เปิดตัว Vision Pro แว่น AR/VR รุ่นแรกของ Apple ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วในงาน WWDC2023 ค่ำคืนวันที่ 5 มิถุนายนที่ผ่านมา พร้อมกับ OS ใหม่ อย่าง visionOS จะมีอะไรที่น่าสนใจบ้าง ไปดูกันเลย!
เปิดตัว Vision Pro แว่น AR/VR รุ่นแรกของ Apple
Apple เปิดตัว แว่น AR/VR รุ่นแรกของตัวเองในงาน WWDC23 โดยใช้ชื่อว่า “Vision Pro”
เรียกว่าหลุดโผรายชื่อก่อนหน้าที่มีข่าวลือว่าจะใช้ชื่อในธีม Reality
แว่น Vision Pro ตัวนี้ถือเป็นการเปิดตัวอุปกรณ์ตัวใหม่ ของ Apple เมื่อนับจาก Apple Watch ในปี 2015
พร้อมกับการเปิดตัว OS ใหม่ล่าสุด visionOS จะมีอะไรที่น่าสนใจบ้าง เรามาดูไปพร้อมกันเลย
ดีไซน์
ดีไซน์ของ Vision Pro นั้น ลักษณะของตัวแว่นจะเป็นแว่น Google คล้ายกับแว่นดำน้ำ มีฐานครอบลงบนหน้าของเราเพื่อป้องกันแสงรบกวนจากภายนอก ซึ่ง Apple ได้บอกไว้ว่ามีการพัฒนามากว่า 10 ปี มุ่งเป้าออกแบบมาเพื่อให้การสวมใส่นั้นเบา
HeadBand สายรัดหัวด้านหลัง มีลักษณะแบบสายรัดของ Apple Watch สามารถปรับระยะของหัวเราได้ ซึ่งสายรัดหัวตรงนี้จะติดกับตัวแว่นด้วยแม่เหล็ก
มีปุ่ม Digital Crown อยู่ด้านขวาบนสำหรับการสั่งการ และ ปุ่มกดที่อยู่ด้านซ้ายบนของตัวแว่น คล้ายกับปุ่มของ AirPods Max มีลำโพงอยู่ที่ด้านขวาบริเวณใกล้หูของผู้สวมใส่ที่รองรับ Spacial Audio
ตัวขอบของแว่นทำมาจากวัสดุอัลลอย มีความแข็งแรง ทนทาน และน้ำหนักเบา หน้าจอด้านในสำหรับตาทั้ง 2 ข้างเป็นหน้าจอ Micro-OLED เลนส์ 3 ชั้น ให้เห็นภาพได้คมชัดมากขึ้น ดูแบบ 4K สีคมชัด มีพิกเซลมากถึง 23 ล้านพิกเซล
การใช้งาน
ตัว Vision Pro นั้นไม่มีจอยคอนโทรลเลอร์สำหรับควบคุมการสั่งการ โดยจะใช้การติดตามสายตา และการเคลื่อนไหวมือในการควบคุมแทน รวมถึงการสั่งการผ่านเสียง เช่น Siri
ไฮไลท์คือการควบคุมผ่านคำสั่งมือนั้น สามารถทำได้เป็นธรรมชาติ ไม่ต้องยกมือขึ้นมาในระดับสายตาขณะสวมแว่น ใช้งานตามปกติได้เลย
โดยเมื่อสวมแว่นลงไป ภาพที่เราเห็น จะเห็นทั้งภาพที่กล้องถ่ายสภาพแวดล้อมภายนอกออกมา และหน้าต่าง UI การทำงานของแอปต่าง ๆ โดยสามารถปรับรายละเอียดต่าง ๆ บนหน้าจอได้ ละเอียดมากๆ เช่น การปรับขนาดหน้าจอแอป การปรับแต่งตำแหน่ง ขนาดแอป วิตเจ็ต ต่าง ๆ , ปรับระยะการแสดงผล ตำแหน่ง ขนาด ลึก ตื้น ใกล้ ไกล
ปรับสภาพแวดล้อมให้เหมือนกับหนังที่เราดูอยู่ได้ด้วยการหมุนปุ่ม Digital Crown
รองรับการใช้งานได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการประชุม ดูหนัง สามารถขยายหน้าจอหนังได้ เปลี่ยนฉากหลังขณะที่เราดูหนังได้กว้าง 100 ฟุต, เปิดประสบการณ์ดูหนังแบบ 3 มิติ
ดูการแข่งขันกีฬา หรือจะใช้งานกับเครื่อง Mac สำหรับการแสดงหน้าจอแอปต่าง ๆ ก็สามารถทำได้
