หลังจากที่เราได้อัปเดต iOS 15 เวอร์ชันทางการเรียบร้อยแล้ว ทีมงานก็มีคำแนะนำการตั้งค่า iPhone มาดูว่าเราต้องเข้าไปตรวจสอบและตั้งค่าส่วนไหนกันบ้าง
หลังอัปเดต iOS 15 ควรตั้งค่าอะไรบ้าง ?
หลังจากที่ทำการอัปเดต iOS 15 ไปแล้ว อาจจะมีคนที่เจอปัญหาเครื่องรวน แบตไหล ใช้งานไม่เหมือนปกติ แนะนำให้ทำการรีเซ็ตการตั้งค่า (Reset All Settings) 1 ครั้ง โดยเป็นการรีเซ็ตที่ข้อมูลไม่หาย แต่เราอาจจะต้องตั้งค่าบางอย่างใหม่ เช่น การเชื่อมต่อ Wi-Fi (แต่ถ้าใช้งานปกติไม่ต้องรีเซ็ตก็ได้) และที่สำคัญอย่าลืมทำการสำรองข้อมูลก่อนนะคะ
ตั้งค่าบัญชีการใช้งานและความปลอดภัย
ตั้งค่าและอัปเดตข้อมูล Apple ID
เข้าไปตรวจสอบข้อมูลและตั้งค่าในส่วนที่สำคัญให้เรียบร้อยดังนี้
- ชื่อ เบอร์โทร อีเมล : กรอกข้อมูลการติดต่อและข้อมูลส่วนตัว
- รหัสผ่านและความปลอดภัย : แนะนำให้เปิดการตรวจสอบสิทธิ์สองปัจจัย
- การชำระเงินและการจัดส่ง : ตั้งค่าข้อมูลบัตเครดิต การชำระเงิน และที่อยู่การจัดส่ง
- การสมัครสมาชิก : ตรวจสอบแอปที่เคยสมัครรับ ถ้าไม่ได้ใช้งานก็ยกเลิกการสมัครรับได้
- iCloud : ตรวจสอบข้อมูลบัญชี แนะนำให้เปิดการตั้งค่า “ข้อมูลสำรอง iCloud” เอาไว้
หากเป็นสมาชิก iCloud จะได้รับการอัปเกรดเป็น iCloud+ สามารถเข้าไปเปิดการตั้งค่า “ซ่อนอีเมลของฉัน (Hide My Email) เพื่อปกป้องที่อยู่อีเมลให้เป็นส่วนตัวเวลาที่เราต้องลงชื่อเข้าใช้บนแอปหรือบนเว็บไซต์ต่าง ๆ
ส่วนฟีเจอร์ Private Relay ไม่รองรับในประเทศไทยตามข้อกฏหมายท้องถิ่น
- ค้นหาของฉัน : แนะนำให้เข้าไปเปิดการตั้งค่าทุกอย่าง โดยเฉพาะ เครือข่าย “ค้นหาของฉัน” ที่เป็นฟีเจอร์ที่เราสามารถค้นหา iPhone ได้แม้จะถูกปิดเครื่อง ซึ่งเป็นฟีเจอร์สำคัญที่มาใน iOS 15
ตั้งค่า Face ID และ Touch ID
แนะนำให้ตั้งค่ารหัสปลดล็อคเครื่อง, เพิ่ม Face ID และ Touch ID เพื่อความปลอดภัยในการเข้าถึงข้อมูลในเครื่อง
เข้าไปตั้งค่าได้ที่ การตั้งค่า (Settings) > Face ID และรหัส (ใน iPhone ที่มีปุ่มโฮมจะเป็น TouchID และรหัส (Touch ID & Passcode) > กรอกรหัสผ่านปลดล็อคเครื่อง 6 หลัก > แตะปลดล็อค iPhone และตั้งค่า Face ID ใก้เรียบร้อย
ตั้งค่า ID ทางแพทย์ เผื่อฉุกเฉิน
การตั้งค่า ID ทางแพทย์ จะเป็นข้อมุลส่วนตัวของเจ้าของเครื่อง เตรีนมพร้อมไว้สำหรับเวลาที่เกิดเหตุฉุกเฉินกับตัวเรา ซึ่งเป็นขอมูลที่จำเป็นมาก ๆ โดยเฉพาะ ข้อมูลกรุ๊ปเลือด ยาที่แพ้ รวมถึงเบอร์โทรสำหรับติดต่อฉุกเฉิน
