in , , , ,

10+ รักษาความปลอดภัยให้กับบัญชี Apple ID และ iCloud

บัญชี Apple ID และข้อมูลใน iCloud ถือเป็นข้อมูลสำคัญของทุก ๆ คน ดังนั้นเราควรจะรักษาความปลอดภัยให้กับบัญชี เพื่อป้องกันการขโมยข้อมูลไปทำธุรกรรมต่าง ๆ ที่ทำให้ทรัพย์สินหรือชื่อเสียงเสียหาย ทีมงานมีข้อแนะนำในการรักษาความปลอดภัยมาแนะนำให้ชมกันค่ะ

10+ รักษาความปลอดภัยให้กับบัญชี Apple ID และ iCloud

1. เปิดใช้งานการยืนยันสิทธิ์สองปัจจัย (2FA)

ถ้าหากเราไม่ได้เปิดใช้งานการยืนยันสิทธิ์สองปัจจัย และมีผู้ที่รู้อีเมลและรหัสผ่าน Apple ID ของเรา ผู้อื่นก็จะสามารถเข้าถึงบัญชี Apple ID และ iCloud ของเราได้ แต่ถ้าหากเราเปิดการยืนยันสิทธิ์สองปัจจัย ผู้อื่นจะไม่สามารถเข้าถึงได้ เนื่องจากจะต้องใช้รหัส 6 หลักที่ส่งไปยังอุปกรณ์ของเรา เพื่อยืนยันอุปกรณ์ที่เชื่อถือได้ก่อนเข้าสู่ระบบและใช้งาน Apple ID

2. ห้ามเปิดเผยรหัสผ่านให้กับผู้อื่น

ถึงแม้ว่าเราจะเปิดใช้งานการยืนยันตัวตนสองปัจจัยแล้ว แต่ก็ห้ามเปิดเผยรหัสผ่าน Apple ให้กับผู้อื่น ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนหรือบุคคลที่อ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ Apple Support

Apple ไม่เคยขอรหัสผ่าน Apple ID ในการติดต่อหรือให้บริการสนับสนุน ทุกครั้งที่เราขอรับบริการจาก Apple ไม่ว่าจะเป็นทางแชท โทรศัพท์ หรืออีเมล การขอให้เรายืนยัน Apple ID จากฝ่ายสนับสนุนนั้นจะจอผ่านการแจ้งเตือนที่ส่งมายังอุปกรณ์ของเราเท่านั้น ไม่มีการขอสะกดรหัสผ่านใด ๆ ทั้งสิ้น

3. ห้ามแชร์รหัสยืนยันตัวตน

นอกจากนี้ เวลาที่เราได้รับรหัสสำหรับยืนยันตัวตนบน iPhone, iPad และ Mac เป็นแบบ OTP ใช้ครั้งเดียว ก็ไม่ควรเปิดเผยรหัสยืนยันตัวตนนี้ให้กับผู้อื่นเช่นเดียวกัน

4. ระวังการหลอกลวงต่าง ๆ

ปัจจุบันมีการหลอกลวงหรือ Scam หลากหลายรูปปแบบ ในประเทศไทยตอนนี้ก็จะมีแอปหลอกลวงที่แนะนำให้กดลิงก์เข้าไปดาวน์โหลด จากนั้นก็จะดูดเงินในแอปบัญชีธนาคารจนเกลี้ยง นอกจากนี้ยังมีการโทรเข้ามาขอให้ชำระเงินบริการต่าง ๆ การขอเงินคืน การหลอกลวงว่าได้ของมีค่า ของขวัญ เพื่อให้เราแชร์ข้อมูลหรือแชร์รหัสบน iPhone

ภาพจาก Anti-Fake News Center Thailand

ดังนั้นควรระวังการกดลิงก์ต่าง ๆ ที่เป็นลิงก์แปลก ๆ และห้ามแชร์ข้อมูลหรือรหัสผ่านให้กับผู้อื่นที่โทรเข้ามาขอข้อมูลโดยเด็ดขาด ถึงแม้ว่าจะอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานที่น่าเชื่อถือก็ตาม อาจจะโหลดแอป WhoCall มาช่วยกรองเบอร์โทรเข้าก็ได้นะ

