Attapon Thaphaengphan
หากพูดถึงเรื่องการลงทุนหลายคนอาจจะไม่ค่อยให้ความสนใจเท่าไหร่เพราะบางทีมันดูเหมือนเรื่องไกลตัว และคงไม่เหมาะกับวงการนั้น ถามว่าคิดผิดไหม? ผมว่าไม่ผิดนะ เพราะผมก็เคยคิดแบบนั้นเหมือนกัน แต่มันมีเหตุการณ์หนึ่งที่ทำให้ผมคิดว่า “ถึงเวลาที่เราต้องลงทุนแล้วแหละ” และเหตุผลง่ายๆ คือ ดอกเบี้ยเงินออมที่เราเอาไปฝากไว้ในธนาคารนั้น มันช่างต่ำเตี้ยเรี่ยดินมากๆ นั่นเลยเป็นสาเหตุที่ทำให้ผมหันมามองสิ่งที่เรียกว่า “การลงทุน”
ทำไมถึงต้องลงทุน?
แต่ก่อนผมไม่เคยคิดจะนำเงินมาลงทุนสักเท่าไหร่เพราะคิดว่าเก็บเงินออมไว้ในธนาคารทั้งหมดดีกว่า ไม่เห็นต้องไปเดือดร้อนอะไรเลย อยากจะใช้เงินก็ถอนออกมาใช้หรือโอนไปซื้อของก็ง่าย แต่เมื่อจำนวนเงินในธนาคารมีมากพอสมควร พร้อมกับดูเรื่องผลตอบแทนของอัตราดอกเบี้ยเงินฝากในธนาคารแล้ว ทำให้มีความคิดผุดขึ้นมาในหัวว่า “ทำไมดอกเบี้ยได้น้อยจังวะ เราเอาเงินไปทำอย่างอื่นให้ได้ผลตอบแทนมากกว่านี้จะดีกว่าไหมนะ?”
ลองดูดอกเบี้ยเงินฝากของธนาคารก่อนได้ครับ
ที่มา ธนาคารแห่งประเทศไทย
การลงทุนมีหลายรูปแแบบ
การลงทุนมีให้เลือกหลายรูปแบบด้วยกันไม่ว่าจะเป็น การนำเงินไปทำธุรกิจ, การซื้อกองทุนรวม, กองทุน LTF/RMF, การซื้อประกันชีวิต, การลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ ฯลฯ ซึ่งแต่ละอย่างนั้นก็มีข้อดี-ข้อเสียแตกต่างกันออกไป และแน่นอนว่าแต่ละคนอาจจะมีความถนัดในการลงทุนในแต่ละรูปแบบไม่เท่ากัน บางคนเก่งเรื่องการทำธุรกิจ แต่บางคนอาจจะถนัดเรื่องอสังหาริมทรัพย์ หรือบางคนอาจจะเก่งในเรื่องการลงทุนกับกองทุน เป็นต้น
บทความนี้เราจะมาพูดถึงเรื่องการลงทุนกับกองทุนรวมกันนะครับ เพราะผมมองว่าการลงทุนกับกองทุนรวมนั้นสามารถทำได้ทุกคน เริ่มเพียง 500 บาทก็สามารถลงทุนได้ แต่สิ่งที่สำคัญก็คือ ข้อมูลที่แม่นยำก่อนการตัดสินใจซื้อกองทุน และเครื่องมือผู้ช่วยที่ดีซึ่งจะคอยแนะนำเรื่องกองทุนรวม สิ่งเหล่านี้ ณ ปัจจุบันนั้นเริ่มมีให้เลือกใช้งานกันมากขึ้น ล่าสุดสำหรับลูกค้าของธนาคารกสิกรไทยที่มีบัญชีกองทุนรวมอยู่แล้วและอยากมีผู้ช่วยที่คอยให้คำแนะนำได้ตรงตามเป้าหมายการลงทุนของแต่ละคน วันนี้เรามีแอปที่ชื่อว่า K-My Funds มาแนะนำให้รู้จักกันครับ มาดูกันว่าแอปนี้จะช่วยเรื่องการลงทุนกับกองทุนรวมได้อย่างไรบ้าง
K-My Funds แอปดีที่ต้องห้าม!! พลาด
แอป K-My Funds คืออะไร? มันเหมือนกับ K PLUS ที่พวกเราใช้งานกันอยู่หรือเปล่า? ผมขอสรุปข้อมูลคร่าวๆ ของแอปนี้แยกเป็นหัวข้อตามนี้ครับ
