in

ชาร์จแบต iPhone ยังไงให้เต็มเร็วๆ และสมบูรณ์

หลายคนอาจจะบ่นเรื่อง iPhone แบตหมดเร็วใช้งาน 1 วันเกือบจะไม่พอ อันนี้เข้าใจนะเพราะว่าแบตนั้นประจุมาให้น้อยประกอบกับทุกวันนี้มี 3G, 4G และ Wifi ให้ใช้งานกันทั่วพื้นที่ทำให้หลายๆ คนยิ่งแบตหมดเร็วกันมากขึ้น

ก่อนหน้าได้เสนอวิธีการตั้งค่า iPhone อย่างไรให้สามารถใช้แบตได้เต็มวัน ไปกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว วันนี้ขอเสนอวิธีการที่ว่าจะชาร์จ iPhone ยังไงให้เต็มเร็วและถูกต้องตามหลัก มีขั้นตอนง่ายๆ ดังนี้

1. ปิดเครื่องระหว่างชาร์จ(หรือเปิด Airplane Mode, Low Power Mod แทนก็ได้)

การปิดเครื่องระหว่างการชาร์จจะช่วยให้แบตไม่จ่ายกระแสไปออกดังนั้นจะช่วยเร่งให้การประจุไฟเข้าแบตนั้นทำได้อย่างรวดเร็วมากยิ่งขึ้น แต่ถ้าหากไม่ต้องการเปิดเครื่องก็สามารถเปิด Airplane mode ระหว่างการชาร์จก็ได้เช่นกัน ทำแบบนี้จะช่วยให้ iPhone ไม่ค้นหาสัญญาณโทรศัพท์และปิดอุปกรณ์ Wifi ของตัวเครื่องด้วย และที่สำคัญก็ควรจะล็อคหน้าจอระหว่างชาร์จด้วย

2. ใช้ Adapter สำหรับการชาร์จ

iphone-charger

การชาร์จแบตด้วย iPhone (iPad) adapter ที่มาพร้อมกับตัวเครื่องจะช่วยให้เต็มเร็วกว่าผ่านพอร์ต USB ที่อยู่ในเครื่องคอม เนื่องด้วยกำลังไฟที่เหมาะสมที่ทาง Apple ได้ออกมาแบบเพื่อใช้กับอุปกรณ์นั้นๆ โดยเฉพาะ ทำให้มั่นใจได้

3. เก็บในอุณหภูมิที่เหมาะสม

iphone-518101_1280

ความร้อนมีผลต่อประสิทธิภาพของแบตไม่ใช่แค่แบต iPhone เท่านั้น ยิ่งความร้อนสูงๆ ก็ยิ่งส่งผลให้คุณภาพแบตนั้นลดลง เสื่อมเร็วขึ้นและถามประสิทธิภาพการชาร์จก็จะลดตามลงไปด้วย

อุณภูมิที่เหมาะสมควรที่สุดอยู่ระหว่าง 22องศา C แต่หากบ้านเราก็รักษาให้อยู่ใกล้เคียงกับอุณหภูมิห้อง คือประมาร 25  องศากำลังดี หากพบว่าเครื่องมีอาการร้อนระหว่างการชาร์จถ้าจะไม่จำเป็นให้เลิกเล่นหรือว่าใช้งานโทรศัพท์เสียก่อนแล้วทำตามขั้นตอนที่ 2 ที่ได้แนะนำเอาไว้

4.  เพิ่มพลังการชาร์จให้พอร์ต USB

asus ai charger

พอร์ต USB ของคอมพิวเตอร์มีการจ่ายไฟออกมาเพื่อเลี้ยงอุปกรณ์ที่ต่อพ่วงเข้าไปแต่ว่ากำลังไฟนั้นก็มีอยู่อย่างจำกัด ยกตัวอย่างเช่น สามารถใช้ชาร์จ iPhone ได้แต่ว่าไม่สามารถชาร์จ iPad ได้เนื่องจากกำลังไฟไม่เพียงพอ

ดังนั้นหากต้องการปรับแต่งให้ USB พอร์ตเพิ่มกำลังไฟเพื่อให้ชาร์จได้เร็วขึ้นแนะนำให้ทำแบบนี้คือ

กรณีที่ปกติ ให้ถอดอุปกรณ์ต่อพ่วงจากพอร์ต USB ให้เหลือเพียงช่องเดียวที่ต่อกับ iPhone เท่านั้น หรือกรณีที่ 2 คือ การติดตั้งแอปลงที่คอมพิวเตอร์เพื่อให้ mainboard นั้นจ่ายกระแจไฟได้แรงขึ้นกว่าปกติ ซึ่งได้แนะนำเอาไว้ที่บทความ เรื่องชาร์จ iPad ผ่าน USB ขึ้น Not Charging แก้ไขได้แล้วมาดูกัน ไปแล้ว สิ่งนี้ก็จะช่วยให้ชาร์จผ่านคอมได้เร็วขึ้น

เท่านี้ก็จะช่วยให้คุณชาร์จแบต iPhone ได้เร็วขึ้นแล้ว ส่วนที่เหลือด้านล่างเป็นเทคนิคเสริมสำหรับการชาร์จและการรักษาแบต iPhone ให้ใช้ได้นานขึ้น

