ปัจจุบันรุ่น TOP ที่สุดของ Fitbit ก็คือ Ionic แต่ล่าสุดมีการเปิดตัวรุ่นรองลงมา Versa ต่างกันเล็กน้อยตรงที่ตัดคุณสมบัติ GPS ภายในตัวสมาร์ทวอทช์ออกไป นอกจากนี้ยังมีน้ำหนักเบาที่สุดเท่าที่เคยมีมา พร้อมกับแบตเตอรี่ที่สามารถใช้งานได้ยาวนาน 4 วัน มีสายอุปกรณ์เสริมจากดีไซน์เนอร์ให้เลือกใช้งานหลากหลาย
Fibit Versa
สามารถรองรับการแจ้งเตือนจากแอปพลิเคชันต่าง ๆ รวมถึงมีคลังมากกว่า 650 แอปพลิเคชัน รองรับการเปลี่ยนหน้าปัดได้ตามใจชอบจาก Fitbit Labs และรองรับการชำระเงินผ่าน Fitbit Pay ผ่านบัตรบัตรเครดิตชั้นนำกว่า 60 รายใน 15 ประเทศ
นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับการเปิดตัว Fitbit OS 2.0 โดยผู้ใช้งานรุ่น Ionic ก็จะได้รับการอัปเดตเช่นเดียวกันในเดือนพฤษภาคม ส่วนคุณสมบัติที่สำคัญมีดังต่อไปนี้
- การตอบกลับแบบรวดเร็ว (Quick replies): สำหรับตอบกลับข้อความสนทนา หรือแอปพลิเคชันสนทนา อาทิ Messenger หรือ WhatsApp ผ่านชุดข้อความที่เตรียมเอาไว้ไม่เกิน 60 ตัวอักษร
- การติดตามสุขภาพสำหรับคุณผู้หญิง (Female health tracking): สำหรับเพศหญิงเพื่อติดตามรอบเดือนและอาการต่าง ๆ โดยสามารถติดตามได้ครบในที่เดียว
นอกจากนี้จุดเด่นของ Fitbit Versa ยังมาพร้อมกับทิปส์และเทคนิคการออกกำลังกาจผ่าน Fitbit Coach ที่จะช่วยปรับโปรแกรมการออกกำลังกายให้เหมาะสมกับผู้ใช้งาน การติดตามอัตราการเต้นของหัวใจด้วยเทคโนโลยี PurePulse ที่ปรับปรุงใหม่ โหมดเพื่อการออกกำลังกายกว่า 15 แบบ ที่รวมถึงโหมดการติดตามการว่ายน้ำแบบอัตโนมัติ การติดตามภาวะการนอนอัตโนมัติ และสามารถกันน้ำลึกได้ 50 เมตร
Fitbit Versa เปิดตัวที่ราคา 8,490 บาท รองรับทั้ง Android และ iOS
นอกจากนี้ยังมีการเปิดตัวรุ่น Special Edition ที่ราคา 9,490 บาท โดยจะมาพร้อมกับสายแบบถักสีลาเวนเดอร์ กรอบอลูมิเนียมสีโรสโกลด์ หรือสายแบบถักสีดำชาร์โคล กรอบอลูมิเนียมสีกราไฟต์ ส่วนอุปกรณ์เสริมมีราคาตั้งแต่ 1,090 – 3,290 บาท