- แอปนี้ออกแบบมาเพื่อให้ข้อมูลกองทุนรวมที่เจาะลึกโดยเฉพาะ เหมือนเป็น Digital Wealth Advisor
- แตกต่างจากK PLUS ที่สามารถซื้อขายได้เฉพาะกองLTF/RMFและกองทุนรวมที่เคยซื้อมาแล้ว แต่ K-My Funds สามารถซื้อขายกองทุนกสิกรไทยได้ไม่จำกัด ไม่ว่าจะเคยซื้อมาก่อนหรือไม่ แถมยังก้าวไปอีกขั้นสู่การเป็นแอปที่ให้คำแนะนำเรื่องกองทุนรวมได้ตรงตามความต้องการของแต่ละคนอีกด้วย
- สามารถตรวจสอบพอร์ตการลงทุนและข้อมูลการลงทุน มูลค่าคงเหลือล่าสุด พร้อมดูผลตอบแทนย้อนหลังจากการลงทุนได้
- จัดพอร์ตแนะนำมาให้ตามความเสี่ยงของแต่ละคน ความดีงามมันอยู่ที่แนะนำมือใหม่สำหรับวงการการลงทุนว่าถ้ามีทุนก้อนหนึ่งคุณควรเอาไปลงที่ไหนบ้างเพื่อเป็นการกระจายความเสี่ยงไม่ให้เงินทั้งหมดไปกองที่ใดที่หนึ่ง เช่น หากแบ่งเงินทุน 100% แนะนำว่าควรจะนำไปลงทุนที่หุ้นไทยสัก 34% ,หุ้นต่างประเทศ 38%, นำไปลงตราสารหนี้ด้วยนะสัก 18% และยังเหลือกองทุนทางเลือกอื่นๆ อีกสัก 10% อะไรประมาณนั้นครับ ซึ่งผมมองว่ามันดีนะ โดยเฉพาะผู้ลงทุนรายใหม่ที่จะได้รู้จักวางแผนในการลงทุนให้รอบคอบมากขึ้น
- แนะนำการลงทุนตาม FIT Line หรือ การให้คำแนะนำที่ฟิตพอดีกับการลงทุนที่เหมาะสมกับเป้าหมายและความเสี่ยงของแต่ละคน โดยเส้น FIT Line ช่วยไกด์ ให้เราได้ลงทุนตามพอร์ตที่ฟิตพอดีทั้งระดับความเสี่ยง และการกระจายสัดส่วนในสินทรัพย์ต่างๆ อย่างเหมาะสม
แล้วเราจะรู้ได้ยังไงว่า FIT Line ของเรานั้นเป็นยังไง? ก็ได้มาจากการทำแบบประเมินผลก่อนการลงทุนนั่นเองครับ
ก่อนที่จะใช้แอป K-My Funds ได้จะต้องประเมินผลการลงทุนเสียก่อนว่าเราสามารถรับความเสี่ยงได้ที่ระดับไหน ซึ่งเจ้า FIT Line นี้จะมีอยู่ด้วยกัน 4 ระดับคือ
– S : ระดับความเสี่ยงการลงทุนอยู่ที่ 1-2 :อัตราผลตอบแทนที่ใช้เป็นตัวชี้วัด (ต่อปี) ประมาณ 3%
– M : ระดับความเสี่ยงการลงทุนอยู่ที่ 3-4 :อัตราผลตอบแทนที่ใช้เป็นตัวชี้วัด (ต่อปี) ประมาณ 5.5%
– L : ระดับความเสี่ยงการลงทุนอยู่ที่ 5-6 :อัตราผลตอบแทนที่ใช้เป็นตัวชี้วัด (ต่อปี) ประมาณ 7.5%
– XL : ระดับความเสี่ยงการลงทุนอยู่ที่ 7-8 :อัตราผลตอบแทนที่ใช้เป็นตัวชี้วัด (ต่อปี) ประมาณ 10%
เมื่อเราทำแบบประเมินเสร็จก็จะรู้ FIT Line ของตนเอง อย่างเช่นของผมนั้นจะอยู่ที่ L จากนั้นแอป K-My Funds ก็จะแนะนำว่าผมควรจะลงทุนแบบไหนบ้าง ฟีเจอร์นี้บอกเลยว่าดีงามจริงๆ
- มีฟีเจอร์ Smart Notification คอยแจ้งเตือน และส่งข่าวสารไปถึงผู้ลงทุนอย่างถูกต้องแม่นยำ ตรงตามความต้องการของแต่ละคน
