สำหรับใครที่อยากใช้โอกาสช่วงต้นปีเริ่มต้นเปลี่ยนแปลงตนเองหรือหันมาดูแลสุขภาพให้ดีขึ้น ทีมงานมีคำแนะนำในการตั้งเป้าหมายเพื่อสุขภาพบน iPhone และ Apple Watch มาแนะนำให้ชมกันค่ะ
New Year, New You ตั้งเป้าหมายให้มีสุขภาพดี ด้วย iPhone และ Apple Watch
1. ปิดวงแหวนกิจกรรมให้ครบทุก ๆ วัน
สำหรับใครที่ใช้ Apple Watch คงจะคุ้นเคยกันดีกับวงแหวนกิจกรรม (Activtiy Ring) ที่มีวงแหวนการเคลื่อนไหว (สีแดง), วงแหวนการออกกำลังกาย (สีเขียว) และวงแหวนการยืน (สีฟ้า) ที่เป็นเป้าหมายเล็ก ๆ ในแต่ละวันให้เราปิดวงแหวนให้ครบทั้ง 3 วง เพื่อสุขภาพที่ดี ผู้ใช้สามารถตั้งเป้าหมายของแต่ละวงแหวนได้ [ชมวิธี]
นอกจากนี้ สำหรับใครที่ไม่มี Apple Watch ก็สามารถใช้แอปฟิตเนส (Fitness) บน iPhone ใน iOS 16 ช่วยวัดการเคลื่อนไหว ที่เป็นวงแหวนสีแดงได้เช่นกัน [ชมวิธีใช้งาน]
2. ตั้งเป้าหมายการนอนหลับ
เราสามารถกำหนดเวลาเข้านอนและเวลาตื่นนอนบน iPhone และ Apple Watch ได้ แนะนำว่าให้กำหนดระยะเวลาการนอน 6-8 ชั่วโมง เพื่อให้ร่างกายได้พักผ่อนอย่างเต็มอิ่ม เมื่อเราตั้งเวลานอนแล้ว อุปกรณ์ก็จะมีการแจ้งเตือนให้เราเตรียมตัวก่อนเข้านอน พร้อมกับแนะนำคำสั่งลัดที่จะช่วยให้เราได้ผ่อนคลายก่อนเข้านอนด้วย
เมื่อถึงเวลาตื่น iPhone ก็จะส่งเสียงปลุก หรือถ้าสวมใส่ Apple Watch เข้านอน เครื่องก็จะปลุกโดยการสั่นที่ข้อมือของเรา พร้อมกับรายงานรายละเอียดการนอนเชิงลึกด้วย ว่าเราหลับลึกแค่ไหน มีการตื่นกลางดึกหรือไม่ เพื่อให้เราใช้ข้อมูลเหล่านี้ไปปรับปรุงการใช้ชีวิตประจำวัน และนอนหลับพักผ่อนอย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลต่อสุขภาพกายและสุขภาพจิตที่ดีขึ้น
3. จำกัดเวลาการเล่นโซเชียล
ใครที่รู้สึกว่าตนเองติดโซเชียลมีเดียมากเกินไป จนไม่สามารถวางโทรศัพท์หรือละสายตาจากแอปโซเชียลได้ ซึ่งการติดโซเชียลมีเดียยนั้นอาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพจิต ประสิทธิภาพการทำงาน และส่งผลต่อเวลาอันมีประโยชน์ในชีวิตประจำวัน
แนะนำให้เราใช้ฟีเจอร์เวลาหน้าจอ (Screen Time) มาเป็นตัวช่วยในการลดเวลาการเล่นโซเชียลมีเดียในแต่ละวัน โดยตั้งค่าช่วงเวลาการเล่นแอปโซเชียลมีเดียต่าง ๆ เช่น เล่นวันละ 2-3 ชั่วโมง [ชมวิธีตั้งค่า]
4. ดั้งเป้าหมายและวางแผนการออกกำลังกาย
เราทราบกันดีอยู่แล้วว่าการออกกำลังกายนั้นส่งผลดีต่อสุขภาพ ทำให้ร่างกายแข็งแรง เคลื่อนไหวคล่องตัว ช่วยเผาผลาญไขมันส่วนเกิน ช่วยให้โลหิตไหลเวียนได้ดี และส่งผลดีอื่น ๆ อีกมากมาย
