ราคา iPhone ที่สูงขึ้นเป็นอีกหนึ่งปัจจัยทีทำให้ผู้ซื้อหลายรายตัดสินใจที่จะข้าม iPhone รุ่นใหม่ไป รู้หรือไม่? ว่า iPhone ราคาแพงขึ้นประมาณ 50% ภายใน 3 ปี (2558 – 2561)
iPhone ราคาแพงขึ้นประมาณ 50% ภายใน 3 ปี (2558 – 2561)
ข้อมูลต่อไปนี้เป็นความเห็นส่วนตัวของผู้เขียน
หากคิดเล่นๆ ราคา iPhone เรือธงรุ่นเริ่มต้นในปัจจุบัน (iPhone XS) เมื่อเทียบกับ iPhone รุ่น 3 ปีที่แล้ว (iPhone 6s) ราคาเพิ่มขึ้นจากเดิม 50%!!
ราคาเพิ่ม 50% เราได้อะไรเพิ่มมาบ้าง (ที่เห็นชัดๆ)
- Design ตัวเครื่องปรับปรุงเล็กน้อยแต่วัสดุตัวเครื่องเกือบใหม่ทั้งหมด (Body กระจก, กรอบสแตนเลส)
- จอ OLED เต็มขอบ, ไร้ปุ่ม Home, Super Retina HD ที่ชัดมากๆ
- ชิปที่เร็วแรงกว่าเดิมมี Neural Engine, แบตฯ อึดขึ้น, Performance ดีขึ้น
- กันน้ำกันฝุ่นได้
- ชาร์จไร้สาย, ชาร์จเร็วได้
- กล้องหลัง 2 ตัวแนวตั้ง
- กล้องหน้า TrueDepth, Face ID
- ฟังก์ชันทำงานร่วมกับ iOS 12 โดยเฉพาะ เช่น Animoji, Memoji, Portrait Lighting, Smart HDR และการอัดวิดีโอที่ละเอียดกว่า
- ความจุตัวเครื่องเพิ่มขึ้น
- Dual-SIM, eSIM
- ตัดช่องหูฟัง 3.5 มม. ออก
- ฯลฯ
Apple เปิดขาย iPhone รุ่นใหม่ทุกปี โดยในแต่ละปี Apple จะชูจุดขายของรุ่นนั้นๆ ขึ้นมา แต่ก็จะเห็นได้ว่า iPhone รุ่นใหม่ๆ ราคาก็จะพุ่งขึ้นเรื่อยๆ แต่ก็มี Feedback จากผู้ใช้หลายรายว่า “ความว้าว” ของฟีเจอร์ใหม่ๆ ใน iPhone เริ่มน้อยลง
(ประมาณว่ารุ่นที่ถืออยู่ในมือ มันก็ใช้ได้อยู่และจะเปลี่ยนไปใช้รุ่นใหม่มันก็แพงซะเหลือเกิน)
ดังนั้นก็อยู่ที่ Apple เลยว่าจะจัดการเรื่องนี้อย่างไร เพราะความเห็นส่วนตัวมองว่า Apple ขาย iPhone แพงได้แต่ต้องเน้นใส่นวัตกรรมที่ไม่ใช่ Software อย่างเดียวเข้ามาด้วย
หรือไม่ Apple อาจจำเป็นต้องย้อนกลับไปใช้กลยุทธ์การเจาะตลาดกลางตามช่วงเวลา เหมือนตอนปี 2016 ที่ Apple ขาย iPhone 7 ราคาสูงแต่ก็มี iPhone SE เข้ามาประคองช่วยให้ยอดขาย iPhone ยังกระเตื้องอยู่เรื่อยๆ
น่าสนใจว่าปี 2019 นี้ Apple จะวางกลยุทธ์อย่างไรเพื่อไม่ให้ซ้ำรอยกับปลายปี 2018 ที่ผ่านมาอีก เพราะรายได้หด ความเชื่อมั่นจากผู้ถือหุ้นและลูกค้าก็จะลดลงตามไปด้วย …
อย่างไรก็ตามก็ขอเอาใจช่วย Apple สร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ดีๆ โดนใจลูกค้าด้วยครับ ❤️
เรียบเรียงโดย – มดเต้นท์ (Mod-T) iPhoneMod