iPhone SE รุ่นที่ 3 เปิดตัวในราคาที่เข้าถึงได้ไม่สูงมากนัก อัพเกรดความสามารถเพิ่มมากขึ้นกว่ารุ่นก่อนหน้า ถือเป็นตัวเลือกหนึ่งของ iPhone รุ่นที่มีราคาประมาณ 15,000 – 20,000 บาท และเมื่อเทียบช่วงราคาประมาณนี้แล้ว ยังมีอีก 2 รุ่นที่น่าสนใจไม่แพ้กันนั่นคือ iPhone 11 แลพ iPhone 13 mini
ในบทความนี้ เราจึงนำ iPhone ทั้ง 3 รุ่น มาเปรียบเทียบจุดเด่นของ ข้อแตกต่าง เพื่อช่วยในการตัดสินใจและพิจารณาเลือกซื้อ iPhone เครื่องใหม่ของคุณ
วันเปิดตัว
- iPhone 11 เปิดตัวในงาน XXXXXX วันที่ 10 กันยายน 2562
- iPhone 13 mini เปิดตัวในงาน Apple Event : California streaming วันที่ 15 ก.ย. 2564
- iPhone SE รุ่นที่ 3 เปิดตัวในงาน Apple Event : Peek performance วันที่ 8 มีนาคม 2565
ดีไซน์ภาพรวม
ขนาดตัวเครื่อง
เมื่อเทียบขนาดตัวเครื่อง iPhone ทั้ง 3 รุ่น จะสังเกตุเห็นได้เลยว่า iPhone 11 มีขนาดใหญ่ที่สุด รองลงมาเป็น iPhone SE รุ่นที่ 3 และขนาดเครื่องที่เล็กที่สุดคือ iPhone 13 mini
แต่เมื่อเทียบขนาดของหน้าจอ iPhone 13 mini (5.4″) จะมีขนาดหน้าจอที่ใหญ่กว่า เมื่อเทียบกับ iPhone SE รุ่นที่ 3 (4.7″) เพราะ iPhone SE รุ่นที่ 3 ไม่ได้ใช้หน้าจอแบบเต็มหน้าจอ
ตำแหน่งปุ่มกด
ตำแหน่งของปุ่มกดต่าง ๆ ยังคงมีตำแหน่งที่เหมือนกัน ไม่ว่าจะเป็น ปุ่มเพิ่มลดเสียง, ปุ่มปิดเสียง, ปุ่มปิดเครื่อง
ซึ่งจุดที่แตกต่างนั่นคือ
- iPhone 11 และ iPhone 13 mini มีลักษณะด้านข้างขอบเหลี่ยม ส่วน iPhone SE รุ่นที่ 3 นั้น มีลักษณะด้านข้างขอบมน
- ตำแหน่งของถาดใส่ซิม iPhone 11 และ iPhone SE รุ่นที่ 3 จะอยู่ฝั่งขวา ส่วน iPhone 13 mini จะอยู่ฝั่งซ้าย (โดยเริ่มเปลี่ยนตำแหน่งถาดใส่ซิมตั้งแต่ iPhone 12)
ดีไซน์กล้องหลัง
ลักษณะการดีไซน์ของกล้องหลัง iPhone SE 3 มีกล้องเดี่ยวด้านหลัง ส่วน iPhone 11 และ iPhone 13 mini มีกล้องคู่ด้านหลัง
มีข้อแตกต่างกันที่ iPhone 11 วางตำแหน่งกล้องแบบแนวตั้ง, iPhone 13 mini วางตำแหน่งกล้องแบบทะแยง
วัสดุ และ การทนน้ำทนฝุ่น
iPhone SE รุ่นที่ 3 และ iPhone 11 ใช้วัสดุแบบกระจกสำหรับการป้องกัน ส่วนใน iPhone 13 mini ใช้วัสดุแบบ Ceramic Shield
- iPhone 11และ iPhone 13mini : ใช้ทนน้ำทนฝุ่นที่ระดับ IP68
- iPhone SE รุ่นที่ 3 : ใช้ทนน้ำทนฝุ่นที่ระดับ IP67
Port การเชื่อมต่อ
iPhone ทั้ง 3 รุ่น (iPhone 11, iPhone 13 mini, iPhone SE รุ่นที่ 3) ใช้ Port การเชื่อมต่อแบบ Lightning เหมือนกัน
iPhone 11 | iPhone SE รุ่นที่ 3 | iPhone 13 mini | |
จอภาพ | Liquid Retina HD | Retina HD | Super Retina XDR |
6.1 นิ้ว | 4.7 นิ้ว | 5.4 นิ้ว | |
LCD ทั้งหน้าจอ | LCD แบบไวด์สกรีน | OLED ทั้งหน้าจอ | |
ความละเอียด | 1792 x 828 px
326 ppi |
1334 x 750 px
326 ppi |
2340 x 1080 px
476 ppi |
ความสูง | 150.9 มม. | 138.4 มม. | 131.5 มม. |
ความกว้าง | 75.7 มม. | 67.3 มม. | 64.2 มม. |
ความหนา | 8.3 มม. | 7.3 มม. | 7.65 มม. |
