สำหรับใครที่กำลังเล็งจะซื้อ Apple Watch Series 4 อยู่ วันนี้ทีมงานจะมานำเสนอจุดที่ชื่นชอบใน Apple Watch Series 4 หลังเปลี่ยนมาจาก Apple Watch Series 3 มาให้ชมกันค่ะ เผื่อเป็นข้อมูลช่วยในการตัดสินใจ
จุดที่ชื่นชอบที่จะนำเสนอต่อไปนี้ มาจากประสบการณ์การใช้งานส่วนตัวของทีมงานที่เปลี่ยนจาก Apple Watch Series 3 ขนาด 42 มม. มาใช้ Apple Watch Series 4 ขนาด 44 มม.
จุดที่ชื่นชอบใน Apple Watch Series 4 หลังเปลี่ยนจาก Apple Watch Series 3
1. หน้าจอเต็มขอบ แสดงผลได้เยอะขึ้น
การแสดงผลบนหน้าจอ Apple Watch Series 4 ขนาด 44 มม. มีพื้นที่ในการแสดงผลค่อนข้างใหญ่ แสดงเนื้อหาได้เยอะขึ้น จึงทำให้การแตะสัมผัสหรือเลือกตัวเลือกบนหน้าจอทำได้ง่ายขึ้น ขณะใช้งานก็มองเห็นเนื้อหาได้ชัดเจนเต็มตา
และด้วยการขยายหน้าจอให้เต็มขอบ จึงให้ความรู้สึกว่าขอบด้านข้างของหน้าจอบางลงกว่าตอนใช้ Apple Watch Series 3 อย่างเห็นได้ชัด ดูสวยงาม และใช้พื้นที่ได้เต็มประสิทธิภาพ
2. หน้าปัดอินโฟกราฟใหม่
เรียกได้ว่าหน้าปัดใหม่ทั้ง 2 รูปแบบ อินโฟกราฟ (Infograph) และอินโฟกราฟโมดูลาร์ (Infograph Modular) เป็นสิ่งที่ชื่นชอบและประทับใจที่สุดบน Apple Watch Series 4 นอกจากดีไซน์ที่สวยงามทันสมัยแล้ว ยังสามารถปรับแต่งการแสดงผลได้เยอะขึ้น
หน้าปัดอินโฟกราฟ (Infograph) มีกลไกหน้าปัดให้ปรับแต่งได้ถึง 8 จุด และหน้าปัดอินโฟกราฟโมดูลาร์ (Infograph Modular) ก็สามารถเพิ่มกลไกหน้าปัดได้ 6 จุด
ซึ่งการที่มีกลไกหน้าปัดให้เลือกปรับแต่งได้เยอะ ทำให้เราสามารถกำหนดข้อมูลหรือแอปที่ต้องการเข้าบ่อยๆ มารวมไว้บนหน้าปัดหน้าเดียวได้ ทำให้การดูข้อมูลและการเข้าถึงแอปทำได้ง่ายและสะดวกมากขึ้น เพราะทุกอย่างได้รวมไว้บนหน้าปัดอันเดียว
ใน watchOS 5.1.2 เวอร์ชันเบต้าก็ได้เพิ่มแอปที่รอบรับกลไกหน้าปัด อินโฟกราฟ (Infograph) และอินโฟกราฟโมดูลาร์ (Infograph Modular) มากขึ้น เช่น รีโมท อีเมล ข้อความ บ้าน เป็นต้น
ส่วนตัวอยากให้กลไกลหน้าปัดมีการเพิ่มข้อมูลด้านสุขภาพด้วย เช่น การนับก้าวเดินในแต่ละวัน ระยะทางการเดิน+วิ่ง เป็นต้น
3. น้ำหนักเบา ให้ความรู้สึกกระชับขึ้น
วันแรกที่ได้เปลี่ยนมาใช้ Apple Watch Series 4 สิ่งที่รับรู้ได้บนข้อมือก็คือน้ำหนักที่เบาขึ้นจากเดิม การสวมใส่รู้สึกสบายและกระชับมากขึ้น ถึงแม้ข้อมือจะเล็กแต่ะตัวเครื่องขนาด 44 มม. ก็ไม่ได้ดูเทอะทะมากนัก
ด้วยความแบนราบไปกับข้อมือจากากรดีไซน์ให้ตัวเครื่องบางลง (บางเพียง 0.7 มม.) และปุ่ม Digital Crown ก็บางลงด้วยเช่นกัน เวลาสวมใส่จึงดูเรียบกว่าเดิม
ด้วยน้ำหนักที่เบาลง การสวมใส่ Apple Watch Series 4 ขณะออกกำลังกายจึงทำให้รู้สึกเบาสบายมากขึ้น โดยเฉพาะเมื่อสวมใส่กับสาย Sport Loop ที่มีน้ำหนักเบา การเคลื่อนไหวระหว่างออกกำลังกายก็ทำได้คล่องตัว
4. เปิดแอปไวขึ้น
