in Review

รีวิวแบตสำรองไร้สาย Zikko ความจุ 10,000 mAh รองรับชาร์จเร็วและชาร์จพร้อมกันได้ถึง 3 อุปกรณ์

โดย Zakura Kim 21/06/2019, 10:02 6K Views

สำหรับใครที่กำลังมองหาแบตสำรองอยู่ วันนี้ทีมงานงานมีแบตสำรอง Zikko มารีวิวให้ชมกันค่ะ มาพร้อมคุณสมบัติการชาร์จไร้สายที่รองรับการชาร์จเร็ว ให้ประสิทธิภาพในการชาร์จ iPhone ด้วยกำลังไฟถึง 7.5 วัตต์ และยังมีพอร์ต USB-C และ USB-A สำหรับเสียบชาร์จอีกด้วย

รีวิวแบตสำรองไร้สาย Zikko ความจุ 10,000 mAh รองรับชาร์จเร็วและชาร์จพร้อมกันได้ถึง 3 อุปกรณ์

แบตสำรองส่วนใหญ่ที่เราเคยใช้กันมาก็จะเป็นแบบเสียบสายชาร์จเข้ากับสมาร์ตโฟน แต่แบตสำรอง Zikko หรือ Zikko Airstation Power Bank ที่มาพร้อมกับคุณสมบัติการชาร์จเร็วที่สามารถชาร์จอุปกรณ์พร้อมกันได้ถึง 3 เครื่อง ทั้งแบบชาร์ด้วยสาย USB-C, สาย USB-A และชาร์จแบบไร้สายแบบ Air Station Power ที่สะดวกมากๆ เราไปชมรายละเอียดพร้อมๆ กันเลย

สเปคเบื้องต้นของแบตสำรองไร้สาย Zikko

มาตรฐานการชาร์จ : Qi wireless standard
แบตเตอรี่ : Lithium polymer
กำลังไฟรวม : 3.7V 37Wh
ความจุ : 10,000 mAh
กำลังไฟเข้าพอร์ต USB-C (PD/QC): 5V/3A, 9V/2A, 12V/1.5A (สูงสุด 18W)
กำลังไฟออกพอร์ต USB-A : 5V/2.4A (สูงสุด 12W)
กำลังไฟออก แบบชาร์จไร้สาย : 5V/1A, 9V/1.2A (รองรับ 5W/7.5W/10W)
Charging Distance : -20℃~ 85℃
อุณหภูมิที่ทำงาน : 0℃~ 40℃
ระยะเวลาที่ชาร์จเต็ม : 2.5 ชม. (ใช้อะแดปเตอร์ชาร์จ PD 18W )
การแสดงสถานะแบตเตอรี่ : ไฟ LED 5 ดวง
วัสดุ : พลาสติก ABS, โลหะ
สี : ดำ (Black)
ขนาด : กว้าง 7.39.ซม. ยาว 14.96 ซม. หนา 2.07 ซม.
น้ำหนัก : 302 กรัม
มีระบบป้องกันวัตถุแปลกปลอมในการวางชาร์จ เช่น โลหะ เหรียญ กุญแจ การ์ดที่มีแม่เหล็ก โดยไฟสีน้ำเงินด้านล่างสุดจะกระพริบ เพื่อให้นำวัตถุออก
มีระบบความปลอดภัย ทั้งการรักษาประจุแบต ป้องกันความร้อนเกิน ป้องกันการระเบิด และป้องกันไฟฟ้าลัดวงจร

อุปกรณ์ที่มาพร้อมกล่อง

อุปกรณ์ที่มีมาในกล่อง ได้แก่

แบตสำรองไร้สาย Zikko
สาย USB-A to USB-C ความยาว 80 ซม.
คู่มือการใช้งานเบื้องต้น

การออกแบบและการใช้งานชาร์จแบบไร้สาย

แบตสำรอง Zikko มาในรูปแบบสี่เหลี่ยมสีดำสวยงาม ตัวเครื่องด้านนอกเป็นวัสดุพลาสติก ABS

ด้านหลังจะมีปุ่มยางสำหรับกันลื่น และมีส่วนที่เก็บขาตั้งแม่เหล็ก ที่เราจะนำมาใช้ในการตั้งแบตสำรอง

ด้านข้างจะมีพอร์ต USB-C สำหรับการชาร์จไฟเข้าแบตสำรองด้วยสาย USB-A to USB-C ที่มาพร้อมกล่อง ซึ่งรองรับการชาร์จเร็ว QC 3.0 และ PD ถึง 18 วัตต์ รวมถึงพอร์ต USB-C นี้ยังสามารถเสียบชาร์จกับอุปกรณ์ได้อีกด้วย เช่น ชาร์จ iPad ด้วยสาย USB-C to USB-C หรือชาร์จ iPhone ด้วยสาย USB-C to Lightning

