Apple ได้เปิดตัว Apple Pencil รุ่นใหม่ คือ Apple Pencil Pro ในราคาเพียง 4,990 บาท วันนี้เราก็จะมาเปรียบเทียบให้ชมกันว่า Apple Pencil ทั้งหมด 4 รุ่น รวมถึงรุ่นใหม่มีฟีเจอร์อะไรบ้าง
เปรียบเทียบ Apple Pencil ทั้งหมด 4 รุ่น!
ณ ปัจจุบัน Apple Pencil มีทั้งหมด 4 รุ่น ดังนี้
Apple Pencil 1
ตัว Apple Pencil รุ่นนี้จะมีความมันวาวและลื่น สามารถเชื่อมต่อและชาร์จผ่านหัวต่อ Lightning ได้ และมีการรองรับความไวต่อแรงกดของปากกาทำให้การวาดภาพมีความสมจริงมากยิ่งขึ้น แต่น่าเสียดายที่รุ่นนี้ยังไม่รองรับฟีเจอร์ยกปลาย
iPad รุ่นที่รองรับ
- iPad Pro รุ่น 12.9 นิ้ว (รุ่นที่ 1 และ 2)
- iPad Pro รุ่น 10.5 นิ้ว
- iPad Pro รุ่น 9.7 นิ้ว
- iPad Air (รุ่นที่ 3)
- iPad mini (รุ่นที่ 5)
- iPad (รุ่นที่ 6, 7, 8, 9 และ 10)
ราคา Apple Pencil รุ่นที่ 1
- 3,900 บาท
Apple Pencil 2
รุ่นนี้เป็นรุ่นที่ค่อนข้างได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก เพราะด้วยฟีเจอร์ในการใช้งานมีความครบครัน ซึ่งเหมาะกับคนที่ใช้ Apple Pencil ในการทำงานและการวาดรูป รุ่นนี้สามารถเชื่อมต่อและชาร์จแบบไร้สาย โดยยึดติดกับแม่เหล็กด้านข้างของ iPad ได้เลย ทำให้สะดวกในการชาร์จและเก็บ
iPad รุ่นที่รองรับ
- iPad Pro รุ่น 12.9 นิ้ว (รุ่นที่ 3, 4, 5 และ 6)
- iPad Pro รุ่น 11 นิ้ว (รุ่นที่ 1, 2, 3 และ 4)
- iPad Air (รุ่นที่ 4 และ 5)
- iPad mini (รุ่นที่ 6)
ราคา Apple Pencil รุ่นที่ 2
- 4,990 บาท
Apple Pencil Port USB-C
รุ่นนี้เป็นรุ่นที่มีราคาถูกที่สุด และความพิเศษของ Apple Pecil นี้ สามารถเชื่อมต่อและชาร์จผ่านหัวต่อ USB-C ทำให้การใช้งานกับ iPad รุ่นใหม่ ๆ ง่ายขึ้น เช่น iPad รุ่นที่ 10 นอกจากนี้ยังสามารถยึดติดกับแม่เหล็กด้านข้างของ iPad ได้ แต่จะไม่สามารถชาร์จได้ ต้องเสียบสายชาร์จเท่านั้น นอกจากนี้รุ่นนี้ยังรองรับฟีเจอร์การยกปลายด้วย
iPad รุ่นที่รองรับ
- iPad Pro รุ่น 13 นิ้ว ชิป M4
- iPad Pro รุ่น 11 นิ้ว ชิป M4
- iPad Air รุ่น 13 นิ้ว ชิป M2
- iPad Air รุ่น 11 นิ้ว ชิป M2
- iPad Pro รุ่น 12.9 นิ้ว (รุ่นที่ 3, 4, 5 และ 6)
- iPad Pro รุ่น 11 นิ้ว (รุ่นที่ 1, 2, 3 และ 4)
- iPad Air (รุ่นที่ 4 และ 5)
- iPad mini (รุ่นที่ 6)
- iPad (รุ่นที่ 10)
ราคา Apple Pencil Port USB-C
- 3,190 บาท
Apple Pencil Pro (รุ่นล่าสุด)
Apple Pencil รุ่นใหม่ที่พึ่งเปิดตัวไปในงาน Apple Event “Let Loose” ได้เพิ่มฟีเจอร์ใหม่ ๆ มาเพียบ ไม่ว่าจะเป็นการบีบ การลากพร้อมหมุน และการตอบสนองแบบสั่น (Haptic Feedback) หรือจะเป็นฟีเจอร์การยกปลายที่เราสามารถดูตัวอย่างก่อนการสัมผัสบนหน้าจอได้ ไม่ว่าจะเป็นการดูไอคอนและการวาดลงบนแอปวาดรูปต่าง ๆ รวมถึงการแตะสองครั้งเพื่อสลับเครื่องมือปากกาและยางลบ
นอกจากนี้ถ้าเราลืม Apple Pencil Pro ไว้ที่ไหนเราก็สามารถค้นหาด้วยแอป Find My ได้ในทันที และ Apple Pencil Pro ยังสามารถชาร์จและติดเข้ากับด้านข้างของ iPad ด้วยแม่เหล็กได้อีกด้วย
iPad รุ่นที่รองรับ