5. เรียนรู้การแจ้งเตือนรหัสผ่าน iOS และการฟิชชิ่ง

บางเว็บไซต์หรือบางแอปอาจจะล่อล่วงเราด้วยการแจ้งเตือนแบบป๊อปอัพที่มีลักษณะฟอร์มกรอกข้อมูล Apple ID และรหัสผ่าน ให้เราลองปัดขึ้นหรือกดปุ่มโฮมเพื่อไปยังหน้าจอโฮม ถ้าหากป๊อปอัพหายไป แสดงว่าเป็นป๊อปอัพปลอมที่พลายามหลอกลวงเรา

แต่ถ้าเรายังคงเห็นการแจ้งเตือนอยู่ แสดงว่าอาจจะเป็นการแจ้งเตือจริงจาก iOS หากไม่มั่นใจให้เราเข้าไปตรวจสอบเองได้ที่การตั้งค่า หาก Apple ID ของเราต้องอัปเดตข้อมูลจริง เราจะเห็นการแจ้งเตือนด้านบนของการตั้งค่า เราสามารถกรอกข้อมูล Apple ID ได้เลย

6. รายงานปัญหาไปยัง Apple

หากเราได้รับข้อความ อีเมล โทรศัพท์ หรือช่องทางการติดต่ออื่น ๆ ที่แอบอ้างว่ามาจาก Apple และมีการขอรายละเอียดส่วนตัวหรือพยายามกระตุ้นให้เราคลิกลิงก์ กรอกข้อมูล อัปเดตรายละเอียดข้อมูลต่างๆ จนดูผิดปกติ ให้เราถ่ายภาพหน้าจอและส่งอีเมลไปที่ [email protected] เพื่อให้ทาง Apple ตรวจสอบและจัดการกับ Scam เหล่านี้ [วิธีรายงานอีเมลปลอมและข้อความที่น่าสงสัยไปยัง Apple]

How To Report Phishing Email To Apple 1

7. ตั้งรหัสผ่านการเข้าถึงทั้งหมด

แน่นอนว่า iPhone เป็นอุปกรณ์ที่เราพกติดตัวแทบจะตลอดเวลา แต่บางครั้งเราก็อาจจะวางทิ้งไว้ ดังนั้นการตั้งรหัสผ่านและป้องกันการเข้าถึงเครื่องด้วย Face ID หรือ Touch ID จึงสำคัญมาก ๆ ซึ่งเป็นสิ่งที่เราต้องตั้งค่าอยู่แล้วตั้งแต่เริ่มต้นตั้งค่าเครื่องใหม่ ตั้งแต่ซื้อเครื่องมา

การตั้งค่ารหัสผ่านปลดล็อกเครื่อง 6 หลัก ก็ไม่ควรง่ายเกินไปและดูไม่สอดคล้องกับเลขใกล้ตัวเรามากเกินไป เช่น วันเดือนปีเกิด เบอร์โทรศัพท์ เป็นต้น ควรจะเป็นเลขที่คาดเดายาก

8. ห้ามแชร์ Apple ID ให้คนอื่น

บางคนใช้วิธีการดาวน์โหลดแอปที่มีค่าใช้จ่าย โดยใช้ Apple ID ของเราเข้าสู่ระบบ เพื่อให้สามารถใช้งานแอปนั้นได้ฟรี แต่วิธีนี้เป็นวิธีที่ไม่เหมาะสม เนื่องจากเราไม่สามารถไว้ใจได้ว่าจะมีการใช้ Apple ID เพื่อไปทำธุรกรรมอื่น ๆ หรือไม่

ดังนั้นหากเราต้องการให้ผู้อื่นสามารถโหลดใช้งานแอปเสียเงินได้ แนะนำให้แชร์กันแบบครอบครัว เพื่อให้ผู้คนที่เราเพิ่มเป็นคนในครอบครัวสามารถใช้บริการและแอปที่ซื้อร่วมกันได้ สูงสุดถึง 6 คน (แต่แอปต้องรองรับการแชร์กันแบบครอบครัวด้วยนะ)

