เป็นที่ทราบกันดีว่าอุปกรณ์เสริมต่าง ๆ ของ iPhone นั้นมีมากมาย ไม่ว่าจะเป็นเคส แบตฯ หรือว่าจะเป็นกันรอย สายคล้อง นู่นนี่นั่นเยอะแยะไปหมด แต่สำหรับเรื่องกล้องก็มีเช่นกัน อย่างที่ผมเคยรีวิวคราวก่อน รีวิว – iPhone Len Zoom X8 “เพิ่มพลังซูมให้กับ iPhone คุณ” ก็ตาม แต่เลนส์นั้นต้องใส่เคสของมันโดยเฉพาะแล้วใช้ได้แค่ซูมอย่างเดียวเท่านั้น จำได้ว่าตอนนั้นยังแกล้งแซวอยู่เลยว่าทำไมไม่มีเลนส์มาโคร เลนส์ไวด์ บ้างนะ! แต่วันนี้มันมาแล้วครับ พระเจ้า !!! สิ่งที่ผมเคยพูดเล่น ๆ นั้นมันมีจริง ๆ ซึ่งนั่นก็คือ OlloClip นั่นเอง มาตัวเดียวไม่พอ คราวนี้มาจุใจถึง 3 เลนส์ด้วยกัน สำหรับงานนี้คอถ่ายภาพห้ามพลาดด้วยประการทั้งปวง ว่าแล้วก็ไม่รอช้าเรามาเริ่มกันเลยดีกว่ากับ “OlloClip ใช้ไอโฟนก็เปลี่ยนเลนส์ได้”
OlloClip สามารถสั่งซื้อได้ที่เว็บไซต์ผู้ผลิตหรือ KulGear Fanpage (ผู้นำเข้า) ราคา 2,700 บาท
ติดตามข่าวสารจาก KulGear Fanpage ได้ที่ http://www.facebook.com/KulGear
หน้ากล่องมีสินค้าโชว์อยู่พร้อมระบุชัดเจนครับ ว่ามีเลนส์ 3 ชนิดคือ Fish Eye, Macro, Wide Angle
ตัวอย่างภาพที่ได้จากเลนส์ต่าง ๆ อยู่ด้านหลัง ซึ่งผมไม่เชื่อเลยว่าจะได้ภาพออกมาแบบนั้น (ของแบบนี้ต้องลองเอง) และก็บอกถึงอุปกรณ์ที่แถมมาด้านใน
รองรับอะไรบ้าง? ก็มี iPhone 4 และ iPhone 4S ครับ ส่วนรุ่นอื่น ๆ นั้นไม่ต้องซื้อให้เปลืองเงินครับ หมดสิทธิ เนื่องจากเป็นอุปกรณ์ที่ออกแบบมาโดยเฉพาะเพื่อให้ประสิทธิภาพสูงสุด
บรรจุภัณฑ์ทำออกมาได้ดีไม่แพ้พวกแบรนด์ดัง ๆ ระดับโลกเลยทีเดียว OlloClip เนี่ย
อุปกรณ์ที่แถมมาในกล่องก็มีคู๋มือสั้น ๆ เลนส์ (ใส่ได้ 2 ด้าน) ผ้าเก็บเลนส์ และก็ยังแถมฝาปิดเลนส์ด้วย ทำออกมาได้ละเอียดดีจริง ๆ
ภาพเลนส์ชัด ๆ สำหรับด้านที่เป็นแบบ Fish Eye เหมาะสำหรับถ่ายภาพที่ต้องการมุมแปลก ๆ เหมือนตาปลา หรือจะถ่ายสัตว์เลี้ยงก็ได้ (เห็นคนเอาไปถ่ายสุนัขเยอะมาก จมูกดูโตน่ารักดี)
วัสดุงานประกอบได้แข็งแรงดีครับ ขนาดเล็กกระทัดรัด ไม่ต้องพกเลนส์หลาย ๆ ตัวให้เสี่ยงทำหายเล่น รวมกันอยู่ในตัวเดียวเลย สะดวกดี สำหรับผมแล้วโอเคมากเลยทีเดียว
หันมาอีกฝั่งจะเป็นเลนส์แบบ Wide Angle ครับ ใช้สำหรับถ่ายภาพที่ต้องการเก็บมุมกว้าง ๆ เช่น พวกวิวต่าง ๆ หรือถ่ายรูปแก๊งค์เพื่อนทีละ 20-30 คนก็ยังได้ เพราะบางทีเราเดินถอยหลังไม่ได้ ถ่ายไกล ๆ ภาพก็เล็ก เอาไปขยายก็แตก ดังนั้น Wide Angle คือคำตอบ แต่ความพิเศษนั้นยังไม่จบสำหรับเลนส์ด้านนี้เพียงถอดเลนส์ Wide Angle ออกก็จะได้เลนส์ Macro
