจะสงสัยว่าทำไมไม่นำ iPhone ไปใส่ไว้กับข้าวสาร เนื่องจากข่าวสารก็สามารถดูดความชื้นได้ แต่อย่าลืมว่าในข้าวสารนั้นอาจจะมีเศษฝุ่นเล็ก ๆ มากมายที่มองตาเปล่าอาจจะไม่ค่อยเห็นอยู่ การนำ iPhone เข้าไปใส่ในกล่องข้าวสารแห้ง อาจจะทำให้เกิดปัญหามากขึ้น เช่นเศษฝุ่นติดตะแกรงลำโพงหรือหลุดเข้าไปในเครื่องตามช่องหรือรูต่าง ๆ

ภาพจาก x96.com

ดังนั้น จงใช้ซิลิกาเจล ที่เป็นสิ่งที่เขาสร้างขึ้นมาเพื่อดูดซับความชื้นโดยเฉพาะอยู่แล้วจะปลอดภัยมากกว่า

7. รอให้ iPhone แห้งสนิทประมาณ 24 ชั่วโมง

แนะนำให้ทิ้ง iPhone ที่ปิดเครื่องแล้วใส่ไว้ในกล่องพร้อมกับซิลิกาเจลไว้ประมาณ 24 – 36 ชั่วโมง เมื่อครบเวลาแล้ว หากเราเปิดเครื่องขึ้นมาแล้วเครื่องติดก็ยินดีด้วยที่เครื่องกลับมาใช้งานได้

แนะนำให้ลองเล่น iPhone สัก 2 – 3 นาที และตรวจสอบการสัมผัสหน้าจอ ฟังเสียงจากลำโพง ใช้งานกล้อง เสียบหูฟัง ลองชาร์จ ว่าสามารถทำงานได้ปกติหรือไม่ จากนั้นก็ใส่ถาดซิมกลับเข้าไป และกลับมาใช้งานเครื่องได้เหมือนเดิม

8. ไล่น้ำออกจากรูลำโพง

เราสามารถใช้คำสั่งลัด Eject Water ช่วยไล่น้ำออกจากตะแกรงลำโพงของ iPhone ได้ แต่วิธีนี้จะต้องใช้งานตอนเปิดเปิดเครื่อง โดนแนะนำให้ทำหลังจากที่ทิ้ง iPhone ไว้จนแห้งสนิท

เพียงแค่ดาวน์โหลดคำสั่งลัด Eject Water มาติดตั้งให้เรียบร้อย จากนั้นก็แตะเริ่มคำสั่งลัดได้เลย คำสั่งลัดก็จะเล่นเสียง iPhone ถ้าหากยังมีน้ำอยู่ เราก็จะเห็นน้ำหยดออกมาจากตะแกรงลำโพง

9. ส่งเครื่องไปซ่อม

แต่ถ้าหาก iPhone ของเราจมอยู่ในน้ำเป็นเวลานาน ได้รับความเสียหายจากของเหลว ไม่สามารถแก้ไขด้วยวิธีที่กล่าวมาทั้งหมด แนะนำว่าให้เราส่งเครื่องไปซ่อมกับช่างเทคนิคของ Apple โดยติดต่อฝ่ายสนับสนุนผ่านแอป Apple Support หรือนำเครื่องไปซ่อมที่ Apple Store หรือ iCare ซึ่งมีค่าใช้จ่ายในการซ่อม

หากเราพบกับช่างเทคนิคของ Apple แนะนำว่าอย่าพยายามโต้เถียงว่าเราไม่ได้ทำ iPhone ตกน้ำ เนื่องจากพวกเขาสามารถตรวจสอบได้จาก Liquid Contact Indicator (LCI) ที่อยู่ใกล้กับช่องใส่ SIM

ถ้าหากเครื่องไม่ได้ตกน้ำหรือโดนน้ำมา จุด LCI จะเป็นสีขาวหรือสีเงิน แต่ถ้า iPhone ของเราตกน้ำหรือโดนน้ำ และของเหลวสัมผัสกับจุด LCI จุดนั้นจะเปลี่ยนเป็นสีแดง ซึ่งเราก็สามารถตรวจสอบดูเองได้ โดนนำถาดซิมออกมา แล้วใช้ไฟฉายส่องด้านในเพื่อดูสีของจุด LCI

สุดท้าย ฝากเคล็ดลับเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่จะช่วยให้ iPhone ปลอดภัยจากน้ำ

  • ถึงแม้ว่าเราจะทราบดีว่า iPhone มีคุณสมบัติทนน้ำได้ แต่ให้เราปฏิบัติต่อ iPhone เสมือนว่าเครื่องไม่ทนน้ำและไม่กันน้ำ ควรระมัดระวังอยู่เสมอ
  • ระมัดระวังการใช้ iPhone ใกล้กับสระน้ำ ทะเล อ่างอาบน้ำ แก้วน้ำ อ่างล้างจาน บริเวณน้ำอื่น ๆ รวมถึงเช็คกระเป๋าเสื้อ กระเป๋ากางเกงเสมอว่ามี iPhone หรือหูฟัง AirPods อยู่ภายในหรือไม่ก่อนซักผ้า
  • หากเราจะต้องใช้ iPhone ในที่ใกล้น้ำ เช่น การถ่ายภาพใต้ทะเล หรือต้องถ่ายภาพในน้ำตก แนะนำว่าใช้ซื้อเคสกันน้ำมาสวมใส่ให้เรียบร้อย

ทั้งหมดนี้ก็เป็นคำแนะนำเมื่อง iPhone ตกน้ำหรือโดนน้ำในปริมาณมาก รวมถึงข้อมูลการทนน้ำและเคล็ดลับที่จะช่วยให้ iPhone ปลอดภัยจากน้ำ ก็ลองอ่านและนำไปปฏิบัติกันดูนะคะ หวังว่าจะช่วยได้ไม่มากก็น้อย

ที่มา iDownloadBlog

ความคิดเห็น - Like เพจ iPhoneMod.net

เขียนโดย Zakura Kim

Bachelor degree of science, Software engineering major, Payap University