แบตเตอรี่สำรอง ณ ปัจจุบันมีให้เลือกมากมายหลากหลายยี่ห้อแต่จะมีสักกี่รุ่นที่มีจุดเด่นและเป็นที่น่าจดจำ วันนี้ผมมีหนึ่งรุ่นจากแบรนด์ Adonit มาแนะนำให้ได้ชมกันในรุ่น Wireless TravelCube แน่นอนครับว่าจุดเด่นของรุ่นนี้ก็คือ แบตเตอรี่สำรองที่มาพร้อมระบบชาร์จไร้สายนั่นเองครับ
รีวิวแบตสำรอง Adonit Wireless TravelCube ชาร์จไร้สายได้ มี USB-C และหัวปลั๊กสำหรับใช้ในต่างประเทศ
รีวิวนี้ได้รับการสนับสนุนสินค้าจาก Adonit Thailand ส่วนเนื้อหานั้นมาจากผู้รีวิวที่ได้ใช้งานสินค้านี้โดยตรง
ครั้งแรกที่ได้เห็น Adonit Wireless TravelCube ก็รู้สึกตื่นเต้นที่จะได้ลองใช้งานเพราะไม่ได้รีวิวแบตสำรองที่มีลูกเล่นเจ๋งๆ มานานแล้ว แต่ก่อนเราอาจจะตื่นเต้นกับเรื่องความจุของแบตสำรองขนาดเยอะๆ แต่พักหลังมานี้เทคโนโลยีสมาร์ตโฟนเปลี่ยนไป ทำให้แบตสำรองเองก็ต้องขยับตามด้วย ซึ่งในรุ่นนี้ผมสรุปให้ดูทราบก่อนว่ามีจุดที่น่าสนใจตรงไหนบ้าง แล้วเดี๋ยวไปลงรายละเอียดกันในลำดับต่อไป
- แบตสำรองที่ชาร์จผ่านระบบไร้สายได้ (Wireless Charging)
- มาพร้อมอะแดปเตอร์ในตัว
- มีพอร์ต USB-C
- มีพอร์ต USB-A
- บอกระดับแบตเตอรี่ที่เหลือแสดงผลเป็นตัวเลขดิจิตอล
- หัวปลั๊กสามารถสลับเปลี่ยนได้ เหมาะสำหรับการท่องเที่ยวไปต่างประเทศ
ไปลงรายละเอียดของแบตสำรองรุ่นนี้กันเลยครับ
Part 1: คุณสมบัติ
ถ้าเอ่ยถึง “แบตเตอรี่สำรอง” หลายคนคงจะรู้แล้วแหละว่าอุปกรณ์ชิ้นนี้เอาไว้ใช้ทำอะไร ส่วนวันนี้จะขอพามารู้จักกับ Adonit Wireless TravelCube แบตสำรองที่ทำได้หลายอย่างเรียกได้ว่าตัวเดียวเอาอยู่ สามารถพกพาไปใช้งานประจำวันและเหมาะสำหรับสายเที่ยวอีกด้วย
คุณสมบัติและประโยชน์ที่ได้จากอุปกรณ์ชิ้นนี้ขอแยกเป็นข้อๆ ดังนี้ครับ
- แบตเตอรี่สำรองขนาด 6,700 mAh
- รองรับการชาร์จไร้สายมาตรฐาน Qi ให้กำลังไฟ 5W มาพร้อมไฟ LED แสดงสถานะเมื่อระบบชาร์จไร้สายทำงาน
- มีปุ่ม Power ปิด-เปิด การชาร์จไร้สายได้
- มีพอร์ตสำหรับการชาร์จ 3 พอร์ตแบ่งเป็น USB-C จำนวน 1 พอร์ตและ USB-A อีก 2 พอร์ต
- USB-C จ่ายไฟออกให้อุปกรณ์ ให้กำลังไฟสูงสุด 12W (5V/2.4A)
- USB-A จ่ายไฟให้กำลังสูงสุด 12W (5V/2.4)