- วางแผนการลงทุน สามารถสร้างแผนการซื้อ ขาย ทั้งแบบรายสัปดาห์ รายเดือน และรายปีได้ด้วยตนเอง
- คนทั่วไปก็สามารถใช้งานเพื่อดูข้อมูลกองทุนกสิกรไทยพร้อมกับฟังก์ชันเสริมอื่นๆ ได้
ฟังก์ชันเสริมของ K-My Funds ใช้ได้ทุกคน แม้ยังไม่มีบัญชีกองทุนกสิกรไทย
หากเรายังไม่พร้อมสำหรับการเปิดบัญชีกองทุนกับทางธนาคารแต่มีความสนใจเรื่องการลงทุน แอป K-My Funds ก็มีฟีเจอร์มาให้ทดลองใช้งานกันก่อนครับเช่น
- ทดลองจัดพอร์ตลงทุน (My Port Simulator) ทดลองจัดพอร์ตการลงทุนก่อนลงทุนจริง เริ่มจากพอร์ตการลงทุนแนะนำที่เหมาะสมกับระดับความเสี่ยง และปรับเปลี่ยนสัดส่วนการลงทุนตามต้องการ พร้อมดูผลตอบแทนย้อนหลัง
- ประเมินความเสี่ยงการลงทุน (Customer Risk Profile) ทำแบบสอบถามเพื่อให้ทราบความสามารถในการรับความเสี่ยงการลงทุนได้มากน้อยอยู่ในระดับใด
- บริการค้นหากองทุน (Fund Navigator) บริการค้นหากองทุนที่ต้องการง่ายๆ ตามเป้าหมายการลงทุน
- Fund Story เมนูค้นหาและดูข้อมูลกองทุนเพื่อช่วยในการตัดสินใจและติดตามความเคลื่อนไหวราคาและผลตอบแทนย้อนหลังของกองทุน
- คำนวณแผนเกษียณ (Retirement Plan) ประเมินเงินออมเพื่อรองรับการเกษียณอายุว่าหากเราจะเกษียณจะต้องเตรียมตัวเรื่องการวางแผนทางการเงินอย่างไรบ้าง
- คำนวณภาษี (Tax Calculators) เครื่องมือคำนวณภาษีเบื้องต้นช่วยคำนวณภาษีที่จะต้องจ่ายในแต่ละปีตามรายได้ที่ได้รับ และจากการได้รับการยกเว้น พร้อมแนะนำว่าต้องลงทุนกอง LTF, RMF เท่าไหร่ในแต่ละปี เป็นฟีเจอร์ที่ทุกคนควรจะใช้งานไม่ว่าจะเป็นพนักงานบริษัท, ฟรีแลนซ์, ข้าราชการหรือประชาชนทั่วไป ซึ่งจะช่วยให้การวางแผนภาษีนั้นมีความสะดวกและง่ายมากยิ่งขึ้น
เห็นไหมหละครับว่าฟีเจอร์ใน K-My Funds นี้จัดมาให้เต็มจริงๆ ขอบอกเลยครับว่าถ้าลองใช้งานไปสักระยะ ทำความเข้าใจเรื่องการเงินสักหน่อย รับรองได้ว่า K-My Funds นั้นถือว่าเป็นอีกหนึ่งเครื่องมือที่ช่วยเรื่องการวางแผนทางการเงินของคุณได้ดีไม่น้อยเลยทีเดียว
ฟีเจอร์ใหม่ล่าสุดใน K-My Funds ที่โดดเด่น
ฟีเจอร์ที่มาพร้อมการอัปเดตเวอร์ชันล่าสุดของแอป K-My Funds ซึ่งทำให้มีความโดดเด่นมากขึ้นกว่าที่ผ่านมาก็คือ Smart Notification และ Fund Story ที่มีความเจ๋งมากขึ้นกว่าเดิม เรามาดูในแต่ละส่วนกันดีกว่าครับ เริ่มกันที่
Smart Notification
