ตอนนี้ iPhone4S ก็ได้เปิดตัวมาอาทิตย์กว่า ๆ แล้ว ผมเชื่อว่าหลาย ๆ คนคงจะได้ซื้อได้จับจองกันมาบ้าง ไม่มากก็น้อย บ้างก็ซื้อผ่านผู้ให้บริการ (AIS, Dtac, True) บ้างก็ซื้อกับร้านตู้ บ้างก็ซื้อกับ App Store (แนะนำ) แต่ด้วยความที่ iPhone 4S นั้น มีจุดที่แตกต่างจาก iPhone 4 เล็กน้อย ตรงบริเวณปุ่มปรับเสียง ทำให้สำหรับบางเคสที่ออกแบบมาพอดีเป๊ะ อาจจะไม่สามารถกับร่วมกับเคสเดิมได้ แต่บางรุ่นที่เว้นที่ตรงบริเวณปุ่มปรับเสียงไว้เยอะหน่อย ก็สามารถใช้งานได้อย่างไม่มีปัญหา แต่สำหรับใครที่ยังไม่มั่นใจเรามาลองสอบถามคนใช้งานจริง หรืออ่านรีวิวจาก iPhoneMod.net ก่อนก็ได้ครับ รับรองว่า “ไม่มีธนูปักเข่าอย่างแน่นอน” เอาล่ะครับ เพื่อไม่เป็นการให้เสียเวลา ผมว่าเรามาเริ่มกันเลยดีกว่า กับ Epicase ลาย Sweetie ว่าจะหวานถูกใจใครหลาย ๆ คนไหม ^^
เคส “Epicase” (ลาย Sweetie) มีขายที่ MOSO Brand Shop ชั้น 2 Digital Gateway
หรือที่ mosothailand.com ราคา 1,190 บาท (ส่งฟรีถึงบ้าน)
ก่อนอื่นเรามาเกริ่นนำเครื่องเคส Epicase ก่อนแล้วกัน ผมขอเรียกว่า Epicase นะครับ เพราะเป็นชื่อยี่ห้อของมัน ส่วน Sweetie เป็นชื่อลาย (ที่ผมถ่ายอยู่ตอนนี้) โดย Epicase เป็นเคสจากเกาหลีแท้ ๆ เลยครับ Made in Korea เลย ไม่ใช่เคสบริษัทเกาหลี แต่ผลิตที่จีนเหมือนบางยี่ห้อ ดังนั้นเรื่องคุณภาพและงานจึงวางใจได้ วัสดุที่ใช้ทำเคสเป็นวัสดุชนิดเดียวกับมือถือยี่ห้อซัมซุง และลายกราฟฟิกบนเคส เป็นการออกแบบโดยศิลปิน Artist ที่มีชื่อเสียงจากประเทศเกาหลี (ทุกลายมีลิขสิทธิ์ห้ามลอกเลียนแบบ)
ด้านหลังมีแถมสติกเกอร์ติดปุ่ม Home ลายการ์ตูนน่ารัก ๆ จำนวน 3 อันด้วยกันครับ อันนี้แล้วแต่ความชอบส่วนบุคคลเลย ใครจะติดหรือไม่ติดยังไงก็ได้ แต่ไหน ๆ ก็แถมมาแล้วเอามาติดดีกว่าครับ นอกจากจะสวยแล้วยังช่วยทำให้กดปุ่ม Home ได้ง่ายขึ้นอีกด้วย สาว ๆ ที่ไว้เล็บน่าจะชอบกัน
สติกเกอร์โฮโลแกรมเพื่อความมั่นใจว่าได้เคสแท้จาก Epicase ชัวว์ ๆ แต่เรื่องของปลอมไม่ต้องห่วงครับ เพราะเท่าที่ทราบมาผมยังไม่เคยเห็นเลย ถามว่าหาซื้อได้ที่ไหน? ก็ตามรายละเอียดที่เขียนข้างต้นเลยครับ โดยร้าน MOSO (http://www.mosothailand.com) ได้รับลิขสิทธิ์นำเข้าแต่เพียงเจ้าเดียวในประเทศไทย ดังนั้นเรื่องความสวยงามที่ไม่ซ้ำใคร ผมรับประกันได้
รวมอุปกรณ์ทั้งหมดที่ได้มาในกล่องครับ มีตัวเคส สติกเกอร์ติดปุ่ม Home และคู่มือการติดตั้งครับ