เพียงแค่หมุนเอาเลนส์ Wide Angle ออกก็จะได้เลนส์ Macro สำหรับถ่ายอะไรที่ใกล้ ๆ เป็นพิเศษครับ เช่น ลายของไม้ ดอกไม้ หรือมด ซึ่งต้องลองเล่นดู (ตัวอย่างภาพอยู่ด้านล่าง ๆ เลย)
ที่ปิดฝาเลนส์ปั้มลาย OlloClip ทำออกมาได้พอดิพอดี ไม่หลุดหรือหลวมแต่อย่างใด ตรงนี้ให้ผ่านครับ
ลองทดสอบติดตั้ง OlloClip อย่างที่เห็นคือไม่สามารถใช้ร่วมกับเคส iPhone ได้จะมีก็เพียงแต่ใช้ร่วมกับ POPA เท่านั้น ซึ่งตัว OlloClip มีความแน่นพอสมควรเลยทำให้เกิดปัญหากินฟิล์มขึ้นมา แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นจากการที่ได้ลองถอดเข้าถอดออกหลาย ๆ ครั้งเข้า ก็พอทำให้รู้เทคนิคอยู่ คือการใส่จากด้านบนก่อนแล้วค่อยขยับมาทางขวา ไม่ใช่สวมแบบ 45 องศา หรือเข้าจากด้านข้างเหมือนปกติ
สำหรับคนที่ไม่ได้ติดกันรอยก็ไม่เป็นไร แต่จะว่าไปวัสดุทั้งหน้าและหลัง iPhone ทำมาจากกระจก ซึ่งโดยธรรมชาติกระจกก็เป็นรอยยากมากอยู่แล้ว แถม iPhone ยังเป็นกระจกเฮลิคอปเตอร์อีกต่างหาก น่าจะวางใจได้ระดับหนึ่ง (เท่าที่ดูเครื่องที่ตั้งโชว์ในศูนย์ ผ่านมือมาเป็นพันก็ยังไม่เห็นเป็นรอยอะไรนะ)
เข้ากันดีมาก ๆ ใส่แล้วดูสวยงามดีครับ คนที่ชอบถ่ายภาพน่าจะชอบ ใช้เล่นได้หลายเทคนิคเลย ยิ่งเอาไปประยุกต์กับ App อื่น ๆ ยิ่งแจ่มไปกันใหญ่ เช่น “อินชะตากรรม” (Instagram) เป็นต้น
ปัญหาอีกอย่างที่พบคือมันบังปุ่ม Lock เครื่องครับ แต่ปัญหาเรื่องนี้เล็กน้อยมาก เพราะคงไม่มีใครเสียบไว้ตลอดเวลาอยู่แล้ว จะเอามาใช้ก็เพียงแค่ตอนจะถ่ายรูปเท่านั้น ดังนั้นปัญหาเรื่องนี้จึงขอผ่าน แต่ขอแจ้งไว้เพื่อความจริงใจในการรีวิวของเราครับ ว่าเราจะบอกทุกอย่างกับผู้อ่านจริง ๆ ไม่ว่าจะเป็นข้อดีหรือข้อเสีย
ภาพจากเลนส์ Fish Eye ครับ ให้ความรู้สึกที่กว้างขึ้นและดูมีมิติมากยิ่งขึ้น
ลองดูอีกภาพหนึ่งจะเห็นได้ว่ามันทำให้เราเก็บมุมภาพได้กว้างขึ้นเล็กน้อยด้วย
ทดสอบถ่ายรูปจากภาพจริง (คลิกที่ภาพเพื่อดูไฟล์จริงได้เลย)
เลนส์ Fish Eye : จะเห็นได้ว่าภาพจะบิดเบี้ยวเป็นนูน ๆ เหมือนตาปลา
เลนส์ Fish Eye : ลองอีกมุมหนึ่ง
เลนส์ Fish Eye : จะเห็นได้ว่ามีขอบดำ ๆ อยู่รอบ ๆ เป็นเรื่องปกติของ Fish Eye ครับ หากไม่ชอบจะ Crop ก็ยังได้ครับ ซึ่ง iOS5 ก็รองรับฟีเจอร์นี้อยู่แล้ว
เลนส์ Fish Eye : ได้มุมมองที่แปลกใหม่ ไม่ซ้ำใคร หากอัพลง FB เพื่อนถามว่าใช้ App อะไร ก็บอกไปได้เลยว่า “ตูเปลี่ยนเลนส์ iPhone”
ภาพปกติ : ลองทดสอบเพื่อให้เทียบกับตอนใส่เลนส์ครับ โดยทุกภาพผมเปิด HDR
เลนส์ Fish Eye : จะได้มุมที่กว้างกว่า สังเกตได้จากสายไฟด้านบน และเสาทั้ง 2 ด้าน
