Apple ได้ปล่อย iOS 15.4 Beta ให้นักพัฒนา มาพร้อมฟีเจอร์ ใช้ Face ID ขณะสวมใส่หน้ากากอนามัย ได้แล้วโดยไม่ต้องพึ่ง Apple Watch ใช้งานอย่างไร ชมข้อมูล
วิธีตั้งค่า ใช้ Face ID ขณะสวมใส่หน้ากากอนามัย
ใช้ Face ID ขณะใส่หน้ากากอนามัย : หลักการทำงาน คือ ระบบจะจดจำพื้นที่รอบ ๆ ดวงตาเพื่อใช้ยืนยันตัวตน (แบบเดิมคือจำทั้งใบหน้า) นั่นหมายความว่าในการสแกนหน้า Face ID ตอนที่ใส่หน้ากากอนามัยนั้น ผู้ใช้ต้องมองที่ iPhone
เข้าไปที่การตั้งค่า > Face ID และรหัส > เลื่อนเปิด ใช้ Face ID ขณะสวมใส่หน้ากากอนามัย
แตะใช้ Face ID ขณะสวมใส่หน้ากากอนามัย > สแกนใบหน้าให้เรียบร้อย
เพิ่มแว่นตา
เนื่องจากการใช้ Face ID ขณะสวมใส่หน้ากากอนามัย เป็นการยืนยันตัวตนด้วยพื้นที่รอบ ๆ ดวงตา ดังนั้นใครใส่แว่นใส แว่นสายตา ให้สแกนเพิ่มดังนี้
แตะ “เพิ่มแว่นตา” > แตะ “ดำเนินการต่อ”
การใช้ Face ID ขณะสวมใส่หน้ากากอนามัยยังไม่รองรับการสแกนร่วมกับแว่นกันแดด
สแกนหน้าตามขั้นตอน ถ้าเสร็จแล้วจะขึ้น “เพิ่มแว่นตา 1 อันแล้ว” หากต้องการเพิ่มอีกให้กด “เพิ่มแว่นตา” แล้วทำซ้ำ
ในตอนนี้ ฟีเจอร์ Face ID ขณะใส่หน้ากากอนามัยใช้ได้บน iPhone 12 ขึ้นไป (iPhone 12, iPhone 12 mini, iPhone 12 Pro, iPhone 12 Pro Max, iPhone 13, iPhone 13 mini, iPhone 13 Pro, iPhone 13 Pro Max) ต้องรอลุ้นต่อว่าใน Beta ถัดไป iPhone รุ่น Face ID เก่า ๆ จะได้อัปเดตให้ใช้หรือไม่
ฟีเจอร์นี้ถือว่าสะดวกมาก ๆ สำหรับผู้ใช้ iPhone รุ่น Face ID เพราะก่อนหน้านี้ถึงแม้ Apple จะใส่ฟีเจอร์ปลดล็อค iPhone ด้วย Apple Watch มา แต่ก็มีเงื่อนไขว่า ผู้ใช้ต้องมี Apple Watch ถึงจะใช้งานได้ ซึ่งฟีเจอร์ใน iOS 15.4 นี้ช่วยแก้ปัญหาให้กับหลาย ๆ คนที่จำเป็นต้องสวมหน้ากากอนามัยบ่อย แล้วต้องสแกนหน้าเพื่อปลดล็อคหรือยืนยันตัวตนผ่านแอปต่าง ๆ