สำหรับการติดตั้งนั้นไม่ยาก ทำเอาตามขั้นตอนในคู่มือเลย โดยเริ่มจากการใส่จากด้านข้างซ้ายของเครื่องก่อน
ทุกอย่างถ้าจะเพิ่มมูลค่าให้กับมันต้องมีตำนาน ดังนั้นลายที่ลงบนเคส Epicase นั้นไม่ใช่ลายไก่กาที่ไหน เป็นลายที่ออกแบบโดยศิลปิน Artist ที่มีชื่อเสียงจากประเทศเกาหลี (ทุกลายมีลิขสิทธิ์ห้ามลอกเลียนแบบ) พร้อมตัวอย่างผลงาน การทำงาน และแรงบันดาลใจในการออกแบบ โดยลายที่ผมได้มาทดสอบนั้นมีชื่อว่า “Sweetie” โดย ANIMABASE
สติกเกอร์ติดปุ่ม Home มีลายคุณสิงโต คุณกระต่าย และใบไม้ ^^
ตัวเคสนั้นทาง Epicase กล่าวว่าได้พัฒนาคุณภาพวัสดุโลหะ และพลาสติกให้มีความแข็งแรงทนทานมากขึ้นอีกทั้งยังทนความร้อนได้มากกว่า 200 องศาเซลเซียส ซึ่งตรงนี้ผมก็ไม่ทราบเหมือนกันว่าพัฒนาวัสดุโลหะอะไร ยังไง หรือตรงไหน เพราะเท่าที่เห็นเป็นพลาสติกแทบจะทั้งตัว แต่ความแตกต่างที่เห็นจาก Epicase ว่าแตกต่างจากยี่ห้ออื่นนั่นก็คือ ตัวเคสของ Epicase นั้นแข็งเอามาก ๆ แทบไม่เปลี่ยนรูปเลย เป็นพลาสติกที่อัดแน่นเอามาก ๆ
ตรงบริเวณปุ่มปรับเสียงมีพลาสติกครอบไว้อีกที ส่วนตรงบริเวณปุ่มปิดเสียงนั้นได้มีการเผื่อที่ไว้เล็กน้อย ทำให้สามารถใช้งานกับ iPhone 4S ได้อย่างไม่มีปัญหา โดยผมยืนยันเลยครับ (ใช้กับ iPhone 4 ก็ได้นะ)
ตรงกลางด้านในเคส มีการสลักคำว่า “EPICASE” ตามด้วยคำว่า made in Korea เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้าว่า ได้งานแท้ ๆ คุณภาพจากเกาหลีจริง ๆ
ตอนนี้ผมได้ทำการติดตั้ง Epicase เข้าไปกับ iPhone 4 ของผมเรียบร้อยแล้วครับ พร้อมกับเลือกน้องกระต่ายสีชมพู มาเป็นคู่ใจ
จริง ๆ ผมไม่ได้ชอบหรอกครับ แต่ใส่ให้สาว ๆ กรี๊ดเล่น ๆ (ฮา) ถามเรื่องวัสดุตัวสติกเกอร์ปิดปุ่ม Home นี้ทำมาได้ดีเอามาก ๆ ครับ เต็ม 10 ผมให้ 10 เลย เพราะผมเคยลองใช้มาหลายอันอยู่ อันนี้นั้นความนูนอยู่ระดับกลาง ๆ คือไม่เตี้ยและไม่สูงมาก ส่วนเรื่องคุณภาพกาวนั้นผมให้เต็ม เพราะตอนแรกที่ติดไปนั้น ผมติดเบี้ยวไปนิดนึง ยังดึงแทบจะไม่ออก เหนียวดีมาก ๆ เลย
มาดูด้านหลังกันบ้าง เรามาว่ากันด้วยเรื่องวัสดุกัน อย่างที่ผมบอกคือเป็นพลาสติกอัดแน่นซึ่งแข็งมาก ๆ และแทบไม่มีทางจะดัด หรืองัดให้เปลี่ยนรูปได้เลย ทำให้ผมหายห่วงเรื่องความทนทาน พอสังเกตตรงเนื้อดี ๆ ปรากฎว่าไม่ใช่พลาสติกมันเงาธรรมดาทั่ว ๆ ไปครับ แต่ถูกเคลือบผิวให้เป็นสีด้าน แลดูเป็นธรรมชาติมากกว่า ราวกับผลงานรูปภาพที่เห็นนั้นมาจากผิวผ้าใบของจิตกรจริง ๆ ให้คุณค่าด้านความงามทางศิลปะมากกว่า
