เปิดตัวกันไปเรียบร้อยแล้วสำหรับ Galaxy Note 9 ที่แทบจะเรียกได้ว่า Galaxy S9+ เติมปากกา แต่สำหรับคนที่กำลังติดตามในปีนี้อาจผิดหวังสักเล็กน้อย เอาเป็นว่าลองมาเปรียบเทียบกันดีกว่า ว่าสมาร์ตโฟนรุ่นใหม่นี้แตกต่างจาก Galaxy Note 8 อย่างไรบ้าง (ขอไม่เทียบ S9+ เพราะเดี๋ยวมันจะเหมือนกันมากเกินไป)
Galaxy Note 9 กับ Galaxy Note 8
ก่อนอื่นมาทำความรู้จักคร่าว ๆ กันก่อน สมาร์ตโฟนรุ่นนี้คือรุ่นอัปเกรดจากเดิม โดยมีหน้าจอ AMOLED ขนาด 6.4″ (จากเดิม 6.3″) ด้วยความละเอียดและอัตราส่วนของภาพยังไม่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมนัก มาพร้อมกับความละเอียด QHD+ และสัดส่วน 18.5:9 ทำให้คนใช้เครื่องเก่าปรับตัวได้ไม่ยาก
อุปกรณ์มาพร้อมกับหน่วยประมวลผล Snapdragon 845 หรือ Exynos 9810 (บ้านเราขายตัวหลัง) มาสองรุ่นอย่าง RAM/ROM ความจุ 6 GB/128 GB และ 8 GB/512 GB ซึ่งประเด็นหลักที่เพิ่มมาจะเป็นเรื่องของความจุมากกว่า ส่วนเรื่องประสิทธิภาพอาจไม่ค่อยหนีจากเดิมเท่าไหร่
เช่นเดียวกับ Note 8 ในรุ่น Note 9 ยังคงมีกล้องคู่เหมือนเดิมที่ความละเอียด 12 MP แต่ความแตกต่างก็คือ “รูรับแสง” ที่เคยเป็นจุดเด่นของ Galaxy S9+ ได้ถูกนำเอามาใส่ในรุ่นนี้ มีระบบ AI ช่วยแยกแยะวัตถุและสภาพแสงได้อัตโนมัติ
แบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 4,000mAh อันนี้น่าจะตื่นเต้นกว่า สำหรับคนใช้ Note 8 ที่ทาง Samsung ใส่มาให้ 3,300mAh (เชื่อว่า Samsung ตอนนั้นยังเข็ดกับเรื่อง Note 7 แบตระเบิดไม่หาย) ในวันนี้เท่ากับว่าเป็นมีแบตเตอรี่เท่าคู่แข่งอย่าง Huawei P20 Pro เรียบร้อยแล้ว
เพิ่มเติม : iPhone X ยังคงให้แบตเตอรี่ 2,716mAh แบบไม่แคร์ไม่สนโลก
อีกหนึ่งสิ่งที่ทุกคนคาดหวังก็คือ S Pen ที่เป็นท่าไม้ตายอันสุดยอดของรุ่นนี้ มาพร้อมกับคุณสมบัติที่ไม่น่าตื่นเต้นเท่าไหร่อย่างการที่มันใช้ Bluetooth พลังงานต่ำ (BLE) ทำให้ใช้งานได้เล็กน้อยแบบน่ารักดังนี้
- ใช้กดถ่ายรูปได้
- ใช้กดเลื่อนสไลด์ได้
- จบแล้ว – -*
แต่ก็โอเคเป็นเรื่องที่เข้าใจได้อยู่ เพราะมันเป็นลูกเล่นเล็กน้อยเท่าที่จะหาได้จากอุปกรณ์บลูทูธขนาดเล็ก (ซึ่งถ้าคุณชอบมันจริง ปกติซื้อไม้เซลฟี่มันก็แถมรีโมทชัตเตอร์) ส่วนเรื่องชาร์จแบตเตอรี่วางใจได้ เพราะเพียงแค่เสียบลงเครื่องไม่ถึงนาทีก็เต็มแล้วครับ