- มีอะแดปเตอร์ในตัวเสียบปลั๊กไฟแล้วชาร์จแบตสำรองได้ทันทีไม่ต้องหาอะแดปเตอร์แยกให้ยุ่งยาก
- อะแดปเตอร์เปลี่ยนขาเสียบได้ 4 แบบ ได้แก่ US, UK, EU, AU รองรับการใช้งานในหลายๆ ประเทศ ประเทศไทยใช้แบบเดียวกับ US
- มีไฟ LED แสดงตัวเลขของระดับแบตเตอรี่ที่เหลือ
- แบตสำรอง 1 ตัวสามารถชาร์จอุปกรณ์ได้พร้อมกัน 4 ตัว
- สามารถใช้แบตสำรองตัวนี้เป็นอะแดปเตอร์ชาร์จอุปกรณ์ได้ในเวลาเดียวกัน
ได้ทราบคุณสมบัติของอุปกรณ์ชิ้นนี้กันไปแล้วต่อไปมาชมอุปกรณ์ที่มีในกล่องกันครับ
Part 2: เช็คของ
หลังแกะกล่องจะพบกับ
- Adonit Wireless TravelCube
- กล่องสำหรับใส่แบตสำรอง
- หัวปลั๊ก 3 แบบได้แก่ UK, AU และ EU
- คู่มือการใช้งานเบื้องต้น (มีภาษาไทย)
กล่องเป็นกล่องแข็งรูปทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้ามนๆ มีความแข็งแรงผิวผิวสัมผัสนิ่มและภายในบุด้วยผ้า ป้องกันแบตสำรองไม่ให้เป็นรอยขีดข่วน ภายในกล่องมีถุงตาข่ายพร้อมสายรัดมาให้ด้วย สามารถเก็บสายชาร์จในกล่องนี้ได้เลย
เมื่อเปิดมาจะเจออุปกรณ์เหล่านี้
ชมอุปกรณ์ในกล่องกันก่อนว่าหน้าตาเป็นเช่นไรพร้อมชมพอร์ตต่างๆ บนแบตสำรองชิ้นนี้
ภาพด้านล่างเป็นปลั๊กเสริมเอาไว้เปลี่ยนเมื่อเดินทางไปต่างประเทศ
คู่มือการใช้งานมีภาษาไทยให้อ่านด้วยนะ
Part 3: การใช้งานและการทดสอบ
ต่อไปมาดูวิธีการใช้งานและชมการทดสอบประสิทธิภาพไปพร้อมๆ กันครับ
การใช้งานระบบชาร์จไร้สาย
ให้หงายด้านที่มีสัญลักษณ์การชาร์จไร้สายขึ้น จากนั้นวาง iPhone (รุ่นที่รองรับการชาร์จไร้สายได้แก่ iPhone 8, 8 Plus, X, XS, XS Max และ XR) หรือ สมาร์ตโฟนรุ่นอื่นๆ ที่รองรับการชาร์จผ่านมาตรฐาน Qi ไว้บนแบตสำรอง แล้ว กดที่ปุ่ม Power 1 ครั้ง ไฟ LED สีแดงจะติดขึ้นพร้อมแสดงระดับของแบตเตอรี่ที่เหลือ หากต้องการปิดการชาร์จไร้สายให้กดปุ่ม Power ค้างไว้จนกว่าไฟ LED จะดับลง การใช้ไร้สายเหมาะสำหรับชาร์จอยู่กับที่ส่วนกำลังไฟที่ให้มานั้นคือ 5W ค่อนข้างที่จะช้านะเทียบเท่ากับอะแดปเตอร์ที่แถมมากับ iPhone แหละ ซึ่งถ้าชาร์จผ่านสายก็จะเร็วกว่า