หากที่ผ่านมา เราเป็นคนที่ไม่มีแรงบันดาลใจในการออกกำลังกายหรือรู้สึกขี้เกียจที่จะเริ่ม ก็สามารถใช้ Apple Watch ช่วยตั้งเป้าหมายการออกกำลังกายหรือกำหนดรูปแบบการออกกำลังกายเองได้ [ชมวิธี] เช่น ตั้งเป้าหมายการเดิน 45 นาที, วิ่ง 30 นาที, เล่นโยคะ 1 ชั่วโมง เป็นต้น การมีเป้าหมายนี้จะช่วยให้เรามีกำลังใจในการออกกำลังกายและทำได้สำเร็จ
ส่วนใครที่มีเฉพาะ iPhone ก็สามารถใช้แอปออกกำลังกายอื่น ๆ มาช่วยให้การวางแผนและตั้งเป้าหมายและวัดการออกกำลังกายของเราได้ [ตัวอย่างแอป FitCoach ที่ช่วยวางแผนการออกกำลังกาย]
5. ดูแลเรื่องอาหารและการดื่มน้ำ
เรื่องโภชนาการอาหารและการดื่มน้ำให้เพียงพอนั้นมีผลต่อสุขภาพโดยตรง ถ้าหากเรารับประทานอาหารที่ดี นำสิ่งที่มีประโยชน์เข้าสู่ร่างกาย ก็จะส่งผลให้สุขภาพและรูปร่างของเราดีขึ้นด้วย ปัจจุบันมีแอปสำหรับ iPhone และ Apple Watch ที่ช่วยวางแผนการทานอาหารและการดื่มน้ำมากมาย ที่จะมาช่วยแนะนำและแจ้งเตือนผู้ใช้ แนะนำดังนี้
แอปอาหาร นับแคล
- 7 แอปแนะนำ เมนูอาหารสำหรับคนรักสุขภาพ
- นับแคลด้วยแอป YAZIO บันทึกง่ายๆ บน Apple Watch สำหรับคนที่ต้องการควบคุมน้ำหนัก
- แนะนำ 4 แอปนับแคลอรี่ สำหรับติดตามการลดน้ำหนักบน Apple Watch
- 10 แอปแนะนำสายสุขภาพสำหรับคนอยากผอม (แบบมีสุขภาพดี)
- แอปนับแคล Calory ดูข้อมูลแคลอรี่ละเอียดขึ้น ติดตามการดื่มน้ำ และอื่น ๆ อีกมากมาย
แอปบันทึกและแจ้งเตือนการดื่มน้ำ
- แอปฟรี H2O เตือนให้ดื่มน้ำ สำหรับ Apple Watch และ iPhone
- แอป Drink Control ตัวช่วยติดตามการดื่มน้ำบน Apple Watch
- My Water Balance ตัวช่วยเรื่องการดื่มน้ำ ใช้งานร่วมกับ iPhone, Apple Watch
- วิธีสร้างคำสั่งลัด (Shortcuts) บันทึกการดื่มน้ำประจำวัน ในแอปสุขภาพบน iPhone
6. ติดตามการทานยาและวิตามิน
ใน iOS 16 และ watchOS 9 ได้เพิ่มฟีเจอร์การทานยา (Medication) ที่ผู้ใช้สามารถเพิ่มข้อมูลยาหรือวิตามินที่ทานเป็นประจำ กำหนดเวลาทานยา และข้อบ่งชี้ต่าง ๆ ของยาได้ และอุปกรณ์ก็จะช่วยแจ้งเตือนการทานยาตามเวลาที่เรากำหนดไว้ด้วย ป้องกันการลืมทานยาหรือวิตามินที่เราทานประจำได้ [ชมวิธีอย่างละเอียด]