น้ำหนัก | 194 กรัม | 144 กรัม | 140 กรัม |
ความสว่างสูงสุด | 625 นิต | 625 นิต | 800 นิต |
ไม่มี HDR | ไม่มี HDR | 1,200 นิต (HDR) | |
ราคาเริ่มต้น | ฿19,500 | ฿15,900 | ฿25,900 |
หน้าจอ
รายละเอียดหน้าจอ
ภาพรวมของรายละเอียดหน้าจอ iPhone ทั้ง 3 รุ่น จะมีความแตกต่างกันในเรื่องของ ประเภทจอภาพที่ iPhone 11 และ iPhone SE รุ่นที่ 3 ใช้หน้าจอ LCD ส่วน iPhone 13 mini ใช้หน้าจอ OLED และความละเอียด, ความสว่างหน้าจอที่แตกต่างกันตามรายละเอียดด้านล่างนี้
iPhone 11 | iPhone SE รุ่นที่ 3 | iPhone 13 mini | |
จอภาพ | Liquid Retina HD | Retina HD | Super Retina XDR |
LCD ทั้งหน้าจอ | LCD แบบไวด์สกรีน | OLED ทั้งหน้าจอ | |
ความละเอียด | 1792 x 828 px
326 ppi |
1334 x 750 px
326 ppi |
2340 x 1080 px
476 ppi |
อัตราส่วนคอนทราสต์ | 1,400:1 (ทั่วไป) | 1,400:1 (ทั่วไป) | 2,000,000:1 (ทั่วไป) |
ความสว่างสูงสุด | 625 นิต (ทั่วไป) | 625 นิต (ทั่วไป) | 800 นิต (ทั่วไป) |
1,200 นิต (HDR) | |||
จอภาพขอบเขตสีกว้าง | P3 | P3 | P3 |
True Tone | ✅ | ✅ | ✅ |
การแตะค้างแบบสั่น | ✅ | ✅ | ✅ |
เปรียบเทียบความสว่างหน้าจอนอกอาคาร
เมื่อทดลองใช้งานดูวีดีโอนอกอาคาร จะเห็นว่า iPhone 13 mini ที่มีความสว่างของหน้าจอที่สูงที่สุด นั้นทำให้หน้าจอมองได้ชัดเจนกว่า เมื่อเทียบกับ iPhone 11 และ iPhone SE รุ่นที่ 3
เปรียบเทียบการดูหนังพร้อมคำบรรยาย
จากการใช้งานดูหนังพร้อมคำบรรยาย ของ iPhone ทั้ง 3 รุ่น iPhone SE รุ่นที่ 3 มีหน้าจอขนาดเล็ก อาจทำให้ต้องขยับตัวเครื่องเข้าหาใบหน้าเพื่ออ่านคำบรรยายได้ ชัดเจนและอ่านได้ทัน สำหรับ iPhone 13 mini และ iPhone 11 ไม่มีปัญหาอะไรมากสำหรับการดูหนังพร้อมคำบรรยาย
ประสิทธิภาพ
ชิปประมวลผลที่ใช้สำหรับ iPhone 11 คือ ชิป A13 Binoic ที่มี Neural engine 8-core
ชิปประมวลผลที่ใช้สำหรับ iPhone 13 mini และ iPhone SE รุ่นที่ 3 คือ ชิป A15 Binoic โดยมี Neural engine 16-core
เมื่อเทียบคะแนนประสิทธิภาพจาก Geek bench แล้วทำให้เห็นว่า iPhone SE รุ่นที่ 3 มีคะแนนที่ใกล้เคียง iPhone 13 mini เลยทีเดียว
ในด้านของการเล่นเกมถือว่า iPhone ทั้ง 3 รุ่น สามารถตอบโจทย์คอเกม ได้เป็นอย่างดี เพราะสามารถเล่นเกมได้ลื่นไหล ปรับกราฟิกได้สูงสุด แทบไม่เห็นความแตกต่างของประสิทธิภาพที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน
ทดสอบเพิ่มเติมในเรื่องของประสิทธิภาพการประมวลผลโดย Export Video 4K ขนาด 1.36 GB
iPhone 11 ใช้เวลา : 9 นาที 15 วินาที
iPhone 13 mini ใช้เวลา : 9 นาที 8 วินาที
iPhone SE รุ่นที่ 3 ใช้เวลา : 9 นาที 7 วินาที
เปรียบเทียบสเปคกล้อง
จุดแตกต่างสำหรับเรื่องกล้องของ iPhone ทั้ง 3 รุ่น คือ iPhone SE รุ่นที่ 3 จะมีกล้องหลังเพียงกล้องเดี่ยวความละเอียด 12MP, กล้องหน้าเป็นแบบ Face Time HD 7MP