เข้าไปตั้งค่าได้ที่ สุขภาพ (Health) > ID ทางแพทย์ (Medical ID) > เพิ่มข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้
การปรับแต่ง Control Center
การปรับแต่งเมนู Control Center ให้ความสะดวกเวลาจะเรียกใช้งานแอปหรือเปิดการตั้งค่าต่าง ๆ ใช้เวลานิดเดียว เพียงแค่ปัดเมนู Control Cemter ที่มุมบนขวาลงมา
โดยเราสามารปรับแต่งเมนู Control Center ได้ตามใจ
ไปที่ การตั้งค่า (Settings) > แตะ ศูนย์ควบคุม (Control Center) > เลือกเครื่องมือที่ต้องการโดยเลือกไอคอน + และลบเครื่องมือที่ไม่ต้องการให้แสดงใน Control Center โดยแตะที่ไอคอน –
ตัวควบคุมที่แนะนำให้ใช้งานคือ
- บอกชื่อเพลง : ค้นหาเพลงที่ได้ยินด้วย Shazam
- โหมดมืด : เอาไว้สลับตอนใช้งานมือถือตอนกลางคืน เพื่อไม่ให้แสบตา
- โหมดประหยัดพลังงาน : เอาไว้เปิดใช้ตอนที่แบตเหลือน้อย หรือในตอนที่อยากประหยัดแบตระหว่างวัน
- ขนาดข้อความ : ฟีเจอร์น่าสนใจใน iOS 15 เอาไว้ใช้ตอนที่อยากเปลี่ยนขนาดข้อความหรือขนาดตัวหนังสือเป็นแอป ๆ ไป หรือจะตั้งให้มีขนาดเท่ากันทุกแอปก็ได้
- เสียงบันทึก : เปิดใช้งานการบันทึกเสียงได้ง่าย ๆ
- รีโมท Apple TV : สำหรับคนที่ใช้ Apple TV ควรจะมีสิ่งนี้อยู่ใน Control Center นอกจากจะสะดวกแล้ว ใน iOS 15 ก็มีการปรับดีไซน์รีโมท Apple TV ใหม่ด้วยค่ะ
การปรับแต่งแป้นพิมพ์
ส่วนใหญ่เรามักจะใช้แป้นพิมพ์ภาษาไทยและภาษาอังกฤษเป็นหลัก แต่ถ้าอยากเพิ่มแป้นพิมพ์ภาษาอื่น ๆ สามารถเข้าไปเพิ่มภาษาสำหรับแป้นพิมพ์ได้ที่
การตั้งค่า (Settings) > ทั่วไป (General) > แป้นพิมพ์ (Keyboard) > เพิ่มแป้นพิมพ์ใหม่ (Add New Keyboard…) > แล้วเลือกภาษาที่ต้องการเพิ่มเติมเข้ามาด้วย สำหรับคนที่ชอบส่งอิโมจิ ก็อย่าลืมเพิ่มแป้นพิมพ์อิโมจิเข้าไปด้วยนะคะ 😁
และหลาย ๆ คนคงชินกับกับการ ปิด “การแก้ไขคำผิดอัตโนมัติ”
สามารถเข้าไปปิดได้ที่ การตั้งค่า (Settings) > ทั่วไป (General) > แป้นพิมพ์ (Keyboard) > เลื่อนปิด “การแก้ไขคำผิดอัตโนมัติ” ส่วนฟังก์ชันอื่น ๆ ก็เลือกว่าจะให้เปิดหรือผิดตามที่ชอบได้เลย
ตั้งค่า Siri
ตั้งค่า Siri ให้ใช้งานได้ง่ายขึ้น
โดยไปที่ การตั้งค่า (Settings) > Siri และการค้นหา
- เปิด ฟัง “หวัดดี Siri” หากอยากสั่งงาน Siri ด้วยเสียง
- เปิดกดปุ่มด้านข้างเพื่อคุยกับ Siri ถ้าไม่อยากพูดว่าหวัดดี Siri
- เปิด อนุญาต Siri ในระหว่างล็อคอยู่ (เผื่อลืมหรือวางโทรศัพท์ไว้ในห้องแต่หาไม่เจอ ก็จะสามารถเรียกหาได้)