9. อัปเดตซอฟต์แวร์อยู่เสมอ

การอัปเดตซอฟต์แวร์ให้เป็นเวอร์ชันล่าสุดเสมอนั้นเป็นส่ิงที่สำคัญมาก ๆ ต่อความปลอดภัยของอุปกรณ์ เนื่องจากซอฟต์แวร์แต่ละเวอร์ชันที่ถูกปล่อยมานั้น ส่วนใหญ่ก็มาพร้อมกับการอัปเดตด้านความปลอดภัยและอุดช่องโหว่ต่าง ๆ หากเราเป็นคนที่ไม่ค่อยได้ดูการแจ้งเตือน ก็อาจจะตั้งค่าให้เครื่องอัปเดตซอฟต์แวร์อัตโนมัติก็ได้

10. อัปเดตรหัสผ่าน Apple ID บ้าง

หากเราใช้รหัสผ่านซ้ำ ๆ กันหลายบัญชี รวมถึงนำมาใช้งานกับ Apple ID ด้วย แนะนำว่าให้เราอัปเดตรหัสผ่าน Apple ID ใหม่ ให้แตกต่างจากรหัสผ่านที่ใช้งานกับบัญชีอื่น หรือจะใช้รหัสผ่านที่คาดเดายากที่แนะนำโดย iOS และเก็บไว้ใน iCloud Keychain ก็ช่วยให้ Apple ID ปลอดภัยมากขึ้น และการเข้าสู่ระบบ Apple ID ก็ทำได้ง่ายด้วย

11. อัปเดตข้อมูล Apple ID ให้ทันสมัย

ข้อมูล Apple ID มีข้อมูลสำคัญอื่น ๆ อีก เช่น เบอร์โทรศัพท์ อีเมล ที่อยู่จัดส่งและที่อยู่เรียกเก็บเงิน หากเรามีการเปลี่ยนแปลง ก็อย่าลืมมาอัปเดตข้อมูลเหล่านี้ด้วย เพื่อให้ข้อมูลตรงกับความเป็นจริง เผื่อเวลาที่สั่งสินค้าหรือมีการส่งใบเสร็จต่าง ๆ จะได้ส่งไปยังที่อยู่ที่ถูกต้อง

12. ดูว่าแอปใดที่ใช้ Apple ID ของเราและลบแอปที่ไม่จำเป็นออก

ก่อนหน้านี้เราอาจจะโหลดแอปมาใช้งานและลงชื่อเข้าใช้แอปด้วย Apple ID ไว้ ให้เราลองเช็คดูว่าแอปไหนที่เราไม่ได้ใช้งานแล้ว ก็ลบแอปออกจากเครื่องได้เลย เพื่อลดการติดตามจากแอปต่าง ๆ ที่ไม่จำเป็นและช่วยประหยัดพื้นที่ในเครื่องได้อีกด้วย

13. ตรวจสอบบัญชีบนอุปกรณ์ให้เรียบร้อย ก่อนขายหรือส่งต่อให้คนอื่น

เมื่อเราต้องการขายอุปกรณ์หรือส่งต่ออุปกรณ์ให้กับผู้อื่น ให้เราลงชื่อออกจาก Apple ID ให้เรียบร้อย เพื่อมั่นใจได้ว่า ข้อมูลรายชื่อผู้ติดต่อ รูปภาพ ข้อความ และข้อมูลอื่น ๆ จะไม่อยู่ในเครื่องและผู้อื่นก็ไม่สามารถเข้าถึงได้ ลงชื่อออกแล้วอย่าลืมล้างเครื่องด้วยนะ

ทั้งหมดนี้ก็เป็นวิธีรักษาบัญชี Apple ID และ iCloud ของเราให้ปลอดภัยอยู่เสมอ ป้องกันไม่ให้ผู้อื่นสามารถเข้าถึงข้อมูลที่สำคัญหรือข้อมูลที่ละเอียดอ่อนของเราได้ ก็ลองนำไปปรับใช้กันดูนะคะ

ที่มา idownloadblog

ความคิดเห็น - Like เพจ iPhoneMod.net

เขียนโดย Zakura Kim

Bachelor degree of science, Software engineering major, Payap University