ในขณะที่ iPhone 11 และ iPhone 13 mini จะมีกล้องหลังแบบคู่ (ความละเอียด 12MP) และกล้องหน้าแบบ True Depth ความละเอียด 12MP
เมื่อเปรียบเทียบเรื่องฟีเจอร์การใช้งาน จะมีข้อแตกต่างตรงที่การใช้ชิป A15 Bionic ใน iPhone 13 mini และ iPhone 11 นั้นจะมีฟีเจอร์ที่เพิ่มเข้ามาเช่น Deepfusion, Smart HDR4, สไตล์ภาพถ่าย ที่ iPhone 11 ไม่มี
และน่าเสียดายที่ iPhone SE รุ่นที่ 3 ไม่มีโหมดกลางคืน เหมือนกับ iPhone 11 และ iPhone 13 mini
ระยะกล้องของ iPhone 11 จะมีระยะที่มากกว่า iPhone SE รุ่นที่ 3 และ iPhone 13 mini
iPhone 11 | iPhone SE 3 | iPhone 13 mini | |
กล้องหน้า | TrueDepth 12MP | Face Time HD 7MP | TrueDepth 12MP |
ƒ/2.2 | ƒ/2.2 | ƒ/2.2 | |
Retina Flash | Retina Flash | Retina Flash | |
กล้องหลัง | กล้องคู่ ความละเอียด12MP | กล้องเดี่ยว 12 MP (ไวด์) | กล้องคู่ ความละเอียด12MP |
ไวด์ : ƒ/1.8 | ไวด์ : ƒ/1.8 | ไวด์ : ƒ/1.6 | |
อัลตร้าไวด์: ƒ/2.4 | – | อัลตร้าไวด์: ƒ/2.4 | |
ซูมออปติคัล 2 เท่า | – | ซูมออปติคัล 2 เท่า | |
ซูมดิจิทัลสูงสุด 5 เท่า | ซูมดิจิทัลสูงสุด 5 เท่า | ซูมดิจิทัลสูงสุด 5 เท่า | |
Night Mode | ✅ | ❌ | ✅ |
Deep Fusion | ❌ | ✅ | ✅ |
Smart HDR 4 | ❌ | ✅ | ✅ |
สไตล์ภาพถ่าย | ❌ | ✅ | ✅ |
Animoji & Memoji | ❌ | ✅ | |
QuickTake | ✅ | ✅ | ✅ |
การถ่ายรูปกล้องหน้า
ซ้าย iPhone 11 | กลาง iPhone SE รุ่นที่ 3 | ขวา iPhone 13 mini
การถ่ายรูปกล้องหลัง
ซ้าย iPhone 11 | กลาง iPhone SE รุ่นที่ 3 | ขวา iPhone 13 mini
การถ่ายย้อนแสง
ซ้าย iPhone 11 | กลาง iPhone SE รุ่นที่ 3 | ขวา iPhone 13 mini
Deep Fusion
ซ้าย iPhone 11 | กลาง iPhone SE รุ่นที่ 3 | ขวา iPhone 13 mini
พลังงานและ แบตเตอรี่
การรองรับสัญญาณ และการเชื่อมต่อ
iPhone SE รุ่นที่ 3 เป็น iPhone รุ่นเดียวที่รองรับสัญญาณ 5G จาก iPhone ทั้งหมด 3 รุ่นนี้ แต่ก็ไม่รองรับการชาร์จแบบ MagSafe เพียงรุ่นเดียวเหมือนกัน
iPhone 11 | iPhone SE รุ่น 3 | iPhone 13 mini | |
รองรับสัญญาณ | 4G | 5G | 4G |
Wi‑Fi 6, Bluetooth 5.0 |
Wi‑Fi 6, Bluetooth 5.0 |
Wi‑Fi 6, Bluetooth 5.0 |
|
MagSafe | ✅ | ❌ | ✅ |
ชาร์จไร้สายแบบ Qi | ✅ | ✅ | ✅ |
ราคา สี และ ความจุ
iPhone 11 มีให้เลือก ทั้งหมด 6 สี
iPhone 13 mini มีให้เลือก ทั้งหมด 6 สี
iPhone SE รุ่นที่ 3 มีให้เลือก ทั้งหมด 3 สี
ความจุของทั้ง 3 รุ่น มีความแตกต่างกัน สามารถเปรียบเทียบราคาได้ตามตารางด้านล่างนี้
ข้อสังเกตุน่ารู้ของแต่ละรุ่น
- iPhone 11 ไม่รองรับ ฟีเจอร์การสแกนใบหน้าผ่านหน้ากากอนามัย ใน iOS 15.4
- ปัจจุบัน iPhone SE รุ่นที่ 3 เป็น iPhone รุ่นที่รองรับ 5G ในราคาที่ถูกที่สุด
- iPhone 13 mini มีสีใหม่เข้ามา ‘สีเขียว’
- iPhone SE 3 กล้องหน้าแบบ FaceTime HD ไม่รองรับ Animoji และ Memoji
- iPhone SE 3 สามารถใส่เคส ของ iPhone SE 2, 7, 8 และ ฟิล์มได้
สามารถดูข้อมูลในการเลือกซื้อ iPhone สำหรับต้นปี 2565 ได้ที่คลิปด้านล่าง