22 เมษายน ของทุกปีเป็น วันคุ้มครองโลก (Earth Day) ถือเป็นวันสำคัญเรื่องการอนุรักษ์ธรรมชาติ ซึ่งหลายประเทศต่างก็จัดกิจกรรมขึ้นเพื่อเรียกร้องให้ทุกคนตระหนักถึงความสำคัญของสิ่งแวดล้อม รวมถึง Apple ด้วยเช่นกัน ที่ตั้งเป้าหมายเดินหน้าก้าวสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอนภายในปี 2030
สิ่งที่ควรทราบเกี่ยวกับ Apple และสิ่งแวดล้อม เนื่องใน “วันคุ้มครองโลก (Earth Day)” ปี 2022
Apple ให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อมอย่างไร
Apple ได้ให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อมในเรื่องของการพยายามลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกออกสู่ชั้นบรรยากาศ และลดการเกิดคาร์บอนฟุตพริ้นต์ให้ได้มากที่สุด ด้วยการพยายามปรับในเรื่องของดีไซน์ตัวผลิตภัณฑ์ บรรจุภัณฑ์ กระบวนการผลิต รวมถึงการขนส่งด้วย แต่ก่อนอื่นเราไปทำความรู้จักกับคาร์บอนฟุตพริ้นท์กันก่อน
คาร์บอนฟุตพริ้นต์ (Carbon Footprint) คือ มลพิษที่เกิดจากการใช้พลังงานหรือการใช้ผลิตภัณฑ์ใดผลิตภัณฑ์หนึ่งที่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ยกตัวอย่างเช่น การที่ Apple เลิกใช้พลาสติกหุ้มมาเป็นสติ๊กเกอร์กระดาษแทน ตั้งแต่ iPhone 12 เพราะว่าถุงพลาสติกเมื่อแกะออกแล้วก็จะกลายเป็นขยะ และขยะเหล่านั้นก็จะต้องเข้าสู่กระบวนการย่อยสลายที่ต้องใช้พลังงานเพื่อทำลายขยะทิ้ง ซึ่งการใช้พลังงานก็จะต้องปลดปล่อยมลพิษออกมาสู่ชั้นบรรยากาศ กลายเป็นการทิ้งร่องรอยคาร์บอนฟุตพริ้นต์เอาไว้ ซึ่งเป็นสิ่งที่ Apple พยายามจะลดนั่นเอง
Apple ตั้งเป้าเป็นกลางทางคาร์บอนภายในปี 2030
Apple มีความตั้งใจที่จะช่วยลดผลกระทบที่เกิดขึ้นกับสิ่งแวดล้อมให้ได้มากที่สุด ด้วยนโยบายการทำให้ผลิตภัณฑ์มีผลกระทบจากคาร์บอนเป็นศูนย์ สอดคล้องกับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน เพื่อให้เป็นไปตามแผนการที่วางเอาไว้ คือ การทำให้ผลิตภัณฑ์ Apple ปลอดคาร์บอนภายในปี 2030 นี้
รวมถึงการผลิตด้วยที่ใช้อุปกรณ์รีไซเคิลหรือวัสดุหมุนเวียนทั้งหมด ซึ่งเท่ากับว่าเป็นการลดการพึ่งพาการทำเหมืองแร่ การขนส่ง และกรรมวิธีที่เกี่ยวข้องกับวัตถุดิบด้วย ทั้งหมดนี้เองจะเป็นหนทางที่จะช่วยลดคาร์บอนฟุตพริ้นต์และช่วยอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาตินั่นเอง โดย Apple ก็มีแผนการต่าง ๆ ดังนี้
ดีไซน์ผลิตภัณฑ์ให้มีคาร์บอนต่ำ
iPad Air 5 รุ่นใหม่ ใช้อะลูมิเนียมรีไซเคิล 100% Apple ใช้วัสดุจากการรีไซเคิล 100% แต่ก็ยังคงมาตรฐานระดับสูง มีประสิทธิภาพ และคงความแข็งแรงทนทานไว้อยู่ รวมถึง Apple Watch Series 7, Apple Watch SE, MacBook Air, Mac mini รวมถึง MacBook Pro รุ่น 14″, 16″ ด้วย
การออกแบบให้อุปกรณ์สามารถใช้งานได้ยาวนาน เช่น คุณสมบัติการทนน้ำทนฝุ่น ที่เริ่มมีคุณสมบัตินี้มาตั้งแต่ iPhone 7 สามารถทนน้ำหก หรือกระเด็นใส่ได้ ช่วยให้สามารถใช้งานได้ยาวนานหลายปี ส่วนหนึ่งก็เป็นผลมาจากการที่ Apple ต้องการลดขยะอิเล็กทรอนิกส์นั่นเอง
การประหยัดพลังงาน
นโยบายการเปลี่ยนมาใช้ชิป Apple Silicon ใน Mac ทุกรุ่น ช่วยประหยัดพลังงานอย่างเห็นได้ชัด อย่าง Mac mini รุ่นล่าสุดที่ใช้พลังงานน้อยลงสูงสุด 60% เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า ซึ่งก็จะช่วยประหยัดพลังงานในอุปกรณ์อื่นๆ ไปในตัวและช่วยลดปริมาณคาร์บอนฟุตพริ้นต์ได้ด้วยนั่นเอง รวมถึง Mac รุ่นใหม่ ๆ ที่ Apple อาจเปิดตัวในปี 2022 นี้ก็คาดว่า Apple จะเปลี่ยนผ่านไปใช้ชิป Apple Silicon เพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายนี้ด้วย