ฟีเจอร์นี้จะคอยแจ้งเตือนเรื่องการลงทุนได้เฉพาะเจาะจงแต่ละคนได้ดีมากยิ่งขึ้น แบบ Personalized Advisory ที่เจาะลึกลงไปถึงการวิเคราะห์ข้อมูลของผู้ลงทุนแต่ละคน ด้วย Big Data Analysis เพื่อ Customize กองทุนที่เหมาะสม หรืออยู่ในความสนใจของเรา แล้วจะส่ง Notification ข่าวสารไปถึงผู้ลงทุนได้อย่างถูกต้องแม่นยำ เพื่อให้ผู้ลงทุนสามารถปรับพอร์ตได้ทันสถานการณ์ พร้อมได้ผลตอบแทนในเวลาที่เหมาะสม ตรงตามความต้องการของเขาได้มากที่สุด ซึ่งข้อความแจ้งเตือนจะเป็นเรื่องข่าวสารที่เกี่ยวข้องกับกองทุนนั้นๆ เช่น
- แจ้งเตือนเรื่องผลตอบแทน หากน้อยกว่าเส้น FIT Line
- ลงทุนเกินสัดส่วนของพอร์ตก็จะคอยเตือนให้ลงทุนอย่างเหมาะสม
- แจ้งเตือนเรื่องการจ่ายเงินปันผลของกองทุน
- แจ้งสถานการณ์การลงทุนของกองทุนที่ถืออยู่ว่าควรลงทุนต่อหรือปรับลดสัดส่วน
นอกจากนี้ยังคอยส่งข้อความอัปเดตข่าวสารเกี่ยวกับการลงทุน สถานการณ์การตลาด สภาวะการลงทุน เทรนด์การลงทุน ให้นักลงทุนได้รู้ก่อนใคร รวมทั้งแจ้งกองทุนแนะนำ อีเว้นท์รายการต่างๆ ที่น่าสนใจ และโปรโมชันที่คุ้มค่าให้กับนักลงทุน
Fund Story
ในส่วนของ Fund Story นั้นจะเป็นพื้นที่สำหรับการแสดงข้อมูลแยกตามประเภทของกองทุน (Asset Type) เช่น ตราสารหนี้ระยะสั้น (Short Term Fixed Income:STFI) ก็จะแสดงกองทุนประเภทดังกล่าวนั้น เราก็ดูภาพรวมการเคลื่อนไหวของ NAV (Net Asset Value) ของกองทุนนั้นๆ ได้ทันทีและก็ยังแสดงกองทุนเด่นประจำเดือนพร้อมกับกองทุนแนะนำโดยสังเกตที่สัญลักษณ์ที่หน้ากองทุนนั้น และหากชื่นชอบกองทุนไหนก็สามารถกด Favorite กองทุนนั้นๆ เอาไว้ติดตามกันได้เลย
นอกจากนี้ยังสามารถดูข้อมูล
- ภาพรวม (Overview) ของกองทุน โดยจะแสดงผล NAV ล่าสุด, ข้อมูล NAVย้อนหลัง, ราคาเสนอซื้อ
- ข้อมูลการลงทุน (Info) ซึ่งจะประกอบไปด้วย ประเภทของกองทุน, ระยะเวลารับเงินค่าขายคืน, ค่าธรรมเนียมซื้อหรือขาย, มูลค่าการซื้อ-ขายขั้นต่ำ พร้อมหนังสือชี้ชวนของกองทุนนั้นเพื่อให้ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้
- สัดส่วนการลงทุน (Portfolio) จะแสดงว่ากองทุนนี้มีการลงทุนในสินทรัพย์อะไร ในสัดส่วนเท่าไหร่บ้าง
- ประวัติการจ่ายเงินปันผล (Dividend) บอกข้อมูลว่ากองทุนนี้ได้จ่ายเงินปันผลมาแล้วกี่ครั้ง รวมเป็นจำนวนเงินเท่าไหร่
- ผลการดำเนินงานย้อนหลัง (Performance) เป็นส่วนที่บอกว่าที่ผ่านมากองทุนนั้นๆ นำเงินไปลงทุนแล้วได้ผลลัพธ์เป็นอย่างไรบ้าง ได้กำไรไหมหรือว่าขาดทุน ซึ่งส่วนนี้จะเป็นข้อมูลที่สำคัญสำหรับประกอบการตัดสินใจในการลงทุน โดยเราสามารถดูข้อมูลย้อนหลังได้จาก 3 เดือนล่าสุดไปจนจึงการเริ่มจัดตั้งกองทุนกันเลยทีเดียว