ความรู้สึกระหว่างใช้งาน Apple Watch Series 4 ให้ความรู้สึกในเรื่องของความเร็วเพิ่มขึ้นจาก Apple Watch Series 3 เล็กน้อย เห็นได้ชัดจากการเปิดแอปขึ้นหรือแตะเข้าไปยังเมนูต่างๆ Apple Watch Series 4 จะทำได้ไวกว่า Apple Watch Series 3 ซึ่งมาจากโปรเซสเซอร์ S4 ตัวใหม่ที่ประมวลผลแบบ Dual-core 64 บิต นั่นเอง
การเปรียบเทียบความเร็วทดสอบบน watchOS 5.1 และความเร็ว ณ ที่นี้ไม่ได้หมายถึงว่า Apple Watch Series 3 จะทำงานได้ช้ามาก ทั้ง 2 รุ่นทำงานได้รวดเร็วในระดับการใช้งานปกติ เพียงแต่ Apple Watch Series 4 ทำได้เร็วและดีขึ้นกว่า Apple Watch Series 3
5. ลำโพงดังขึ้นกว่าเดิม
สัมผัสได้กับลำโพงที่ดังขึ้นจากประสบการณ์การใช้ Wakie Talkie, โทรผ่าน Apple Watch หรือ Siri (ภาษาอังกฤษ) ที่เสียงลำโพงของ Apple Watch Series 4 ดังกระหึ่มขึ้นกว่าเดิม ได้ยินเสียงชัดเจน ทำให้พูดคุยผ่าน Apple Watch ทำได้สะดวกมากขึ้น
เช่น เวลาที่มีคนโทรเข้ามาและเราจำเป็นจะต้องรับสายบน Apple Watch ในสภาพแวดล้อมที่เสียงรอบข้างค่อนข้างดัง ก็สามารถพูดคุยได้โดยไม่ต้องยก Apple Watch ขึ้นมาแนบหูเพื่อฟัง เพราะลำโพงก็ให้เสียงที่ดังพอสมควร
ฟีเจอร์อื่นๆ ที่ชื่นชอบ แต่ยังไม่ได้ใช้งาน
ตบท้ายด้วยฟีเจอร์ที่มีประโยชน์มากๆ ที่ไม่พูดถึงก็ไม่ได้ ด้วยระบบตรวจจับการล้ม (Fall Detection) ที่ส่วนตัวตั้งค่าไว้ เพื่อความปลอดภัย ถึงแม้ตอนนี้จะยังไม่ได้ใช้ แต่ก็ให้ความรู้สึกที่อุ่นใจเสมอ หากเกิดอุบัติเหตุขึ้นโดยไม่คาดฝัน เราอาจจะได้เห็นประโยชน์จากฟีเจอร์นี้ก็ได้ แนะนำเลยสำหรับการสวมใส่ให้กับผู้สูงอายุหรือญาติผู้ใหญ่ที่ต้องคอยระมัดระวังเรื่องการหกล้ม
ส่วนฟีเจอร์ที่ยังรอคอยกันอยู่ก็คงจะเป็นฟีเจอร์ ECG ที่ยังไม่เปิดให้บริการ ทั้งในต่างประเทศและประเทศไทย ก็หวังว่า Apple จะปล่อยให้ได้ใช้งานกันในเร็ววัน และถ้าปล่อยฟีเจอร์ ECG มาแล้วก็คงเป็นประโยชน์ต่อผู้ป่วยโรคหัวใจหรือผู้ที่มีความเสี่ยงแน่นอน
ระหว่าง Apple Watch Series 4 และ Apple Watch Series 3 ซื้อรุ่นไหนดี
ขอแนะนำแบบกลางๆ ว่าถ้าหากคุณมีกำลังซื้อก็เลือก Apple Watch Series 4 ได้เลย ด้วยเทคโนโลยีใหม่และฟีเจอร์ที่มีประโยชน์อย่าง Fall Detection และ ECG
แต่สำหรับใครที่มีงบจำกัด Apple Watch Series 3 ก็ยังคงเป็นรุ่นที่คุ้มค่าคุ้มราคาที่จะใช้ในการติดตามการออกกำลังกายและรับการแจ้งเตือน และ Apple ก็ได้ปรับลดราคาลงเริ่มต้นเพียง 9,900 บาท แต่ก็ได้เครื่องที่ยังคงทำงานได้รวดเร็วและมีประสิทธิภาพบน watchOS 5
ทั้ง 2 รุ่นยังคงทำงานได้ดีทั้งคู่ หลักๆ แตกต่างกันกันที่ Apple Watch Series 4 มีการปรับดีไซน์และเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ทางด้านสุขภาพเพิ่มเข้ามา ทั้งนี้ทั้งนั้นการตัดสินใจซื้อก็ขึ้นอยู่กับราคาและสิ่งที่เราต้องการจาก Apple Watch ก็ลองนำไปตัดสินใจกันดูนะคะ