เลนส์ Wide Angle : สังเกตได้ว่าถึงแม้จะได้พื้นที่กว้างน้อยกว่าเลนส์ Fish Eye แต่สัดส่วนนั้นถูกต้องกว่า และยังให้ค่าสีเหมือนถ่ายปกติอีกด้วย
ภาพปกติ : ถ่ายจุดศูนย์กลางไปที่รถ และยืนติดกำแพงแล้ว (ถอยไม่ได้แล้ว) ไม่มีการซูมหรืออะไร ถ่ายปกติ
เลนส์ Wide Angle : จะเห็นได้ว่ามีมุมมองที่กว้างกว่า ลองสังเกตได้จากราวจับบันไดและเพดานด้านบน รวมถึงมุมด้านอื่น ๆ
ภาพปกติ : ถ่ายบริเวณหน้าต่างระยะห่างไม่กี่เมตร
เลนส์ Wide Angle : จะเห็นได้ว่าเก็บภาพได้กว้างกว่ามาก สุดหน้าต่างเลนทีเดียว
ภาพปกติ : ลองมาดูจากหน้าจอ iPhone กันบ้าง สังเกตที่เส้นตารางนะครับ มันตัดกับเสาส่งสัญญาณพอดี ซึ่งผมก็จะวัดแบบนี้เช่นกันตอนถ่ายแบบใส่เลนส์ Wide Angle
เลนส์ Wide Angle : อย่างที่บอกในขั้นต้นคือ ตัวอุปกรณ์มันบังปุ่ม Lock เครื่อง ทำให้ผมไม่สามารถ Capture หน้าจอมาให้ชมกันได้ เลยขอแสดงด้วยภาพจริงแล้วกันครับ ว่าในมุมมองระยะไกลจะเก็บภาพได้กว้างขนาดไหน?
เลนส์ Macro : ตอนใช้งานครั้งแรกผมแปลกใจมากที่ถ่ายอะไรก็ไม่ชัด ถ่ายยังไงก็เบลอ จนมารู้ทีหลังจากเพื่อนที่เป็นตากล้องว่า เลนส์ Macro มันออกแบบมาให้ถ่ายใกล้ (มาก ๆ) เท่านั้น
ภาพปกติ : จะเห็นได้ว่าหากถ่ายภาพใกล้มาก ๆ มันจะเบลอ โฟกัสให้ตายยังไงก็ไม่มีทางได้ ในระยะจ่อแทบจะชนกล้องแบบนี้
เลนส์ Macro : พอเอามาถ่ายแล้วเห็นชัดแจ๋ว โฟกัสได้ใกล้มาก ๆ เห็นรายละเอียดครบหมด ไม่ว่าจะเป็นเม็ดสีหรือว่าฝุ่น !!!
ภาพปกติ : ทายซินี่อะไรเอ่ย? ถ่ายระยะใกล้มากจน iPhone โฟกัสยังไงก็ไม่ได้เช่นเคย
เลนส์ Macro : โอ้พระเจ้า !!! ทุกอย่างชัดแจ๋ว ไม่ว่าจะเป็นริ้วรอยต่าง ๆ บนกุญแจ พวกรอยขนแมวต่าง ๆ ที่มองด้วยตาเปล่าแทบไม่เห็น มันน่าเอาไปส่องพระจริง ๆ เลยนะ
สำหรับภาพที่ผมถ่ายอาจจะไม่ค่อยสวยงามเท่าไหร่ หากต้องการดูตัวอย่างภาพผมแนะนำว่าลองไปดูตัวอย่างงานที่เมืองนอกเขาถ่ายก็ดีครับ http://www.tonycece.com/2012/01/meet-the-olloclip/ และ http://www.flickr.com/groups/olloclip/pool/with/6802991109/ ถ่ายออกมาได้สวยและดูดีทีเดียว
สรุป : เป็นอุปกรณ์ที่เหมาะสำหรับคนชอบถ่ายภาพมาก ๆ ยิ่งเอาไปใช้กับ iPhone 4S ยิ่งน่าสนใจไปกันใหญ่ การจะเอาไปประยุกต์ใช้กับ App แต่งภาพต่าง ๆ ก็ไม่มีปัญหา ในเมื่ออุปกรณ์พร้อมแล้วที่เหลือก็แค่มุมมองของแต่ละคนแล้วครับ ว่าจะถ่ายภาพออกมายังไง !!!
ขอขอบคุณ : http://www.facebook.com/KulGear ที่เอิ้อเฟื้อสินค้าคุณภาพมาให้ทีมงานได้ทดสอบ หากท่านสนใจสินค้าตัวที่ทีมงานรีวิวนี้สามารถหาซื้อได้ในจาก Fanpage KulGear ราคา 2,700 บาท