นอกจากนี้คุณสมบัติอื่นก็ยังคงเดิมอย่างการชาร์จไร้สาย, กันน้ำมาตรฐาน IP68, กล้องหน้า 8MP แบบกว้าง ส่วนระบบปฏิบัติการ Note 9 มาพร้อมกับ Android 8.1 Oreo ในขณะที่รุ่นก่อน ๆ ยังคงใช้เวอร์ชัน 8.0
เพิ่มเติม : Apple Pencil มีท่าชาร์จสุดเท่ (ฮา) ด้วยการเสียบลงไปกับ iPad
Samsung Galaxy Note 9 | Samsung Galaxy Note 8 | |
---|---|---|
หน้าจอ | 6.4″ Super AMOLED | 6.3″ Super AMOLED |
หน่วยประมวลผล | Samsung Exynos 9810 | Samsung Exynos 8895 |
แรม | 6/8 GB | 6 GB |
ความจุ | 128/512 GB + microSD | 64/128/256 GB + microSD |
กล้อง | กล้องหลัง – 12 MP wide-angle AF Super Speed Dual Pixel รูรับแสง ƒ/1.5 และ ƒ/2.4 แบบปรับได้, OIS – 12 MP telephoto AF sensor รูรับแสง ƒ/2.4, OISกล้องหน้า – 8MP AF รูรับแสง ƒ/1.7 |
กล้องหลัง – 12MP wide-angle AF Dual Pixel รูรับแสง ƒ/1.7, OIS – 12 MP telephoto AF sensor รูรับแสง ƒ/2.4, OISกล้องหน้า – 8 MP AF รูรับแสง ƒ/1.7 |
แบตเตอรีี่ | 4,000mAh | 3,300mAh |
กันน้ำ | IP68 | IP68 |
ระบบปฏิบัติการ | Android 8.1 Oreo | Android 7.1.1 Nougat (ตอนนี้อัปเกรดเป็น 8.0 Oreo) |
ขนาดและน้ำหนัก | 161.9 x 76.4 x 8.8 มม. 201 กรัม |
162.5 x 74.8 x 8.6 มม. 195 กรัม |
การออกแบบจะคล้ายกันทั้งสองรุ่น มีการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยที่ใหญ่สุดคือ Note 9 ย้ายสแกนนิ้วมือไปอยู่ “ที่ควรจะเป็น” อย่างด้านหลังถัดลงมาจากกล้อง ซึ่งไม่เพียงแค่ดูดีขึ้น แต่ยังใช้ประโยชน์ได้มากกว่า ส่วนขอบจอยังมีการปรับให้บางลงจนมีพื้นที่แสดงผลมากขึ้น ระบบระบายความร้อนใหม่ นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับสีใหม่
ซื้อดีไหม ?
สำหรับราคาเปิดตัว Note 9 ในไทยอยู่ที่ 33,900 บาท โดยจะเปิดจองตั้งแต่ 10-21 สิงหาคม 61 ส่วนของแถมก็ตามภาพด้านบน ส่วนราคา Note 8 ตอนนี้อยู่ที่ 23,000 บาท ก็ต่างกันหมื่นบาทโดยประมาณ ทำให้ตัดสินใจยากอยู่เหมือนกัน เชื่อว่าการใช้งานโดยรวมจากสเปกแทบจะไม่หนีกันมาก
แต่ประสบการณ์ใหม่ที่เพิ่มเข้ามาจะเป็นเรื่องหน้าจอที่ใหญ่ขึ้น (เล็กน้อย) รวมถึงความจุมหาศาลที่จะสร้างประสบการณ์ใช้งานที่แปลกใหม่มากกว่า หากเป็นตัวผมเองถ้าถือ Note 8 อยู่แล้วก็คงไม่เลือกที่จะเปลี่ยน แต่หากตั้งใจจะซื้อ S9+ หรือ Note 9 อยู่แล้วก็ไม่แน่ครับ
ที่มา – androidauthority.com