ส่วนอีกด้านหนึ่งจะมีพอร์ต USB-A ที่สามารถเสียบกับสาย USB-A to Lightning หรือสาย Micro USB เพื่อชาร์จแบบเสียบสาย การจ่ายไฟจะอยู่ที่ 5V/2.4A หรือจ่ายกำลังไฟสูงสุด 12 วัตต์ และส่วนบนจะเป็นส่วนของปุ่มเปิดใช้งาน และไฟ LED แสดงสถานะของแบตเตอรี่

ในส่วนด้านหลัง สำหรับการติดตั้งขาตั้ง ให้เลื่อนขาตั้งออกมาจากด้านหลังแบตเตอรี่ ซึ่งด้านหลังก็จะมีคำแนะนำเกี่ยวกับกำลังไฟเบื้องต้น รวมถึงมีมาตรฐานสินค้า

หากต้องการตั้งแบตสำรอง ให้นำขาตั้งจากด้านหลังเสียบเข้าที่ช่องด้านหน้าของแบตเตอรี่ โดยเว้นส่วนด้านหน้าไว้สำหรับรองสมาร์ตโฟนหรืออุปกรณ์ที่ต้องการชาร์จไร้สาย

การชาร์จไร้สาย ด้วยแบตสำรอง Zikko

สำหรับการชาร์จไร้สายก็ง่ายๆ เลย นำ iPhone (ตั้งแต่ iPhone 8 ขึ้นไป) หรือสมาร์ตโฟนที่รองรับการชาร์จไร้สายมาวางบนแบตสำรองได้เลย โดยให้ด้านหลังตัวเครื่องประกบกับด้านหน้าของแบตสำรอง

เวลาที่เราชาร์จไฟดวงล่างสุดจะแสดงเป็นสีฟ้าค้างไว้ เพื่อบ่งบอกว่ากำลังชาร์จไฟอยู่ ส่วนไฟอีกสี่ดวงด้านบนจะแสดงถึงความจุแบตเตอรี่คงเหลือ ถ้าเหลือไฟเพียง 1 ดวง จะหมายความว่าแบตเตอรี่เหลืออยู่ประมาณ 25%

ระหว่างการชาร์จ อาจจะได้ยินเสียงการทำงานของแผงวงจร ซึ่งเป็นเรื่องปกติ ไม่ต้องตกใจ เนื่องจากไม่มีผลต่อการใช้งานหรือการเสียหายแต่อย่างใด สามารถใช้งานได้ปกติ

นอกจากนี้ แบตสำรอง Zikko ยังรองรับการชาร์จร่วมกับเคสที่มีความหนาไม่เกิน 8 มิลลิเมตรอีกด้วย ไม่ส่งผลต่อความเร็วในการชาร์จแต่อย่างใด

สามารถวางอุปกรณ์ชาร์จอย่างอิสระ ภายในแบตเตอรี่มีการวางขดลวดกระจายกันถึง 3 ตัว จึงทำให้สามารถวางอุปกรณ์ได้ทั้งแนวตั้ง แนวนอน และแนวทะแยง แต่แนะนำว่าอย่าวางอุปกรณ์เลยขอบจนเกินไป เพราะอาจจะส่งผลทำให้ชาร์จไม่ได้

สำหรับการชาร์จ iPhone นั้นแบตสำรอง Zikko ให้กำลังไฟในการชาร์จถึง 7.5 วัตต์ (ถ้าไม่เสียบชาร์จในพอร์ต USB-C ร่วมด้วย มีคำอธิบายสรุปการชาร์จในส่วนท้าย) ถือว่าเร็วพอสมควร เร็วกว่าการชาร์จด้วยอะแดปเตอร์ 5 วัตต์ที่มาพร้อมกับกล่อง iPhone

ในสมาร์ตโฟน Android บางรุ่นที่รองรับการชาร์จไร้สายและชาร์จเร็ว ก็สามารถชาร์จด้วยกำลังไฟถึง 10 วัตต์เลยทีเดียว

การชาร์จด้วยพอร์ต USB-A และ USB-C

พอร์ต USB-A รองรับการชาร์จกำลังไฟประมาณ 5-12 วัตต์ขึ้นอยู่กับอุปกรณ์ จากการทดสอบชาร์จ iPhone และ iPad ผ่านพอร์ต USB-A ร่วมกับสาย Lightning กำลังไฟจะอยู่ที่ประมาณ 6.6 วัตต์