ข้อมูลที่แสดงในแอปนั้นถือว่าเป็นประโยชน์ค่อนข้างมากโดยที่เราไม่ต้องไปตามดูจากหลากหลายแหล่งแถมการนำเสนอนั้นก็ละเอียดและชัดเจนดี
สรุป
สำหรับมือใหม่หัดลงทุนอย่างผมหลังจากที่ได้ทดสอบใช้งานแอป K-My Funds แล้วพบว่าแอปนี้เหมือนย่อโลกของกองทุน โดยผู้เชี่ยวชาญมาไว้ในมือเราซึ่งถือว่าเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างมากสำหรับใครที่คิดจะเริ่มกระโดดเข้าสู่วงการการลงทุน แม้จะไม่ได้ลงทุนด้วยเงินก้อนที่มากมายมหาศาล แต่ทว่ามันเป็นการเริ่มต้นที่ดี อย่างน้อยเราก็ไม่ได้ลงทุนแบบสุ่มสี่สุ่มห้าไปอย่างไร้จุดหมาย การันตีด้วยรางวัลล่าสุดที่ได้รับเลือกเป็นแอปด้านกองทุนที่โดดเด่นเป็นแอปแรกในประเทศไทย รางวัล Editor’s Triple Star โดย The Asset Triple A สถาบันการเงินชั้นนำแห่งเอเชีย
K-My Funds เป็นเสมือนที่ปรึกษาสำหรับนักเล่นกองทุน ที่ใช้งานง่าย ไม่ซับซ้อน ผมชอบในจุดที่แอปนี้บอก FIT Line ให้กับเราซึ่งเราจะได้ทราบว่ากองทุนไหนเหมาะกับความเสี่ยงที่เรารับได้พร้อมทั้งคอยให้คำแนะนำ ไม่ว่าคุณจะเป็นนักลงทุนสไตล์ไหน สภาวะของตลาดเป็นแบบไหน ก็สามารถจับจังหวะการลงทุนได้อย่างเหมาะสมและตรงตามเป้าหมายของคุณ ให้เข้าใจได้อย่างง่ายดาย และก็ชอบระบบ Smart Notification ที่ช่วยแจ้งเตือนเราได้ทันทีหากกองทุนไหนมีการเปลี่ยนแปลงซึ่งมันดีงามตรงจุดที่เราสามารถรู้ข้อมูลและตัดสินใจได้อย่างทันท่วงทีซึ่งจุดนี้ถือว่าเป็นสิ่งที่สำคัญกับนักลงทุนเป็นอย่างมาก
ดาวน์โหลด K-My Funds ฟรี
แอป K-My Funds เปิดให้ดาวน์โหลดใช้งานได้ฟรีทั้ง iOS และ Android
พร้อมด้วยข้อเสนอพิเศษสุดช่วงนี้เพียงดาวน์โหลดแอป K-My Funds จากนั้นล็อคอินเข้าระบบเพื่อเข้าใช้งานลุ้นรับรางวัล Apple Watch Series 3 และตั๋วภาพยนต์ SF Cinema ฟรีทุกเดือน ตั้งแต่วันนี้ถึง – 28 ธ.ค. 2561
อ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ K-My Funds
คําเตือน
- FIT Line และพอร์ตลงทุนแนะนำที่นำเสนอ เป็นเพียงรูปแบบการลงทุนเพื่อให้ท่านพิจารณาเท่านั้น ในการเลือกลงทุนเพื่อให้ได้ผลตอบแทนเทียบเคียงกับผลตอบแทนที่แสดงตาม FIT Line ผู้ลงทุนต้องทำความเข้าใจลักษณะของกองทุนแต่ละกองทุน เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยง ก่อนตัดสินใจลงทุน
- ผลการดำเนินงานในอดีต มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต
