ทีมงานได้ พรีวิวแกะกล่อง iPad 10.2 นิ้ว รุ่นที่ 7 รองรับ Apple Pencil และ Smart Keyboard ให้ชมกันเมื่อวันที่ 3 ต.ค. ที่ผ่านมา รอบนี้มาชมรีวิวฉบับเต็มของ iPad 10.2 นิ้วรุ่นที่ 7 (2019) กันครับ ซึ่งจะลงรายละเอียดจุดเด่นจุดด้อยของรุ่นนี้และรวมเอาข้อสงสัยต่าง ๆ เกี่ยวกับรุ่นนี้มาแจ้งให้ทราบ พร้อมแล้วไปชมกันเลย
ภาพรวมรีวิว iPad 10.2 นิ้ว
ไฮโลท์ของรีวิวนี้
- ภาพรวมของ iPad 10.2 นิ้ว รุ่นที่ 7 (2019)
- การวางตำแหน่งในสายการผลิต iPad 10.2 นิ้ว อยู่จุดไหน?
- ข้อมูลทางเทคนิค
- ข้อแตกต่างจาก iPad 9.7 นิ้ว รุ่นที่ 6 (2018) และ iPad Air 3
- อุปกรณ์ที่มีในกล่อง iPad 10.2 นิ้ว
- รีวิวประสิทธิภาพการทำงานและรายละเอียดปลีกย่อย
- คะแนน Benchmark ของ iPad 10.2 นิ้ว รุ่นที่ 7 เทียบกับ iPad 9.7 นิ้วรุ่นที่ 6
- ประสบการณ์ใหม่บน iPadOS
- การใช้งานร่วมกับ Apple Pencil
- การใช้งานร่วมกับ Smart Keyboard
- การดูเนื้อหาวิดีโอ
- ประสบการด้าน AR
- สรุป
- ราคาและสถานที่จัดจำหน่าย
รีวิว iPad 10.2 นิ้วรุ่นที่ 7 รุ่นที่ราคาถูกที่สุดในปี 2019 ดีไหม เหมาะกับใคร
1. ภาพรวมของ iPad 10.2 นิ้ว รุ่นที่ 7 (2019)
iPad 10.2 นิ้ว รุ่นที่ 7 เปิดตัวในงาน Apple Special Event September 2019 ซึ่งเป็นงานเดียวกันกับการเปิดตัว iPhone 11, iPhone 11 Pro, iPhone 11 Pro Max และ Apple Watch Series 5
ภาพรวมของ iPad 10.2 นิ้ว มีการเปลี่ยนแปลงทางด้านฮาร์ดแวร์ 2 จุดหลัก ๆ คือ
- อัปเกรดขนาดของหน้าจอ Retina Display จาก 9.7 นิ้วในรุ่นที่ 6 มาเป็น 10.2 นิ้ว
- การรองรับ Smart Keyboard แบบ Full Size ซึ่งถือว่าเป็นครั้งแรกของ iPad รุ่นเริ่มต้น
ส่วนที่ดีอีกอย่างคือ การเพิ่ม RAM เป็น 3GB และยังคงราคาไว้เท่าเดิมเพื่อให้ผู้ใช้ที่ไม่เคยใช้ iPad มาก่อน สามารถตัดสินใจซื้อและเข้าถึง iPad ได้ง่ายขึ้นซึ่งราคาเริ่มต้นเพียง 10,900 บาทเท่านั้น
2. การวางตำแหน่งในสายการผลิต iPad 10.2 นิ้ว อยู่จุดไหน?
iPad ทุกรุ่นที่มีวางจำหน่ายจากทาง Apple อัปเดตล่าสุด ณ ตุลาคม 2019 ประกอบไปด้วย
- iPad mini 5 (2019)
- iPad 10.2 นิ้ว รุ่นที่ 7 (2019)
- iPad Air 3 (2019)
- iPad Pro 11 นิ้ว (2018)
- iPad Pro 12.9 นิ้ว (2018)
ถ้านับเฉพาะในปี 2019 นั้น iPad 10.2 นิ้ว จัดเป็น iPad รุ่นเริ่มต้น (Entry Level) ซึ่งเหมาะสำหรับผู้ใช้มือใหม่ที่หัดใช้ iPad
ด้วยความที่สเปคของรุ่นนี้ ถ้าเปรียบเทียบในแง่ประสิทธิภาพจะถือว่าความเร็วน้อยที่สุดในบรรดา iPad ทั้งหมด ซึ่งถ้าหากแบ่ง iPad เป็น 3 ระดับ ตามประสิทธิภาพความเร็วและการประมวลผลภาพรวม จะจัดกลุ่มได้ดังนี้
- ระดับเริ่มต้น : iPad 10.2 นิ้ว รุ่นที่ 7
- ระดับกลาง : iPad mini 5, iPad Air 3
- ระดับสูง : iPad Pro 11 นิ้วและ iPad Pro 12.9 นิ้ว
ทราบแบบนี้แล้วก็น่าจะมองภาพกันออกว่า iPad 10.2 นิ้วรุ่นที่ 7 นั้นออกแบบมาสำหรับผู้ใช้งานกลุ่มใด
3. ข้อมูลทางเทคนิค
- หน้าจอ : Retina Display 10.2 นิ้ว ความละเอียดหน้าจอ 2160 x 1620px
- ชิปประมวลผล : A10 Fusion / ARM @ 2.33 GHz
- RAM : 3GB
- ระบบปฏิบัติการ : iPadOS 13
- รองรับการใช้งาน : Apple Pencil รุ่นที่ 1, Smart Keyboard รุ่นเดียวกับที่ใช้ใน iPad Air 3 และ iPad Pro 10.5 นิ้ว
- ความจุ : 32GB, 128GB
- กล้องหลัง : ความละเอียด 8 เมกะพิกเซล (f/2.4)
- บันทึกวิดีโอระดับ FHD 1080p ที่ 30 fps
- วิดีโอสโลโม : 720P ที่ 120fps
- กล้องหน้า : ความละเอียด 1.2 เมกะพิกเซล (f/2.2)
- พอร์ตหูฟัง 3.5 มม.
- พอร์ต Lightning
- แบตเตอรี่ : Model A1484, 3.73Vdc, 32.9Whr, 8,827 mAh
- ยืนยันตัวตนด้วย : Touch ID
- การเชื่อมต่อ : Wi-Fi และ WiFi + Cellular
- ระบบซิม : Nano-SIM และ eSIM
- Wi-Fi (802.11a/b/g/n/ac)
- Bluetooth 4.2
- ระบบเสียง 2 ลำโพงด้านล่างตัวเครื่อง
- รองรับการเชื่อมต่อ Gigabit-class LTE เพื่อการรับส่งข้อมูลที่รวดเร็วขึ้นสามเท่า ผ่านการเชื่อมต่อระบบเซลลูลาร์
- สี: เงิน, ทอง และ สเปซ เกรย์
- ราคาเริ่มต้น 10,900 บาท
4. ข้อแตกต่างจาก iPad 9.7 นิ้ว รุ่นที่ 6 (2018) และ iPad Air 3
สรุปจุดที่แตกต่างหลัก ๆ ของ iPad 10.2 นิ้ว กับ iPad 9.7 นิ้ว คือ หน้าจอที่ใหญ่ขึ้น, รองรับ Smart Keyboard, จำนวน RAM ที่เพิ่มขึ้นเป็น 3GB ซึ่งมากกว่า iPad 9.7 นิ้วที่มีเพียง 2GB เท่านั้นและการรองรับ Gigabit LTE ในรุ่น Wi-Fi + Cellular นอกนั้นแทบจะเหมือนกันทั้งหมดทั้งชิป A10 Fusion, กล้องหน้าและกล้องหลัง, พอร์ต Lightning, ลำโพง ฯลฯ และที่สำคัญราคาไทย ได้ปรับลดลงจากรุ่นเดิมถึง 1,000 บาทเลยทีเดียว
หากเปรียบเทียบกับ iPad Air 3 จะพบว่าขนาดตัวเครื่องความกว้างและยาวนั้นเท่ากันแต่ว่า iPad 10.2 นิ้ว รุ่นที่ 7 จะมีความหนากว่า iPad Air 3 ดังนั้น หากพิจารณาเรื่องการใส่เคสจะพบว่าสามารถใช้เคสร่วมกันได้แต่อาจต้องดูความหนาเพิ่มเติม ถ้าเคสนั้นยืดหยุ่นก็จะสามารถใส่ด้วยกันได้
ในแง่ของประสิทธิภาพนั้น iPad Air 3 นั้นดีกว่า iPad 10.2 นิ้วรุ่นที่ 7 ค่อนข้างเยอะเลย ไม่ว่าจะเป็นชิปประมวลผล A12 Bionic ที่ดีกว่า, มี Neural Engine ในตัว, หน้าจอที่ดีกว่าทั้งเรื่องการรองรับ True Tone, ขอบเขตสีแบบ P3 ฯลฯ ซึ่งทำให้ iPad Air 3 เข้าใกล้ความเป็น “โปร” มากกว่า iPad 10.2 นิ้ว นั่นเองครับ
หากต้องการทราบรายละเอียดสเปคปลีกย่อยอื่น ๆ ก็สามารถชมข้อมูลได้ที่ https://www.apple.com/th/ipad/compare/
5. อุปกรณ์ที่มีในกล่อง iPad 10.2 นิ้ว รุ่นที่ 7
ในกล่องจะประกอบไปด้วย
- iPad 10.2 นิ้ว รุ่นที่ 7 ปี 2019 จำนวน 1 เครื่อง
- สาย USB-A to Lightning สีขาว ความยาว 1 เมตร จำนวน 1 เส้น
- อะแดปเตอร์ USB-A ขนาด 10W
- เอกสารแนะนำการใช้งานเบื้องต้นพร้อมสติกเกอร์ Apple
ซึ่งของทั้งหมดสามารถดูเพิ่มเติมได้ที่บทความ พรีวิวแกะกล่อง iPad 10.2 นิ้ว รุ่นที่ 7 รองรับ Apple Pencil และ Smart Keyboard ได้เลยครับลงไว้ในนั้นครบหมดแล้ว
6. รีวิวประสิทธิภาพการทำงานและรายละเอียดปลีกย่อย
สิ่งที่แตกต่างอย่างเห็นได้ชัดเมื่อเทียบกับ iPad 9.7 นิ้ว (รุ่นที่ 6) ของปี 2018 คือ ขนาดของตัวเครื่องและส่วนของการแสดงผลหน้าจอที่ใหญ่ขึ้นอย่างเห็นได้ชัด, ขอบจอภาพ (Bezel) แคบลงกว่าเดิม, ภาพรวมภายนอกนั้นถ้าหากดูแบบผ่าน ๆ จะนึกว่านี่คือ iPad Air 3 เลย แต่ว่า iPad 10.2 นิ้วจะหนากว่า iPad Air 3 เพียงเล็กน้อยเท่านั้น
มองรอบ ๆ ตัวเครื่อง จุดที่จะสังเกตได้อีกอย่างคือ Smart Connector ที่อยู่ขอบของตัวเครื่องซึ่งเอาไว้ใช้สำหรับการเชื่อมต่อกับ Smart Keyboard นั่นจึงเป็นเหตุผลหลักของคำถามที่ว่า
ทำไม iPad รุ่นที่ 7 นั้นอัปเกรดหน้ามาให้มาเป็น 10.2 นิ้วที่ใกล้เคียงกับ iPad Air 10.5 นิ้ว ก็เพราะว่า ต้องการให้ iPad 10.2 นิ้วตัวนี้ใช้ Smart Keyboard ได้นั่นเอง
ในเรื่องของความเร็วนั้น iPad 10.2 นิ้วใช้ชิป A10 Fusion ตัวเดียวกันกับที่ใช้ใน iPad 9.7 นิ้ว แต่ว่ามีการเพิ่ม RAM ขึ้นมาเป็น 3GB ทำให้การประมวลผลโดยรวมนั้นแรงขึ้นเพียงเล็กน้อยโดยเฉพาะเมื่อต้องเปิดแอปพลิเคชันหลาย ๆ ตัว แต่ความเร็วก็ไม่ได้ทิ้งห่างรุ่นก่อนหน้าสักเท่าไหร่นัก
แบตเตอรี่ของ iPad รุ่นที่ 7 ใช้ Model A1484 ความจุ 8,827 mAh (แรงดัน 3.73Vdc, 32.9Whr) ที่สามารถใช้งานต่อเนื่องได้สูงสุด 10 ชั่วโมง ซึ่งเท่ากับ iPad รุ่นที่ 6 ในส่วนของการชาร์จแบตเตอรี่ไม่รองรับการชาร์จเร็ว (Fast Charge) โทยทีมงานได้ทดสอบชาร์จด้วยสาย USB-C to Lightning พบว่า กำลังไฟสูงสุดที่ได้นั้นไม่เกิน 13W (อะแดปเตอร์ที่แถมมาให้กำลังไฟ 10W เท่านั้น) ดังนั้น หากใครหวังว่าซื้อชุดชาร์จเร็วมาเพื่อใช้กับ iPad 7 หรือ iPad 6 นั้น ก็บอกเลยว่าไม่ต้องหามานะ
7. คะแนน Benchmark ของ iPad 10.2 นิ้ว รุ่นที่ 7 เทียบกับ iPad 9.7 นิ้ว รุ่นที่ 6
ด้านล่างเป็นคะแนนวัดประสิทธิภาพการประมวลผลของ iPad 10.2 นิ้ว รุ่นที่ 7 เทียบกับ iPad 9.7 นิ้ว รุ่นที่ 6 ด้วยแอป Geekbench 5 พบว่าคะแนนของทั้ง 2 รุ่นนั้นไม่ได้ทิ้งห่างกันเลยแม้แต่น้อย ส่วนการใช้งานทั่วไปพบว่า iPad รุ่นที่ 7 นั้นหากเปิดใช้งานแบบหลายแอปจะทำงานได้ดีกว่าเล็กน้อย ผลมาจากจำนวน RAM ที่เพิ่มขึ้นมาอีก 1GB รวมทั้งสิ้นเป็น 3GB
8. ประสบการณ์ใหม่บน iPadOS
iPadOS เปิดตัวเมื่อเดือนมิถุนายนและปล่อยให้อัปเดตใช้งานกันเมื่อ 25 กันยายน 2019 ที่ผ่านมา ซึ่งการอัปเกรดรอบนี้จัดเป็นการอัปเดตครั้งสำคัญและจัดว่าเป็นระบบปฏิบัติการ (OS : Operation System) สำหรับ iPad โดยเฉพาะ เพราะว่าก่อนหน้านี้ iPad จะใช้ระบบปฏิบัติการ iOS ซึ่งออกแบบมาเพื่อ iPhone
ดังนั้น นับตั้งแต่ปี 2019 นี้เป็นต้นไป iPadOS จะเป็นระบบปฏิวัติการที่จะดึงศักยภาพฮาร์ดแวร์ของ iPad ออกมาใช้ได้อย่างเต็มที่มากขึ้น
อีกทั้งมีฟีเจอร์ต่าง ๆ มากมายใน iPadOS ที่จะทำให้ iPad สามารถมีลูกเล่นใหม่ ๆ ในแบบที่ไม่เคยทำมาก่อนและคาดว่าในอนาคต iPadOS ยิ่งจะทำให้ iPad น่าใช้งานมากขึ้นกว่าเดิม
หากใครอยากรู้ว่า iPadOS ทำอะไรได้บ้าง สามารถชมตามคลิปด้านล่างได้เลยนะครับ
9. การใช้งานร่วมกับ Apple Pencil
นับตั้งแต่ต้นปี 2019 เป็นต้นมา iPad ทุกรุ่นรองรับ Apple Pencil เป็นที่เรียบร้อย ซึ่ง ณ ตอนนี้มี Apple Pencil อยู่ทั้งหมด 2 รุ่น คือ Apple Pencil รุ่นที่ 1 และรุ่นที่ 2 ซึ่ง Apple Pencil รุ่นที่ 2 จะใช้ได้กับ iPad Pro (ปี 2018) รุ่นที่ใช้ Face ID เท่านั้น ส่วน iPad รุ่นอื่น ๆ จะใช้ร่วมกับ Apple Pencil รุ่นที่ 1
การใช้งาน Apple Pencil กับ iPad นั้นเป็นอะไรที่ลงตัวอยู่แล้วทั้งเรื่องของการปรับทั้งทางด้านฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์อย่างใน iPadOS 13 เองก็ปรับปรุงให้อัตราการตอบสนองของ Apple Pencil นั้นดีขึ้นถึง 50% โดยทาง Apple ได้บอกว่า
Apple Pencil ที่ใช้งานร่วมกับ iPadOS นั้น มี Latency เพียง 9ms เท่านั้น ซึ่งก่อนหน้าจะอยู่ที่ 20ms
ถือว่าเป็นการปรับปรุงระบบซอฟต์แวร์ที่ทำให้ฮาร์ดแวร์ทำงานได้ดีขึ้นเป็นอย่างมาก ดังนั้นจึงมั่นใจได้ว่าการจดหรือว่าการเขียนบน iPad ด้วย Apple Pencil นั้นคุณจะได้ประสบการณ์ที่ดีเยี่ยมอย่างแน่นอน
สำหรับ iPad 10.2 นิ้ว รุ่นที่ 7 ประสิทธิภาพในการใช้งานร่วมกับ Appen Pencil นั้นทำได้ดีมาก ๆ อัตราการตอบสนองที่ดี การลากเส้นที่คงที่และต่อเนื่อง หากถามว่าความรู้สึกในตอนเขียนนั้นแน่นกว่ารุ่นก่อนไหม บอกเลยว่า “เท่าเดิม” เพราะว่า ระยะห่างของกระจกและหน้าจอนั้นเท่า ๆ เดิม ไม่ได้แนบชิดเหมือนรุ่น iPad Pro จึงทำให้ตอนที่เขียนกดลงหนน้ำหนักจะรู้สึกว่าจอนั้นยวบลงไปบ้างเล็กน้อย
10. การใช้งานร่วมกับ Smart Keyboard
เป็นครั้งแรกของ iPad รุ่นเริ่มต้นที่รองรับ Smart Keyboard แบบ Full Size
ซึ่งอุปกรณ์ชิ้นนี้จะช่วยให้ผู้ใช้งานที่ต้องทำงานร่วมกับการพิมพ์นั้นมีความคล่องตัวมากขึ้น และตัว Smart Keyboard เองไม่จำเป็นต้องชาร์จไฟแต่อย่างใดเพียงแค่เชื่อมต่อกับ iPad 10.2 นิ้ว ผ่านทาง Smart Connector ก็สามารถใช้งานได้แล้วโดยไม่ต้องจับคู่กับอุปกรณ์ให้เสียเวลา แถม Smart Keyboard นอกจากจะเป็นแป้นพิมพ์เสริมแล้วก็ยังเป็นทั้งเคสและที่ตั้งให้กับ iPad ได้อีกด้วย
11. การดูเนื้อหาวิดีโอ
สเปคหน้าจอ iPad 10.2 นิ้วนั้นใช้จอ Retina Display (LED) ความละเอียด 2160 x 1620 ที่ 264 ppi ความสว่าง 500 นิต เทียบกับกับ iPad 9.7 นิ้วรุ่นที่ 6 เพียงแต่หน้าจอการแสดงผลใหญ่กว่าเท่านั้น
รุ่นนี้หน้าจอไม่รองรับ True Tone และขอบเขตสีกว้าง (P3) และไม่ได้เคลือบสารกันแสงสะท้อนอย่างที่มีใน iPad mini 5, iPad Air 3 และ iPad Pro
ดังนั้นภาพและสีที่ได้จะไม่ถึงขั้นดีที่สุดแต่เพียงพอสำหรับการใช้งานทั่วไป ไม่ว่าจะเป็นงานเอกสาร, เล่นเกม, ท่องเว็บ หรือการดูคลิปและรายการจากบริการตรีมมิ่งก็ถือว่าทำได้ดีเพียงพอแล้ว
ในเรื่องลำโพงใน iPad 10.2 นิ้วมาพร้อมลำโพง 2 ตัวที่อยู่ด้านล่างเช่นเดียวกับรุ่น iPad 9.7 นิ้ว คุณภาพเสียงที่ได้จะไม่เป็นแบบสเตอรีโออย่าง iPad รุ่นอื่นๆ ส่วนความดังนั้นวัดได้สูงสุดประมาณ 95 dB ซึ่งเมื่อเทียบกับ iPad 9.7 นิ้วนั้นความแตกต่างแทบจะแยกไม่ค่อยออก
12. ประสบการด้าน AR
จุดนี้หลายคนอาจจะไม่ค่อยเห็นความสำคัญเท่าไหร่แต่ผมขออนุญาตนำประเด็นนี้มาพูดให้ฟังเกี่ยวกับเรื่อง AR ซึ่งถือว่าเป็นเทคโนโลยีที่ดีมากๆ ซึ่งบอกให้ทราบก่อนว่าชิป A10 Fusion ที่มีใน iPad 10.2 นิ้ว รุ่นที่ 7 นั้นรองรับ AR ได้อย่างดี ทำให้เราสามารถใช้งานกับแอป AR ต่าง ๆ เพื่อเข้าถึงประสบการณ์ที่เสมือนจริงมากขึ้น
ยกตัวอย่างเช่น iPad จะช่วยให้น้อง ๆ ที่เรียนเรื่องกายวิภาคสามารถเห็นรายละเอียดของอวัยวะต่าง ๆ ในร่างกายและเข้าใจดีกว่าการมองภาพแบบ 2 มิติ หรือจะช่วยให้นักออกแบบสามารถจำลองวัตถุอย่างเฟอร์นิเจอร์ต่าง ๆ ที่ออกแบบมา ว่าจะจัดวางให้เข้ากับพื้นที่จริงในห้องได้หรือไม่ ฯลฯ เป็นต้น
ซึ่ง AR บน iPad และ iPhone นั้นถือว่าเป็น AR Platform ที่ใหญ่ที่สุดในโลกเลยก็ว่าได้ หากมีก็โอกาสก็อยากให้ลองใช้ฟีเจอร์นี้กันเยอะ ๆ นะครับ
13. สรุป
iPad 10.2 นิ้ว รุ่นที่ 7 เป็นการอัปเกรด iPad รุ่นเริ่มต้น ให้มีหน้าจอแสดงผลขนาดใหญ่ทำให้ตัวเครื่องใหญ่พอดีที่จะใช้งานกับ Smart keyboard ได้ ซึ่งเป็นเหตุผลให้ผู้ใช้งานมือใหม่ที่ไม่เคยใช้ iPad มาก่อนตัดสินใจซื้อรุ่นนี้ได้ง่ายขึ้น
เพราะรู้ว่า iPad รุ่นนี้รองรับอะไรบ้างและทำอะไรได้บ้าง โดยที่ไม่จำเป็นต้องซื้อทุกอย่างตั้งแต่วันแรก หากพร้อมหรือว่าต้องการใช้อุปกรณ์เสริมเมื่อไหร่ก็ค่อยอัปเกรด ไม่ว่าจะเป็น Apple Pencil หรือ Smart Keyboard
และด้วย iPadOS ที่มอบประสบการณ์การใช้งาน iPad ที่ดีกว่าเดิม แม้ว่าวันนี้ iPadOS จะยังไม่สามารถแทนที่ความเป็นคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊คได้แบบ 100% แต่ทว่ามีหลากหลายงานที่สามารถ “จบงาน” ได้บน iPad เพียงเครื่องเดียวก็นับเป็นเครื่องพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า iPad ไม่ใช่เพียงแค่ของเล่นเพื่อความบันเทิงเท่านั้น
iPad 10.2 นิ้ว รุ่นที่ 7 ออกแบบมาเพื่อมือใหม่และผู้ที่ยังไม่เคยมี iPad มาก่อน ด้วยราคาเเริ่มต้นที่ถูกมากเพียง 10,900 บาท จึงเป็นเสมือนประตูบานแรกสำหรับผู้ใช้ที่ต้องการจะค้นหาตัวเองว่า
“iPad เหมาะกับงานของเราหรือไม่”
เมื่อเวลาผ่านไปและประสบการณ์จากการใช้ iPad มากขึ้น ๆ คุณก็จะรู้เองว่า iPad รุ่นไหนที่คู่ควรสำหรับคุณ…
14. ราคาและสถานที่จัดจำหน่าย
iPad 10.2 นิ้ว รุ่นที่ 7 และอุปกรณ์เสริมอื่น ๆ มีวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการในประเทศไทยเป็นที่เรียบร้อยแล้วสามารถสั่งซื้อได้ทั้ง Apple Store Online, Apple Iconsiam, ร้านตัวแทนจำหน่ายอย่าง Studio 7 ทั่วประเทศ ทั้งนี้ในรุ่น Wi-Fi + Cellular นั้นเปิดขายออนไลน์วันแรกเมื่อ 7 ตุลาคม 2019 ส่วนที่หน้าร้านคาดว่าจะทยอยลงเร็วๆ นี้
ราคาของ iPad 10.2 นิ้วรุ่นที่ 7 และอุปกรณ์เสริมต่าง ๆ
- 32GB Wi-Fi : 10,900 บาท / 10,200 บาท (ราคานักศึกษา)
- 128GB Wi-Fi : 13,900 บาท / 13,200 บาท (ราคานักศึกษา)
- 32GB Wi-Fi + Cellular : 15,400 บาท / 14,700 บาท (ราคานักศึกษา)
- 128GB Wi-Fi + Cellular: 18,400 บาท / 17,700 บาท (ราคานักศึกษา)
- Apple Pencil 1 : 3,400 บาท / 3,100 บาท (ราคานักศึกษา)
- Smart Keyboard : 5,900 บาท / 5,900 บาท (ราคานักศึกษา)
ลิงก์สำหรับการสั่งซื้อราคานักศึกษา > https://www.apple.com/th-edu/shop
หวังว่ารีวิวนี้จะช่วยให้คุณตัดสินใจได้ว่า iPad 10.2 นิ้ว รุ่นที่ 7 เหมาะสมกับการใช้งานของคุณหรือไม่ หากยังมีข้อสงสัยจุดใดสามารถทิ้งคอมเมนต์ไว้ใต้บทความนี้ได้เลยนะครับ
ขอบคุณสำหรับการอ่านรีวิวกันจนจบ ขอให้มีความสุขกับการใช้ iPad นะครับ
รีวิวโดย แอดมินต้อม iMoD