การตั้งค่าเกี่ยวกับหน้าจอ
ตั้งค่าเวลาการล็อคหน้าจออัตโนมัติ
สำหรับคนที่ลืมล็อคหน้าจอ แล้วกลัวจะเปลืองแบต สามารถเข้าไปกำหนดเวลาการล็อคหน้าจออัตโนมัติได้
ไปที่ การตั้งค่า (Settings) > จอภาพและความสว่าง (Display & Brightness) > ล็อคโดยอัตโนมัติ (Auto-Lock) > เลือกเวลาที่ต้องการล็อค แนะนำ 30 วินาที – 1 นาที
ตั้งค่า Raise to Wake (ยกเครื่องเพื่อปลุก)
Raise to Wake เป็นฟีเจอร์ที่จะทำงานเวลาที่เรายก iPhone ขึ้นมาดูการแจ้งเตือนหรือดูเวลา หน้าจอ Lock Screen ก็จะเปิดขึ้นมาอัตโนมัติ และเมื่อวางเครื่องลง หรือคว่ำหน้าจอลง หน้าจอก็จะดับไปเองโดยอัตโนมัติ
เข้าไปเปิดใช้งานโดยไปที่ การตั้งค่า (Settings) > จอภาพและความสว่าง (Display & Brightness) > เปิด ยกขึ้นเพื่อปลุก (Raise to Wake)
การตั้งค่าเพื่อความลื่นไหลในการใช้งาน
เปิด Reduce Motion
Reduce Motion (ลดการเคลื่อนไหว) จะทำให้เครื่องทำงานเร็วขึ้น เพราะจะช่วยลดเอฟเฟกซ์ต่าง ๆ ของอุปกรณ์ทำให้เครื่องเปิด-ปิดแอปต่าง ๆ ได้เร็วและลื่นไหลมากขึ้น
ไปที่ การตั้งค่า (Settings) > การช่วยการเข้าถึง (Accessibility) > การเคลื่อนไหว (Motion) > เลื่อนเปิด ลดการเคลื่อนไหว (Reduce Motion)
เปิด Reduce Transparency
การเปิด Reduce Transparency จะช่วยลดการโปร่งแสงของเมนูต่าง ๆ ช่วยให้ระบบประมวลผลได้เร็ว และช่วยเพิ่มความชัดเจนของเนื้อหาขึ้น
ไปที่ การตั้งค่า (Settings) > การช่วยการเข้าถึง (Accessibility) > จอภาพและขนาดข้อความ > เปิดลดความโปร่งใส (Reduce Transparency)
เปิดการชาร์จเพื่อถนอมแบตเตอรี่
การชาร์จเพื่อถนอมแบตเตอรี่ เป็นการเปิดให้ iPhone เรียนรู้การชาร์จแบตเตอรี่รายวันของเรา และจะหยุดการชาร์จเมื่อแบตเตอรี่เกิน 80% จนถึงเวลาที่เราต้องใช้เครื่อง เพื่อถนอมอายุการใช้งานแบตเตอรี่ให้อยู่กับเรานานขึ้น
เข้าไปเปิดที่ การตั้งค่า (Settings) > แบตเตอรี่ (Battery) > สุขภาพแบตเตอรี่ (Battery Health) > เปิด การชาร์จเพื่อถนอมแบตเตอรี่
เปิดการใช้งาน iMessage ส่งข้อความระหว่างอุปกรณ์ Apple โดยไม่เสียเงิน
เปิด iMessage สำหรับการส่งข้อความระหว่างอุปกรณ์ Apple ฟรี
ไปที่ การตั้งค่า (Settings) >ข้อความ (Messages) > เลื่อนเปิด ข้อความ (iMessage)
ด้านบนเป็นการตั้งค่าพื้นฐานที่จำเป็นดท่านั้น และ iOS 15 ยังมาพร้อมฟีเจอร์และการตั้งค่าใหม่ ๆ มากมาย สามารถเข้าไปชมรายละเอียด iOS 15 เพิ่มเติมได้ค่ะ