เราสามารถเพิ่มยาหรือวิตามินที่ทานอยู่เป็นประจำ และกรอกรายละเอียดเกี่ยวกับขนาดของยา เวลาที่เราทาน เช่น เช้า กลางวัน เย็น หลังจากที่กำหนดรายละเอียดการทานยาแล้ว เมื่อถึงเวลาทานยา อุปกรณ์ก็จะแจ้งเตือนให้เราทราบ และให้เราบันทึกข้อมูลการทานยา พร้อมเก็บเป็นประวัติว่าเราทานยาอะไรบ้าง ข้อมูลส่วนนี้ช่วยให้เรานำไปใช้ในการพบแพทย์ได้อีกด้วย
7. ติดตามก้าวเดิน (Step Count)
เราคงจะเคยได้ยินกันมาว่า การเดินเพื่อสุขภาพที่ดีนั้น ต้องเดินประมาณวันละ 10,000 ก้าว เพื่อให้ร่างกายได้เผาผลาญพลังงานมากขึ้น จำนวนแคลลอรี่ที่เผาผลาญโดยประมาณจะอยู่ที่ 500 กิโลแคลอรี่ ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับร่างกายขอแต่ละคน
ดังนั้นถ้าหากเราอาจจะเดินให้ได้มากขึ้น เราอาจจะต้องเปลี่ยนพฤติกรรมประจำวัน เช่น เปลี่ยนการขึ้นลิฟต์เป็นขึ้นบันไดแทน, การเดินทางระยะสั้น ๆ เปลี่ยนการนั่งรถเป็นการเดินแทน และถ้าหากเราทำงานนั่งแช่นาน ๆ ก็จะอาจจะหาเวลาลุกขึ้นเดินผ่อนคลายบ้าง
เราสามารถติดตามก้าวเดินได้บน iPhone ในแอปฟิตเนสหรือแอปสุขภาพ เพื่อดูว่าวันนี้เราเดินไปกี่ก้าวแล้ว แต่การติดตามด้วย iPhone นั้น เราอาจจะต้องพกพาเครื่องติดตัวไปด้วย ถึงจะมีการนับก้าวเดิน
ส่วนบน Apple Watch หากเราสวมใส่ทั้งวันอยู่แล้ว อุปกรณ์ก็จะติดตามก้าวเดินอัตโนมัติ สามารถติดตามได้ในแอปฟิตแนส หรืออาจจะใช้แอปอื่น ๆ ช่วยติดตามและตั้งค่าเป็นกลไกหน้าปัด เพื่อดูก้าวเดินได้ง่ายขึ้น เช่น แอป StepsApp, Pedometer++, StepDog เป็นต้น
8. ฝึกสะท้อนความคิดและฝึกหายใจ
นอกจากเราจะต้องดูและสุขภาพกายให้แข็งแรงแล้ว สุขภาพจิตก็สำคัญมาก ๆ เช่นกัน หากเราต้องเผชิญกับการทำงานที่เคร่งเครียด แนะนำว่าให้เราฝึกสะท้อนความคิดและฝึกหายใจ เพื่อผ่อนคลายความเครียดลงบ้าง
การสะท้อนความคิด (Reflect) ช่วยให้ผู้ใช้ Apple Watch ได้ใช้เวลาสั้น ๆ จดจ่ออยู่กับลมหายใจและคิดเชิงบวกตามคำแนะนำในแต่ละเซสชั่น เพื่อให้เราได้ทบทวนสิ่งต่าง ๆ ปล่อยวาง และเกิดความคิดพลังบวกมากขึ้น
นอกจากนี้เรายังสามารถฝึกหายใจลึก ๆ เพื่อนำเอาออกซิเจนเข้าสู่ร่างกาย ช่วยให้การทำงานระหว่างอวัยวะประสานกันได้ดี และออกซิเจนที่เข้าไปนั้นสามารถขจัดของเสียหรือสารพิษที่ตกค้างให้ออกจากร่างกายได้ รวมถึงช่วยลดความกังวลและอาการแพนิคได้อีก้ดวย [ชมวิธีการใช้งานอย่างละเอียด] ซึ่ง 2 ฟีเจอร์นี้สามารถใช้งานได้บน Apple Watch
ทั้งหมดนี้ก็เป็นคำแนะนำสำหรับการตั้งเป้าหมายเพื่อสุขภาพที่ดีขึ้น สำหรับใครที่ตั้งใจจะเริ่มต้นดูแลสุขภาพของตัวเอง ก็สามารถเริ่มตั้งเป้าหมายง่าย ๆ กันได้เลย เชื่อว่าทุกคนทำได้!