สำหรับการใช้งาน FaceTime จะต้องทำการสแกนหน้าก่อน เพื่อสร้างหน้าเสมือนจริงขึ้นมาใช้งานขณะที่เราสวมแว่นตาอยู่ ที่เรียกว่า Digital Persona
Vision Pro สามารถใส่ทำงาน ใส่อยู่บ้าน ขยับตัวได้คล่อง เพราะเรายังคงเห็นสภาพแวดล้อมด้านนอกอยู่ มีแบตเตอรี่ External แยกที่สามารถใช้งานได้นาน 2 ชั่วโมง สำหรับแบตเตอรี่จะต่อแยกออกมาจากตัวแว่น และชาร์จผ่านสาย MagSafe ด้านข้างของตัว Vision Pro
เก็บตกจุดเด่นเล็ก ๆ ในงานเปิดตัว Vision Pro คือ สามารถดูรูป Panorama ได้เต็มจอเสมือนถ่ายมา ณ สถานที่นั้นเลย และ Disney+ จะรองรับการใช้งาน Vision Pro ตั้งแต่วันแรกที่วางขาย ดูหนังไปด้วย และ เสมือนว่าเราเป็นตัวละครในเรื่องไปด้วยได้
เทคโนโลยีเด่น
- ชิปประมวลผลของ Vision Pro ใช้ชิป M2 ในการประมวลผลภาพรวม และ ชิป R1 สำหรับการประมวลผลรูป วีดีโอ ที่แสดงบนหน้าจอให้มีความสมจริง
- กล้องหลัก 2 ตัว, กล้องด้านล่าง 2 ตัว, กล้องด้านข้าง 2 ตัว และ เซนเซอร์ IR (โดยรวมแล้วมีกล้องทั้งหมด 12 ตัว, เซนเซอร์ 5 ตัว และ ไมโครโฟน 6 ตัว
- Eyesight : หน้าจอแสดงผลด้านนอกที่จะแสดงรูปหน้าของผู้สวมใส่ออกมาบนหน้าจอด้านนอกแบบ 3D ได้สมจริง และด้วยฟีเจอร์ Eyesight นี้ เราสามารถถ่ายวีดีโอมุมมองแบบ 3D Camera ครั้งแรกของ Apple เพื่อเก็บเป็นโมเมนต์ความทรงจำต่าง ๆ ได้
- รองรับ Spacial Audio : ระบบเสียงสมจริง ทำให้รู้สึกว่าเสียงมาจากรอบตัว และวิเคราะห์เสียงให้เหมาะกับสถานที่ที่เราอยู่ได้
- ใช้งานร่วมกับ Mac ได้ โดยแสดงหน้าจอแอปบน Mac ที่เราใช้อยู่ได้เลย
- สำหรับ Facetime : ต้องทำการสแกนหน้าก่อน เพื่อสร้างหน้าเสมือนในโลกจริง เมื่อสวมใส่แว่น เรียกว่า Digital Persona
- มีคีย์บอร์ดเสมือน Virtual Keyboard หรือ ใช้คียฺบอร์ดจริง, Mouse จริงก็ได้ ด้วยเชื่อมต่อผ่าน Bluetooth
- ใช้งานร่วมกับ iPhone, iPad, Mac ได้
visionOS OS ใหม่ทำอะไรได้บ้าง ?
OS ใหม่ที่ใช้งานร่วมกับ visionOS จะมีหน้าตา UI คล้ายคลึงกันกับ iOS, iPadOS, WatchOS ไฮไลท์จากการเปิดตัวในงาน WWDC23 คือสามารถใช้ร่วมกับการศึกษาการแพทย์ ได้ในรูปแบบ Model 3D เพื่อให้เห็นรายละเอียดมากขึ้น หรือจะเป็น อุตสาหกรรมการผลิตยานยนต์
รองรับการใช้งานแอปพลิเคชันบน Microsoft Team, Zoom, Webex และอื่น ๆ และ visionOS จะมี App Store เป็นของตัวเอง ที่แอปต่าง ๆ จะรองรับการใช้งานกับ Vision Pro
สิ่งใหม่ที่เข้ามาใน visionOS เลยนั่นก็คือ OpticID เป็นการแสกนเพื่อปลดล็อคอุปกรณ์ด้วยม่านตา ใช้งานได้เหมือนกับ FaceID, TouchID เช่นการซื้อแอป, การกรอก Password เพื่อป้องกันคนอื่นมาใช้งาน หรือมากดซื้อแอปในแว่นของเราได้
ราคาและวันเปิดวางจำหน่าย
Vision Pro เปิดตัวในราคา $3499 หรือ คิดเป็นเงินไทยประมาณ 12X,XXX บาท โดยจะเปิดวางจำหน่ายใน สหรัฐอเมริกาก่อน สำหรับโซนประเทศไทยต้องรอติดตามกันว่าจะเปิดขายที่ราคาเริ่มต้นเท่าไหร่