in ,

วิธีสังเกตอีเมลจริงจาก Apple พร้อมวิธีตรวจสอบอีเมลหลอกลวงและฟิชชิ่ง

อ่านก่อนโดนโกง! หลายคนได้รับอีเมลอ้างว่าเป็นอีเมลจาก Apple เพื่อหลอกให้เรากรอกข้อมูลส่วนตัว ทีมงานมีวิธีสังเกตอีเมลและวิธีรับมือมาบอก

วิธีสังเกตอีเมลจริงจาก Apple พร้อมวิธีตรวจสอบอีเมลหลอกลวงและฟิชชิ่ง

มีหลายคนที่ได้รับอีเมลแปลก ๆ ที่อ้างว่าส่งมาจาก Apple โดยเนื้อความในอีเมลจะเป็นประมาณว่า “มีการอัปเดต Apple ID ของคุณ เมื่อวันที่… เวลา…” อาจทำให้หลายคนตกใจเพราะรู้ตัวว่าเราไม่ได้ดำเนินการใด ๆ กับ Apple ID ของเรา แต่มีอีเมลส่งมาได้ยังไง ?

ตัวอย่างอีเมลปลอมที่อ้างว่าส่งมาจาก Apple 

สังเกตว่าที่อยู่อีเมลจะเป็นชื่อแปลก ๆ และไม่มีความเกี่ยวข้อง หรือสื่อถึงบริษัท Apple แต่อย่างใด

หากเรามั่นใจว่าเราไม่ได้เป็นคนดำเนินการ ข้อแรกให้สันนิษฐานก่อนว่า เป็นการฟิชชิ่ง หลอกลวงให้เรากรอกข้อมูลส่วนตัว รวมถึง Apple ID และรหัสผ่านเพื่อขโมยข้อมูลส่วนตัวของเรา สิ่งที่ต้องทำคือตั้งสติ ห้ามกดลิ้งก์หรือกรอกข้อมูลใด ๆ ในลิ้งก์ที่แนบมาเด็ดขาด

ข้อสังเกตเพิ่มเติมที่เข้าข่ายการ “ฟิชชิ่ง”

  • อีเมลปลอมและข้อความอื่นๆ ที่อยู่อีเมลหรือหมายเลขโทรศัพท์ของผู้ส่งไม่ตรงกับชื่อของบริษัทที่อ้าง
  • ลิงก์ในข้อความดูเหมือนถูกต้อง แต่ URL ไม่ตรงกับเว็บไซต์ของบริษัท
  • ป๊อปอัปและโฆษณาที่ทำให้เข้าใจผิดว่าอุปกรณ์ของคุณมีปัญหาด้านความปลอดภัย
  • ข้อความดูแตกต่างจากข้อความอื่น ๆ ที่คุณเคยได้รับจากบริษัทนั้น ๆ อย่างเห็นได้ชัด
  • ข้อความมีการร้องขอข้อมูลส่วนตัวของคุณ เช่น หมายเลขบัตรเครดิตหรือรหัสผ่านบัญชี
  • ข้อความถูกส่งมาโดยที่ไม่ได้ร้องขอและมีไฟล์แนบ

วิธีการตรวจว่าเป็นอีเมลจริงที่ส่งมาจาก Apple

ให้ลองสังเกตอีเมลที่ส่งมา ดูชื่ออีเมล โดยอีเมลที่ส่งมาจาก Apple มักลงท้ายด้วย xxxx@xx.apple.com เช่น

ตัวอย่างที่อยู่อีเมลจริงที่ส่งมาจาก Apple 

  • no_reply@email.apple.com
  • developer@insideapple.apple.com
  • appleid@id.apple.com
  • appletv@insideapple.apple.com
  • News_asia@insideapple.apple.com
  • appstore@insideapple.apple.com

หากไม่แน่ใจลองเข้าไปเช็คอีเมลบนคอมพิวเตอร์ก่อน เพราะหากดูผ่านโทรศัพท์มือถือ อาจจะเห็นรายละเอียดที่น้อยกว่า

ตัวอย่าง หากเราเข้ามาเช็คอีเมลใน Gmail บนคอมพิวเตอร์หรือแล็บท็อป หากเป็นอีเมลที่ได้รับการยืนยันว่าส่งมาจากบริษัทใหญ่เช่น Apple จริง ๆ จะมีเครื่องหมายติ๊กถูกสีฟ้า ซึ่งเป็นเครื่องหมายยืนยันตัวตนกำกับอยู่

หากมีเครื่องหมายยืนยันตัวตนสีฟ้าอยู่หลังชื่อก็มั่นใจได้เลยว่า อีเมลนั้นถูกส่งมาจาก Apple จริง ๆ

วิธีรีบมือหากได้รับอีเมลปลอมหรืออีเมลฟิชชิ่ง

ขั้นแรกคือ อย่ากดลิ้งก์ที่แนบมา หรือดำเนินการใด ๆ เด็ดขาด ให้ลบอีเมลทิ้งได้เลยเพื่อป้องกันการสับสนในภายหลัง

เมื่อเราเผลอกดลิ้งก์ที่แนบมากับอีเมลปลอมไปแล้วจะทำอย่างไร ?

ปกติแล้วการกดลิ้งก์อาจไม่ได้ส่งผลอะไรมาก ที่สำคัญก็คืออย่ากรอกข้อมูลส่วนตัว เช่น หมายเลขบัตรเครดิต เบอร์โทร หรือหรัสผ่าน เพราะ Apple จะไม่ส่งลิ้งก์มาและถามข้อมูลเหล่านี้จากเรา

วิธีการป้องกัน

  • ใช้การตรวจสอบสิทธิ์สองปัจจัย รักษาข้อมูลการติดต่อของคุณให้ปลอดภัยอยู่เสมอ
  • ไม่เปิดเผยรหัสผ่าน Apple ID หรือรหัสยืนยันกับใครก็ตาม (Apple จะไม่ถามข้อมูลนี้จากเราเพื่อให้บริการช่วยเหลือ)
  • ดาวน์โหลดแอปหรือซอฟต์แวร์จากแหล่งที่เชื่อถือได้เท่านั้น เช่น จาก App Store
  • อย่ากดลิงก์หรือเปิดไฟล์แนบในข้อความส่งที่น่าสงสัยหรือไม่ได้รับเชิญ

หาก Apple ID ถูกแฮ็กไปแล้ว ไม่สามารถใช้งานหรือล็อกอิน Apple ID ได้ควรทำอย่างไร ?

หากเราตกเป็นเหยื่อของการฟิชชิ่งไปแล้ว และ Apple ID ของเราถูกแฮ็ก เราอาจจะไม่สามารถล็อกอิน Apple ID ได้อีก เพราะรหัสผ่าน Apple ID เบอร์โทรศัพท์ รวมถึงอุปกรณ์ที่เชื่อถือได้อาจถูกลบออกไปจนหมด สิ่งที่เราต้องทำหากอยากได้ Apple ID คืน ให้ติดต่อ Apple Support เพื่อข้อความช่วยเหลือ

เข้าไปที่ : https://support.apple.com/th-th ติดต่อเจ้าหน้าที่ของ Apple ได้เลย ในขั้นตอนการรับการช่วยเหลือเราอาจจะต้องยืนยันตัวตนด้วยข้อมูลส่วนตัวต่าง ๆ

หากทำตามคำแนะนำและมีสติ เราจะไม่ถูกหลอกเอาข้อมูลง่าย ๆ แน่นอนค่ะ

ความคิดเห็น - Like เพจ iPhoneMod.net

เขียนโดย Nooknick Yanika

Humanities, English Literature
Chiangmai University