- iPad Pro รุ่น 13 นิ้ว ชิป M4
- iPad Pro รุ่น 11 นิ้ว ชิป M4
- iPad Air รุ่น 13 นิ้ว ชิป M2
- iPad Air รุ่น 11 นิ้ว ชิป M2
ราคา Apple Pencil Pro
- 4,990 บาท (รุ่นนี้ยังไม่เปิดจำหน่าย)
Apple Pencil 1 เปรียบเทียบกับ Apple Pencil Port USB-C
Apple Pencil 1 จะต่างกับ Apple Pencil Port USB-C ตรงที่มีฟีเจอร์การรองรับความไวต่อแรงกด ทำให้การวาดและการใช้งาน Apple Pencil สะดวกและมีความสมจริงในการวาดมากกว่า ส่วนตัว Apple Pencil Port USB-C จะสามารถเชื่อมต่อและชาร์จผ่านหัวต่อ USB-C ทำให้การใช้งานกับ iPad รุ่นใหม่ ๆ ง่ายขึ้น หรือยึดติดกับแม่เหล็กด้านข้างของ iPad ทำให้สะดวกในการชาร์จและเก็บ แต่แตกต่างจาก Apple Pencil 1 ที่ไม่สามารถยึดติดกับแม่เหล็กด้านข้างของ iPad ได้ ทำให้การเก็บและพกพาอาจจะไม่ค่อยสะดวก
สรุปแล้วสำหรับใครที่ชอบใช้ Apple Pencil เพื่อทำให้การวาดและการใช้งาน Apple Pencil สะดวกและมีความสมจริงในการวาดมากกว่า ทีมงานแนะนำให้ซื้อเป็น Apple Pencil 1 แต่ถ้าใครต้องการเชื่อมต่อและชาร์จผ่านหัวต่อ USB-C ทำให้การใช้งานกับ iPad รุ่นใหม่ ๆ ง่ายขึ้น หรือยึดติดกับแม่เหล็กด้านข้างของ iPad ทำให้สะดวกในการชาร์จและเก็บทีมงานขอแนะนำเป็น Apple Pencil Port USB-C
Apple Pencil 2 เปรียบเทียบกับ Apple Pencil Pro และ Apple Pencil Port USB-C
Apple Pencil 2 และ Apple Pencil Pro มีความแตกต่างกันค่อนข้างเยอะ เพราะ Apple Pencil Pro เป็นรุ่นใหม่ที่พึ่งเปิดตัวไป และมาพร้อมฟีเจอร์ใหม่ ๆ เช่น การบีบ การลากพร้อมหมุน การตอบสนองแบบสั่น (Haptic Feedback) และการแตะสองครั้งเพื่อสลับเครื่องมือปากกาและยางลบ นอกจากนี้ยังสามารถค้นหา Apple Pencil Pro ได้ในทันทีเพียงแค่ใช้แอป Find My และตัว Apple Pencil Port USB-C เหมาะกับคนที่ไม่ต้องการฟีเจอร์ในการใช้งานเยอะมาก แต่ต้องการใช้เพื่อเชื่อมต่อและชาร์จผ่านหัวต่อ USB-C ทำให้การใช้งานกับ iPad รุ่นใหม่ ๆ ง่ายขึ้น แถมใช้ฟีเจอร์การยยกปลายได้
สรุปแล้วสำหรับใครที่ชอบใช้ฟีเจอร์ต่าง ๆ ในการวาดเพื่อทำให้ดูสมจริงและสะดวกมากกว่า ไม่ว่าจะเป็นฟีเจอร์ การตอบสนองแบบสั่น (Haptic Feedback) และการแตะสองครั้งเพื่อสลับเครื่องมือปากกาและยางลบ ทีมงานขอแนะนำให้ซื้อเป็น Apple Pencil Pro และสำหรับใครที่ไม่ต้องการใช้งานฟีเจอร์เยอะแต่ต้องการใช้เพื่อเชื่อมต่อและชาร์จผ่านหัวต่อ USB-C ทำให้การใช้งานกับ iPad รุ่นใหม่ ๆ ง่ายขึ้นแถมมีฟีเจอร์การยกปลายให้ใช้งาน ทีมงานขอแนะนำให้ซื้อ Apple Pencil Port USB-C
และสำหรับใครที่ไม่ต้องการใช้งานฟีเจอร์ใหม่ ๆ เช่น การตอบสนองแบบสั่น (Haptic Feedback) และการแตะสองครั้งเพื่อสลับเครื่องมือปากกาและยางลบ แต่สามารถเชื่อมต่อและชาร์จได้กับด้านข้างของ iPad ทีมงานขอแนะนำให้ซื้อเป็น Apple Pencil 2
สำหรับใครที่สนใจ Apple Pencil รุ่นไหนก็สามารถไปสั่งซื้อเพื่อใช้งานกับ iPad ได้เลย แต่ Apple Pencil Pro ยังไม่มีวางจำหน่าย ต้องรอให้ทาง Apple ประกาศวันจำหน่ายอย่างเป็นทางการอีกที
สั่งซื้อ : Apple Store Online