คำเตือน Asus Ai Charger รองรับกับ Windows ไม่ทุกรุ่นนะครับ

5. ชาร์จแบตให้ถูกเวลา

หลายคนจะชอบปล่อยให้แบตจวนจะหมดถึงชาร์จหรือบ้างก็ปล่อยให้หมดค่อยชาร์จใหม่นั่นถือว่าเป็นการปฎิบัติที่ผิดวิธี การทำเช่นนั้นยิ่งส่งผลให้แบตนั้นเสื่อมสภาพเร็วกว่า  แนะนำว่าถ้าเป็นไปได้ควรชาร์จตั้งแต่แบตเหลือประมาณ 40-60% ก็สามารถชาร์จได้แล้ว ไม่ควรปล่อยให้แบตใกล้จะหมดระดับ <10% แล้วถึงเริ่มชาร์จ เพราะมันยิ่งทำให้เซลล์แบตเสื่อมเร็วมากขึ้น

6. ชาร์จให้เต็มจริงๆ

iphone-charge-status

อาจจะสัยว่ามันยังไงถึงจะเรียกว่าชาร์จเต็ม 100% จริง แท้จริงแล้วการชาร์จแบตจะมีอยู่ 3 สถานะ ได้แก่

  • Speed charging – เป็นการชาร์จแบบเร็วเพื่อให้ถึง 80% ของความจุแบต
  • Continuation – เป็นการชาร์จแบตแบบช้าเพื่อให้ถึง 100%  (คนส่วนใหญ่พอถึง 100% แล้วก็จะชอบหยุดชาร์จทันที) แต่ต้องชาร์จต่อไปอีก
  • Trickle Charging – จุดที่กระแสในแบตนั้นคงที่ต้องพยายามให้ชาร์จถึงจุดนี้จึงจะถือว่าสมบูรณ์

ทั้งนี้แนะนำให้ใช้แอปเสริมอย่างเช่น Battery doctor จาก App Store มาช่วยจัดการเรื่องการบอกสถานะการชาร์จทั้งนี้จะป้องกันการ over charge ได้อีกด้วย

ความคิดเห็น - Like เพจ iPhoneMod.net

เขียนโดย Attapon Thaphaengphan

ศิษย์เก่าวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ ม. ขอนแก่น ผู้ก่อตั้ง iPhoneMod.net ตั้งแต่ปี 2009
อดีต Dell Technical Support รู้จัก ​Apple เพราะ Macbook Pro และใช้ iPhone ตั้งแต่รุ่น 3G จนถึงปัจจุบัน

9 Comments

  1. Calibrate battery ให้พังไวขึ้นหรอครับ ???

  2. ทฤษฎี แต่ปฏิบัติ ความเป็นจริงมันไม่ขนาดนั้น
    iphone 3gs เครื่องเก่าผม ใช้มา 3 ปี ชาตจวนจะหมดทุกรอบ เหลือประมาณ 8-25 % ผมชาตมา 1000+ ครั้ง ไม่เห็นมันพัง ไม่เห็นมันเสื่อม ถ้าเล่น social ก็ 1 วันกว่า ๆ ถ้าไม่เล่นเลย กินแบตวันละ 25%

  3. Calibrate battery นี่ผมว่าคือการใช้ให้ต่ำกว่า 20% แล้วชาร์จให้ full cycle นะครับ ไม่ใช่ใช้จนหมด 0% อย่างที่บอก รีดแบตขนาดนั้น แบตน่าจะเสื่อมนะครับเพราะเป็น Lithium-Ion จะมีปัญหาเรื่อง memory effect

  4. ผมว่ามันขัดๆ กับ บทความนี้นะ Calibrate มันจะทำให้ อายุยืนขึ้นได้ยังไง

    ในเมื่อ = ชาร์จ จาก 0% ไป 100% จะได้ประมาณ 300-500 ครั้ง กับ
    ชาร์จ จาก 50% ไป 100% จะชาร์จ ได้ประมาณ 1200-1500 ครั้ง

    แสดงว่า ยิ่งปล่อยให้ % เหลือ น้อยๆ แล้วนำไป ชาร์จ จะทำให้ รอบการ ชาร์จ ลด ลง นะครับ
    http://batteryuniversity.com/learn/article/how_to

    • ให้ทำเดือนละครั้งหรือว่านานๆ ทำครั้งครับไม่ได้ทำทุกวัน

  5. เคย Calibrate แบตครั้งเดียวแล้วแบตเสื่อมเลยครับ ดีที่เครื่องมีประกัน เลยเคลมได้ตัวใหม่มาใช้ จากนั้นก็ไม่เคยใช้จนแบตเหลือ 0% แล้วชาร์ทเลย ควรใช้ให้เหลือสัก 20-30 % แล้วชาร์ทก็ไม่มีปัญหาครับ

  6. ตามคำแนะนำข้อ 2 ครับ

    How to Defeat the Memory Effect of Li-Ion Batteries

    We’ve all got to realize that we can’t get rid of the “memory effect” problem. It’s inherent to the technology — and likely to batteries in general. But now that we know about it, we can adapt and minimize the impact the “memory effect” has on our electronics. It’s fairly simple, which may be one reason why it’s not widely adopted. Keep the following rules in mind:

    – Realize that your batteries don’t like to live at the very top or the very bottom of their charge capacity. Don’t keep your devices on the charger after they’re fully charged. Similarly, don’t leave them dead in a drawer for expended periods of time either.

    – Every once in a while, completely discharge your device, then completely charge it up again. Do that a few times in a row. This will help “condition” the battery and will ensure that you get better use of its capacity. Doing this will reduce the rated lifespan of the battery, but it will get you more practical use out of it and prevent a premature death.

    That’s it. Pretty simple, right? Ironically that’s what HAM Radio operators have been telling us for many decades, and those guys really know their stuff!

  7. ชาร์จแล้วเครื่องเปิดไม่ได้อ่ะค่ะ