ใช้ไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน
Apple ได้ใช้ “พลังงานสะอาด” จากพลังงานหมุนเวียนแล้ว 100% ที่ได้จากพลังงานแสงอาทิตย์ ลม และแหล่งพลังงานหมุนเวียนอื่นๆ ซึ่งเป็นโปรแกรมพลังงานสะอาดสำหรับซัพพลายเออร์ของ Apple ให้เปลี่ยนไปใช้ไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนนั่นเอง
โดยในปี 2021 พลังงานหมุนเวียนที่ใช้ในซัพพลายเชนของ Apple สามารถสร้างพลังงานสะอาดได้มากถึง 18.3 ล้านเมกะวัตต์-ชั่วโมง ซึ่งก็จะช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนได้เกือบ 14 ล้านเมตริกตัน และภายในปี 2030 ผลิตภัณฑ์ของ Apple ทุกชิ้นจะผลิตด้วยพลังงานสะอาดแบบ 100% ตามเป้าที้ตั้งไว้
การขจัดคาร์บอน
Apple ได้ลงทุนในธรรมชาติเพื่อขจัดคาร์บอนออกจากชั้นบรรยากาศ ซึ่งช่วยลดผลกระทบจากการปล่อยก๊าซที่เรายังไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ โดยก่อตั้งกองทุนเพื่อการฟื้นฟูหรือ Restore Fund ร่วมกับองค์กรอนุรักษ์ธรรมชาติระหว่างประเทศหรือ Conservation International (CI) และ Goldman Sachs เพื่อลงทุนในการแก้ไขปัญหาสภาพภูมิอากาศ โดยมีเป้าหมายขจัดคาร์บอนให้ได้อย่างน้อย 1 ล้านเมตริกตันต่อปี
Apple ไม่ใส่หูฟัง, อะแดปเตอร์ มาในกล่อง iPhone
Apple เผยว่า การไม่ใส่อะแดปเตอร์มาในกล่อง iPhone เป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญของ Apple และเป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับโลก โดยเริ่มทำมาตั้งแต่ iPhone 12 เป็นต้นมา ซึ่งสามารถลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมได้มากมาย ดังนี้
⋅ ลดการขุดหาแร่ทองแดง ดีบุก และสังกะสี ที่เป็นชิ้นส่วนสำคัญของอะแดปเตอร์ได้ถึง 550,000 เมตริกตัน
⋅ ลดขนาดกล่อง iPhone ให้เล็กลง เบาลง ช่วยให้ขนส่งได้จำนวนมากขึ้น
⋅ ลดคาร์บอนฟุตพริ้นต์จากการขนส่งได้มากขึ้น
⋅ หลีกเลี่ยงการปล่อยก๊าซคาร์บอนได้มากกว่า 2 ล้านเมตริกตัน เทียบเท่ากับการนำรถ 500,000 คันออกจากถนนใน 1 ปี
Siri ใช้พลังงานสะอาด
ในศูนย์ข้อมูลของ Apple นั้นใช้เซิร์ฟเวอร์ช่วยให้แอปและบริการต่างๆ ของ Apple เช่น Siri, iMessage และ iCloud สามารถทำงานได้ ซึ่งเป็นสถานที่ที่ใช้พลังงานมากที่สุดในองค์กร จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมถึงต้องใช้ไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน 100% นั่นหมายความว่า ไม่ว่าจะถาม Siri กี่ครั้ง คำตอบที่ได้ก็จะมาจากพลังงานสะอาดเสมอ
Apple Trade In ดีสำหรับคุณ ดีสำหรับโลก
Apple ได้มีนโยบายรับแลกอุปกรณ์เครื่องเก่าเปลี่ยนเป็นเครดิตสำหรับใช้ในการซื้อครั้งต่อไปได้ หรือถ้ายังไม่พร้อมที่จะซื้อเครื่องใหม่ก็สามารถรับเป็นบัตรของขวัญ Apple แทนได้ และถ้าหากว่าอุปกรณ์ไม่เข้าเกณฑ์การแลกเป็นเครดิต ทาง Apple ก็จะนำไปรีไซเคิลให้ฟรี ไม่ว่าจะเป็นอุปกรณ์รุ่นไหนก็สามารถเปลี่ยนให้เป็นสิ่งที่ดีต่อโลกใบนี้ได้ เพื่อเป็นการลดขยะอิเล็กทรอนิกส์ไปในตัวด้วยนั่นเอง ตรวจสอบรุ่นและมูลค่าการแลกอุปกรณ์ได้ที่นี่
และทั้งหมดนี้ก็เป็นแนวทางและสิ่งที่ Apple ได้เริ่มทำไปแล้วตั้งแต่ปี 2020 สำหรับการตั้งเป้าหมายไว้ว่า Apple จะเป็นกลางทางคาร์บอนให้ได้ 100% ภายในปี 2030 เพื่อลดคาร์บอนฟรุตพริ้นต์ ลดขยะอิเล็กทรอนิกส์ และเพื่อให้เกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อยที่สุดนั่นเอง สามารถเข้าไปดูรายงานความก้าวหน้าและโครงการต่าง ๆ ที่ Apple ก่อตั้งไว้ได้ที่หน้าเว็บไซต์ของ Apple