ส่วนการชาร์จผ่านพอร์ต USB-C นั้น สามารถจ่ายกำลังไฟที่จ่ายสูงสุดอยู่ที่ 18 วัตต์ หากเสียบชาร์จกับสมาร์ตโฟนหรืออุปกรณ์ที่รองรับ PD และ QC 3.0 ก็จะจ่ายไฟได้ตามมาตรฐาน สำหรับการชาร์จ iPhone จะต้องชาร์จผ่านสาย USB-C to Lightning เท่านั้น กำลังไฟที่จ่ายจะอยู่ประมาณ 15 วัตต์ ซึ่งถือว่าเร็วมากเลยทีเดียว

ส่วนการชาร์จไฟเข้าแบตสำรอง Zikko นั้น หากชาร์จผ่านพอร์ต USB-C ร่วมกับอะแดปเตอร์มาตรฐาน PD หรือ QC 3.0 การชาร์จก็จะรวดเร็วเช่นกัน โดยกำลังไฟเข้าจะอยู่ที่ประมาณ 18 วัตต์ตามที่ระบุในเอกสาร

สามารถดูการทดสอบเพิ่มเติมได้ที่ Zikko Airstation Power Bank

การชาร์จพร้อมกันหลายอุปกรณ์ ด้วยแบตสำรอง Zikko

ความพิเศษอีกอย่างหนึ่งของแบตสำรอง Zikko ก็คือ การชาร์จอุปกรณ์ร่วมกันมากสุดได้ถึง 3 อุปกรณ์ และมีการแบ่งกำลังการจ่ายไฟให้แต่ละอุปกรณ์อย่างเหมาะสม สรุปกรณีการชาร์จพร้อมกันได้ดังนี้

ชาร์จสมาร์ตโฟน ผ่านพอร์ต USB-C เพียงพอร์ตเดียว จะเป็นการชาร์จเร็วตามมาตรฐาน PD หรือ QC
ชาร์จไร้สายกับอุปกรณ์ที่รองรับการชาร์จไร้สาย เพียงอย่างเดียว จะเป็นการชาร์จเร็วแบบไร้สาย
ชาร์จสมาร์ตโฟนผ่านพอร์ต USB-C 1 เครื่อง และ USB-A 1 เครื่อง อุปกรณ์ที่เสียบพอร์ต USB-C จะเป็นการชาร์จเร็วตามมาตรฐาน PD หรือ QC
ชาร์จสมาร์ตโฟนผ่านพอร์ต USB-A 1 เครื่อง และชาร์จไร้สาย 1 เครื่อง อุปกรณ์ที่ชาร์จไร้สายจะเป็นการชาร์จเร็วแบบไร้สาย
ชาร์จสมาร์ตโฟนผ่านพอร์ต USB-C 1 เครื่อง และชาร์จไร้สาย 1 เครื่อง อุปกรณ์ทั้ง 2 จะเป็นการชาร์จปกติ

สรุป

แบตสำรองไร้สาย Zikko เป็นแบตสำรองที่ให้ความสะดวก ด้วยคุณสมบัติการชาร์จไร้สาย จึงทำให้วางอุปกรณ์ชาร์จได้ง่ายๆ และยังสามารถชาร์จได้รวดเร็วอีกด้วย สำหรับ iPhone รองรับการชาร์จไร้สายได้ถึง 7.5 วัตต์ ซึ่งถือว่ารวดเร็วเลยทีเดียว

นอกจากจะวางชาร์จไร้สายได้แล้ว ยังสามารถเสียบชาร์จผ่านพอร์ต USB-C ที่รองรับการชาร์จเร็วทั้งแบบ QC 3.0 และ PD ประหยัดเวลาในการชาร์จได้มากขึ้น ไม่ต้องรอนาน ชาร์จรวดเร็วขึ้นกว่าการเสียบชาร์จด้วยอะแดปเตอร์ทั่วไป

ถ้าหากวางตั้งไว้ ก็รองรับการชาร์จได้สูงสุดถึง 3 อุปกรณ์ ช่วยให้แชร์การชาร์จได้ในเวลาที่ต้องการชาร์จหลายอุปกรณ์ หรือถ้าต้องการพกพาก็สามารถชาร์จด้วยสายผ่านพอร์ต USB-C หรือ USB-A ก็ได้เช่นกัน

ความจุ 10,000 mAh สามารถชาร์จ iPhone ได้ประมาณ 3-4 ครั้ง ใช้งานได้นานประมาณ 70 ชั่วโมง ส่วน iPad ก็สามารถชาร์จได้ประมาณ 1-2 ครั้ง ใช้งานได้นานประมาณ 19 ชั่วโมง ด้วยความจุนี้ยังสามารถพกพาขึ้นเครื่องบินได้สบาย