ข้อดีสำหรับการที่เป็นเคสพลาสติกด้านอีกอย่างที่ผมเห็นก็คือ มันไม่มีรอยนิ้วมือครับ อารมณ์เดียวกับตอนติดฟิล์มกันรอบแบบด้านเลย ผมชอบมันมากจริง ๆ ครับ
หากคุณคิดว่า Epicase นั้นมีดีแค่นี้ ผมขอบอกว่าคุณคิดผิดครับ ลายบน Epicase นั้นไม่ใช่เป็นแค่การเพ้นท์หรือพ่นส่งลงไปธรรมดา ๆ เหมือนเคสถูก ๆ ที่อะไรขูดนิดหน่อยก็สีลอก อย่างที่กล่าวไว้ข้างต้นครับว่าตัวเคสนั้นมีการเคลือบผิวอีกทีหนึ่งให้เป็นผิวด้าน และยังมีคุณสมบัติกันรอยขีดข่วน (Anti-scratch) อีกด้วย
ด้านล่างเครื่องนั้นได้เว้นที่ไว้สำหรับเสียบสาย Sync และช่องลำโพง ไมค์ ได้อย่างไม่มีปัญหากับการใช้งานแต่อย่างใด
ตรงหัวเครื่องก็เช่นเดียวกัน เว้นที่ไว้ให้กดปุ่ม Power ได้สบาย ๆ และบริเวณแจ็คหูฟัง ก็ไม่มีอะไรบดบัง ต่อให้เสียบหูฟังแจ็คตัวงอหรือตัวตรงก็ไม่มีปัญหา
สำหรับใครที่กังวลเรื่องน้ำหนัก ก็ไม่ต้องกังวลไปครับ เพราะเบาจนแทบไม่รู้สึกว่าใส่อยู่เลย
ปุ่มปิดเสียงอาจจะใช้งานมือเดียวไม่ค่อยสะดวกนักเหมือนก่อนใส่เคส แต่ผมเชื่อว่ามันคงไม่ได้ใช้บ่อย ๆ ครับ ส่วนปุ่มปรับเสียงนั้นถึงตัวเคสจะครอบอยู๋อีกทีหนึ่ง แต่สามารถกดใช้งานได้อย่างไม่ติดขัดประการใดครับ ทาง Epicase ทำการบ้านมาได้ดีจริง ๆ
ความหนาเมื่อเทียบกับเหรียญบาทครับ ลองวัดกับขนาด iPhone ในมือท่านได้เลย ^^
สรุป : เป็นเคสที่ราคาค่อนข้างสูงพอสมควร แต่ก่อนอื่นต้องทำความเข้าใจก่อนว่ามันเป็นของนำเข้า และเป็นงานจากเกาหลีแท้ ๆ หมายความว่าเรากำลังใช้สินค้าตัวเดียว และเกรดเดียวกับคนที่นั่นใช้เลย ถามว่าเนี๊ยบมั้ย? ตอบเลยว่ามากครับ สิ่งที่ผมชอบมากก็คือความที่มันเป็นผิวด้าน ทำให้ไม่เกิดรอยนิ้วมือ และลายบนเคสที่เป็นงานศิลป์ของมันต่างหาก และเนื่องจาก MOSO เป็นผู้นำเข้าแต่เพียงผู้เดียวในไทย ดังนั้นเรื่องที่จะไปซ้ำกับใครคงจะยาก
ขอขอบคุณ : ร้าน mosothailand.com ที่เอิ้อเฟื้อสินค้าคุณภาพมาให้ทีมงานได้ทดสอบ
(หากท่านสนใจสินค้าตัวที่ทีมงานรีวิวนี้สามารถคลิกสั่งซื้อได้ ที่นี่)
Promotion
สินค้าทุกชิ้นส่งฟรี, สมัครสมาชิกวันนี้รับฟรีทันที 100 Reward (ใช้สำหรับใช้เป็นส่วนลดในการสั่งซื้อสินค้าใน mosothailand.com มูลค่า 100 บาท)
น่าสนใจมาก ๆ เลย ขอลองสั่งซักอัน