ข้อดีหลักๆ ก็คือชาร์จได้ทุกที่ที่ต้องการ น้ำหนักเบา (219 กรัม)และไม่ต้องพกสายให้ยุ่งยาก พกติดตัวไปด้วยเอาไว้ชาร์จตอนนั่งทานข้าว, นั่งจิบกาแฟชิวๆ กับเพื่อน หรือว่าวางบนโต๊ะทำงานชาร์จไปด้วยทำงานไปด้วยก็ได้
การชาร์จผ่านพอร์ต USB-C
พอร์ตนี้เหมาะสำหรับการชาร์จ iPhone, iPad และสมาร์ตโฟนที่รองรับการเชื่อมต่อผ่าน USB-C ที่มีกำลังไฟไม่เกิน 15W ถ้าจะชาร์จ iPhone ต้องหาสาย USB-C to Lightning มาใช้งานราคาเส้นละ 690 บาท ซื้อได้ที่ Apple ทดสอบการชาร์จกับ iPhone X พบว่าแบตสำรองจ่ายกำลังไฟสูงสุดที่ 10.x W
ส่วนถ้าจะเอามาชาร์จ iPad Pro รุ่นปี 2018 ถามว่าชาร์จได้ไหม? ตอบเลยว่าได้ สามารถใช้สาย USB-C ของ iPad มาชาร์จได้เลยนะ แต่ว่ากำลังไฟจะน้อยและอาจจะเต็มช้ากว่าเมื่อเทียบกับอะแดปเตอร์ iPad Pro 2018 ที่มาพร้อมกำลังไฟขนาด 18W
ทดสอบชาร์จ iPad Pro 2018 ขนาด 12.9 นิ้วผ่าน USB-C พบว่าแบตสำรอง Adonit Wireless TravelCube ตัวนี้จ่ายกำลังไฟได้สูงสุดที่ 14W ซึ่งเป็นไปตามค่าสเปคที่ระบุเอาไว้ในเอกสาร แล้วกำลังไฟก็จะนิ่งๆ อยู่ที่ระดับ 11-12W ถือว่าแรงพอๆ กับอะแดปเตอร์ iPad รุ่นธรรมดา
ทดสอบชาร์จ MacBook Pro 2018 รุ่น 15 นิ้ว ชาร์จไฟตรงได้แต่แบตเตอรี่ไม่เพิ่ม สรุปแล้วว่ากำลังไฟจากแบตสำรองตัวนี้น้อยไป ถ้าใครคิดว่าเอาไปใช้ชาร์จ MacBook ด้วยก็บอกเลยว่าไม่แนะนำครับผม
การชาร์จผ่านพอร์ต USB-A
สามารถใช้สายชาร์จที่แถมมากับ iPhone, iPad เสียบชาร์จได้เลย ข้อดีคือมีพอร์ตให้ใช้งาน 2 พอร์ตพร้อมกันถือว่าดี กำลังไฟสูงสุดที่วัดได้ไม่เกิน 10W จากการชาร์จผ่านพอร์ตนี้ครับ
หัวปลั๊กมีให้เลือกถึง 4 แบบ
อันนี้เป็นจุดเด่นอีกอย่างหนึ่งของแบตสำรอง Adonit Wireless TravelCube นอกจากมีอะแดปเตอร์มาพร้อมในตัวไม่ต้องหาซื้อเพิ่ม นอกจากหัวปลั๊กแบบ US ที่ติดตั้งมาพร้อมแบตสำรองแล้วยังมีปลั๊กอีก 3 แบบได้แก่ UK, AU และ EU ให้ติดตั้งสลับการใช้งานได้ด้วย สะดวกสุดๆ เมื่อเดินทางไปต่างประเทศจะได้ไม่ต้องวิ่งหาหัวแปลงปลั๊กไฟให้วุ่น จุดนี้ขอชื่นชมการออกแบบเลยว่าตอบโจทย์มากๆ ครับ
