หลายคนอาจจะคิดว่าผมรีวิวซ้ำแต่ว่าจริง ๆ แล้วมันไม่ได้ซ้ำนะ = =” จริง ๆ แล้วเคสตัวนี้จะคล้าย ๆ กับ เคสนั้น และ เคสนี้ เพียงแต่ว่าตัวนี้พิเศษกว่าคือเป็นรุ่นอัพเกรดที่รวมเอาทั้ง 2 รุ่นเข้าด้วยกัน คือสามารถตั้งเคสได้ทั้งแนวตั้งและแนวนอน โดยยอดขายในรุ่นแรกนั้นถล่มทลาย ในวันนี้ Ozaki ออกมาทวงบัลลังเคสเทพอีกครั้ง ด้วยการส่งรุ่นสองออกมาซึ่งนั่นก็คือ iCoat-Versatile 360 บอกได้คำเดียวครับว่า “คุ้มมาก” จริง ๆ แล้วใครซื้อรุ่นแรกไปอาจจะเจ็บใจลึก ๆ ก็เป็นได้ สำหรับคำแนะนำของเคส Ozaki นั้นผมจะไม่ขอบอกอะไรมากครับ จะแนะนำเพียงแค่ว่าหากคุณชอบอะไรที่คุ้ม ๆ ชนิดที่ว่าซื้อ 1 ได้ถึง 2-3-4-5 หรือต้องการเคสอะไรที่ทน ๆ ใช้งานได้หลากหลาย ชอบซื้อทีเดียวใช้ยาว ๆ ไม่ต้องเปลี่ยนล่ะก็ Ozaki คือคำตอบของ 1 ในมหาเคสเทพทั้งหลายทั้งปวงครับ
“Ozaki รุ่น iCoat-Versatile 360” สามารถหาซื้อได้ตามห้างสรรพสินค้าชั้นนำ
หรือสั่งออนไลน์ได้ที่ BBiPhone.com จะอยู่ที่ราคา 2,090 บาท
ก่อนอื่นผมอยากให้ทุกท่านที่พลาดรีวิวของ Ozaki Versatile รุ่นแรกได้อ่านรีวิวก่อนครับ
รีวิว – Case iPad2 Ozaki รุ่น iCoat Versatile Vertical
รีวิว – Case iPad2 Ozaki รุ่น iCoat Horizontal Vertical
เนื่องจากการใช้งานหลาย ๆ อย่างนั้นเหมือนกันครับ ถ้าดูหลาย ๆ ภาพน่าจะเข้าใจได้ง่ายขึ้น
ดูภาพจากผู้ผลิตไปแล้ว ต่อไปเราลองมาดูรายละเอียดทุกซอกทุกมุม ตามภาษา iPhoneMod.net กันบ้างดีกว่าครับ (ร้าน BBiPhone.com ไม่มีขายสีครีมนะครับ)
แพคเกจของสินค้ามาแบบเดิม ๆ ครับ เหมือนกับรุ่นก่อน ๆ สไตล์ Ozaki ออกแนวบ้า ๆ บวม ๆ ครับ โดยสีทั้งหมดนั้นมี 3 สีด้วยกันคือ ชมพู เทา ครีม แต่ทาง BBiPhone.com ได้นำเข้าในจำนวน 2 สีคือ เทาและชมพู
ด้านในยังมีอุปกรณ์เป็นสาย 4 เส้นเหมือนเดิมครับ เพื่อการใช้งานที่หลากหลายมากยิ่งขึ้น
ด้านในมีวิธีการติดตั้งให้พร้อมสรรพสำหรับมือใหม่
ด้านในมีกันกระแทกด้วยครับ สมกับราคาของมันจริง ๆ สีชมพูนั้นจะเป็นสีเดียวกันทั้งเคส ไม่มีสีอื่นปลอมปน วัสดุนั้นเป็นวัสดุที่ไม่สร้างตำหนิให้กับเครื่องทั้งเคสครับ โดยด้านนอกเป็นผ้าดินิมลักษณะแบบผ้ายีนส์ ส่วนด้านในเป็นผ้าลินิน ตรงบริเวณขอบจอเป็นหนังสังเคราะห์ นอกจากนี้ยังมีที่เก็บปากกา (Stylus) ด้วย
สำหรับการติดตั้งสามารถเสียบเข้าไปได้ง่ายดายจากด้านข้าง มีฝาปิดเรียบร้อย เพื่อป้องกันการตกหรือหลุด โดยตรงจุดนี้ถือว่า Ozaki ทำออกมาได้ดีมากครับ
เมื่อตั้งเคสจะเป็นแบบนี้ครับ สามารถปรับระดับได้ถึง 3 ระดับ เพื่อให้สะดวกกับการใช้งานมากยิ่งขึ้น เหมาะสำหรับการรับชมภาพยนตร์ ชม Youtube หรือพรีเซ้นต์งานครับ
มาดูกันให้ชัด ๆ อีกมุมหนึ่ง สีชมพูจัดจ้านสะใจดีจริง ๆ สาว ๆ น่าจะชอบ (ขนาดผมผู้ชายแท้ ๆ ยังชอบเลย)