ภาพด้านล่างนี้ถ่ายที่ประเทศสิงคโปร์ทริปนั้นผมไปทำงาน 2 วัน 1 คืน พักที่โรงแรมซึ่งพบว่าที่โรงแรงไม่ได้ติดตั้งเต้าเสียบแบบ Universal เอาไว้ โชคดีที่แบตสำรองชุดนี้หัวปลั๊กให้เสียบเพิ่มได้ ซึ่งเป็นแบบ UK ผมจึงสามารถชาร์จ iPhone XS Max และ Apple Watch Series 4 ได้ในที่สุด
Part 4: บทสรุป
แบตสำรอง Adonit Wireless TravelCube เป็นอีกหนึ่งรุ่นที่น่าซื้อหาไปใช้งาน ประทับใจในฟีเจอร์ที่มีให้เลือกค่อนข้างเยอะไม่ว่าจะเป็น การชาร์จไร้สาย, การชาร์จผ่าน USB-C, USB-A ที่มาให้ครบทุกพอร์ตอย่างที่สมาร์ตโฟนต้องการ และด้วยการมีอะแดปเตอร์ในตัวซึ่งเสียบเข้ากับปลั๊กไฟบ้านก็ทำให้ชาร์จไฟเข้าแบตสำรองได้ทันทีและไม่พอแค่นั้น นอกจากการใช้เป็นแบตสำรองแล้วก็ยังใช้เป็นอะแดปเตอร์ชาร์จไฟให้อุปกรณ์ได้อีก ครบจริงๆ
ทีเด็ดอีกอย่างที่ไม่พูดถึงไม่ได้คือหัวปลั๊กเสริมหลายแบบที่ให้มาถูกใจมากเพราะมันนำไปใช้งานที่ต่างประเทศได้เลยไม่ต้องวิ่งหาหัวแปลงปลั๊กให้ลำบาก แถมด้วยกระเป๋าเก็บแบตสำรองก็ดีไซน์มินิมอล เรียบ สวย ดูแพง แถมใช้งานได้ดีอีกด้วย ใช้เก็บได้ทั้งแบตสำรอง หัวปลั๊กและสายชาร์จ iPhone ได้เลยเป็นระเบียบมากขึ้น
ส่วนจุดที่คิดว่าถ้าปรับปรุงแล้วจะทำให้แบตสำรองรุ่นนี้สมบูรณ์มากยิ่งขึ้นก็คือ ความจุ รุ่นนี้ให้มาน้อยไปหน่อยที่ 6,700 mAh ถามว่าพอกับใช้งานใน 1-2 วันไหมก็บอกเลยว่าไหวอยู่ แต่ถ้าเอาไปใช้ iPad ก็อาจจะหมดไวหน่อย ถ้าให้มาสัก 10,000 mAh หรือมากกว่าก็น่าจะดี และอีกจุดคือพอร์ต USB-C น่าจะรองรับ Power Delivery (PD) จะทำให้ชาร์จเร็ว iPhone, iPad ได้ และถ้าอยากจะล้ำอีกหน่อยก็เพิ่มกำลังไฟให้สามารถชาร์จ MacBook ได้เลย ซึ่งทุกอย่างมันจะจบอยู่ที่อุปกรณ์ตัวนี้
โดยรวมแล้ว
Adonit Wireless TravelCube จัดว่าเป็นแบตสำรองที่ฟังก์ชันครบ ตอบโจทย์การใช้งานหลายรูปแบบ ทั้งใช้งานได้ในและนอกสถานที่ พกไปเที่ยวต่างประเทศได้ไร้กังวลเรื่องปลั๊กชาร์จ
หากใครมองหาแบตสำรองดีๆ ฟีเจอร์เจ๋งๆ สักตัว แนะนำว่ารุ่นนี้แหละน่าคบหาดูใจแล้วคุณจะเลิฟมันในที่สุด
ราคาและการจัดจำหน่าย
Adonit Wireless TravelCube จำหน่ายในราคา 2,790 บาท สามารถหาซื้อได้ที่ Studio 7, Betrend Siam Paragon, Betrend Emporium, Loft Siam Discovery และเพจ Adonit Thailand