เท่านั้นยังไม่พอครับ สำหรับรุ่นแรกคือต้องเลือกเพียงแค่ “ตั้ง” หรือ “นอน” แต่สำหรับรุ่น 360 อันนี้นั้นไม่ต้องเลือกแล้วครับเพราะสามารถวางได้ทั้งแนวตั้งและแนวนอน เพียงแค่หมุนก็สามารถปรับได้ตามใจคุณ (หมุนได้ 360 องศา) โดยมุมตั้งดังภาพนั้นเหมาะอย่างยิ่งสำหรับการใช้งานเว็บไซต์ อ่านหนังสือ หรือเล่น Facebook ครับ เพราะบางอย่างมันแลกกันไม่ได้จริง ๆ โดยน้อยเคสนัก (ผมนับได้ยังไม่ถึง 5 เลยด้วยซ้ำ) ที่จะสามารถหมุนแนวตั้งแบบนี้ได้
มุมด้านหลังก็ได้ถูกออกแบบมาอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นรอยพับ หรือองศา ลวดลายต่าง ๆ ขนาดยางสำหรับรัดเคสยังใช้สีชมพูตัดขาวเพื่อความสวยงาม และเป็นหนึ่งเดียวกันเลย
ด้านข้างมีช่องสำหรับเสียบปากกา (Stylus) ซึ่งไม่มีแถมมาให้ในกล่อง (ต้องหาซื้อแยก) โดยสำหรับใครถ้าอยากซื้อแยก ขอเชิญอ่านบทความเก่าของเราดูครับ http://www.iphonemod.net/review-istroke-l.html แต่ถ้าใครอยากแนวจะใส่เป็นปากกาหมึกซึมก็ได้ไม่ว่ากัน
สำหรับความหนานั้นคือว่าค่อนข้างหนาระดับหนึ่งครับ แต่ก็ยังไม่ถึงกับขนาดถือไม่ได้ จริง ๆ แล้วมันกระชับมือขึ้นด้วยซ้ำ หากใครเคยใช้ iPad1 มาจะทราบว่ามันปกติครับ ไม่ได้หนาอะไรเลยสำหรับไซด์นี้ แต่ถ้าคนเคยถือแค่ iPad2 เพียว ๆ อาจจะรู้สึกได้ว่ามันหนาขึ้นเยอะครับ เพราะตัว iPad2 มันบางเป็นทุนเดิมอยู่แล้วนั่นเอง
ส่วนตรงบริเวณลำโพงนั้นมีการเจาะเว้นไว้เพื่อให้เสียงออก อีกทั้งยังใส่ตระแกรงลงไปเพื่อความสวยงามอีกด้วยครับ
ถัดมาลองตรวจ QC ตรงบริเวณรูกล้อง สามารถเจาะรูได้พอดีเป๊ะ ไม่มีปัญหาต่อการถ่ายภาพ
สำหรับการใช้งานนั้นสามารถใช้งานได้หลายแบบดังนี้ โดยในวันนี้ต้องขออภัยด้วยนะครับที่ไม่มีนางแบบมาเป็นพรีเซ้นเตอร์ เนื่องจากตอนผมถ่ายนั้นผมอยู่คนเดียวครับ เลยไม่มีใครให้ หลอกใช้ ช่วยงาน
มีสายเส้นยาวที่ทำให้สามารถคล้องคอได้เพื่อกันตก หรือว่าจะเอาไปสะพายข้างก็เก๋ดีครับ สามารถปรับความยาวได้ตามความต้องการ
ส่วนอันนี้เป็นสายยางยืดคุณภาพสูง สำหรับเกาะติดกับเบาะรถยนต์ครับ จะได้ดูหนังสะดวก ๆ
สายสำหรับคล้องขอมือกันตกครับ ห้อยไว้เท่ห์ ๆ ก็ได้ครับ สวยเหมือนกัน
สามารถเอามือสอดเข้าไปเพื่อป้องกันตกได้อีกแบบด้วย (อารมณ์ประมาณเหมือนเครื่องแปลงร่างอะไรซักอย่าง)
สรุป : เป็นเคสรุ่นใหม่ของ Ozaki (ที่ราคาเท่าเดิม) คือ 2,090 บาท ถึงแม้ว่าราคาอาจจะสูงไปนิด แต่วัสดุงานถือว่าดีครับ ความทนทางและความหลากหลายงานถือว่ามาก หากคนชอบก็คงชอบเลย แต่หากไม่ชอบก็คงไม่ชอบเลย สองสิ่งที่น่าเสียดายก็คือ 1.ไม่ได้แถมปากกา (Stylus) มาให้เหมือนตอนรุ่นแรก 2.ไม่มีฟีเจอร์ Sleep On-Off
ขอขอบคุณ : ร้าน BBiPhone.com ที่เอิ้อเฟื้อเคสคุณภาพมาให้ทีมงานได้ทดสอบ
(หากท่านสนใจสินค้าตัวที่ทีมงานรีวิวนี้สามารถคลิกสั่งซื้อได้ ที่นี่)