9 กันยายน 2024, Apple ได้เปิดตัว Apple Watch Series 10 เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ในงาน Apple Event ‘It’s Glowtime’ มาชมกันว่ามีสิ่งใหม่อะไรบ้าง
สรุปเปิดตัว Apple Watch Series 10 มาพร้อมชิป S10 ใหม่ และตัวเรือนอะลูมิเนียม
ไฮไลท์
- หน้าจอใหญ่สุดใน Apple Watch ทั้งหมด
- หน้าจอ Ion-X Glass
- หน้าจอ OLED Wide Angle มองเห็นมุมข้างที่ชัดขึ้น
- หน้าจอสว่างขึ้น 40%
- มาพร้อมหน้าปัดตัวเลขใหม่
- ตัวเรือนมีทั้งหมด 2 แบบ อลูมิเนียม และไทเทเนียม
- ตัวเรือนมาพร้อม สีดำใหม่ “Jet Black”
- ตัวเรือนอะลูมิเนียม มี 3 สี ได้แก่ Silver, Gold, Jet Black
- ตัวเรือนหนา 9.7 มม.
- ปรับดีไซน์ภายในใหม่ ลดขนาดลำโพงลง 30% ทำให้ตัวเครื่องบางลง
- เพิ่มลำโพงด้านข้าง ฟังเพลง ฟังพ็อดแคสต์ได้
- ปรับส่วน Cellular ใหม่ เพื่อลดขนาดตัวเครื่อง
- รองรับชาร์จเร็ว ชาร์จ 80% ใน 30 นาที
- น้ำหนักเบาลง 10%
- ใช้วิธีการลงสีแบบใหม่ ในตัวเรือนไทเทเนียม ลงสีเงา สวยงาม
- มาพร้อมสายใหม่ สีเดียวกับตัวเรือนไทเทเนียม
- ใช้ชิปประมวล S10, Neural Engine 4-Core ประมวลผลได้ดี ฉลาดขึ้น
แอปสัญญาณชีพใหม่ ช่วยตรวจจับภาวะหยุดหายใจขณะหลับ
แอปสัญญาณชีพใหม่จะแสดงการเปลี่ยนแปลงด้านสุขภาพในตอนกลางคืน ไม่ว่าจะเป็นออกซิเจนในเลือด อัตราการเต้นของหัวใจ อัตราการหายใจ อุณหภูมิข้อมือ และระยะเวลาการนอนหลับ ผู้ใช้จะได้รับการแจ้งเตือนและข้อมูลรายละเอียดเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ ระหว่างนอนหลับ (รองรับในสหรัฐอเมริกา, ยุโรป และญี่ปุ่นก่อน)
ปรับปรุงเซ็นเซอร์ใหม่
ปรับปรุงเซ็นเซอร์การวัดความลึกและอุณหภูมิในน้ำที่ดีขึ้น สามารถวัดใต้ผิวน้ำได้ลึกถึง 6 เมตร ทำให้สามารถใช้งาน Apple Watch Series 10 ในการดำน้ำตื้นหรือใส่ว่ายน้ำในสระได้ รวมถึงเซ็นเซอร์วัดอุณหภูมิในน้ำใหม่ ยังสามารถวัดอุณหภูมน้ำได้ทีทันที่เครื่องอยู่ใต้ผิวน้ำ
นอกจากนี้แอป Oceanic+ ยังสามารถใช้งานกับ Apple Watch Series 10 ซึ่งรองรับการดำน้ำแบบสเอร์เกิล ทำให้ผู้ใช้สามารถค้นหาจุดดำน้ำสนอร์เกิลที่ได้รับนิยมใกล้ ๆ ได้ง่ายขึ้น และในขณะที่กำลังดำน้ำสนอร์เกิล ก็สามารถดูความลึก อุณหภูมิของน้ำ และอีกมากมายได้ในหน้าจอเดียว
อัปเกรดชิปประมวลผลใหม่ S10
ชิปประมวลผล SiP รุ่น S10 ใหม่ ออกแบบมาเพื่อประสิทธิภาพ การประหยัดพลังงาน และความชาญฉลาดอีกด้วยไม่ว่าจะเป็นคำสั่งนิ้ว “แตะสองครั้ง”, Siri บนอุปกรณ์, การป้อนตามคำบอก หรือการตรวจจับการออกกำลังกายอัตโนมัติ ตลอดจนคุณสมบัติด้านความปลอดภัยที่สำคัญๆ อย่างการตรวจจับการชนกันและการตรวจจับการล้ม
- รุ่น S10 พร้อมโปรเซสเซอร์แบบ Dual‑core 64 บิต
- Neural Engine แบบ 4‑core
- ความจุ 64GB
หน้าจอใหญ่ขึ้น และจอสว่างยิ่งขึ้น
หน้าจอ Ion-X Glass แบบ OLED Wide Angle มองเห็นมุมข้างที่ชัดขึ้น จอภาพ Retina มุมกว้างแบบติดตลอด สูงสุด 2,000 นิต สว่างขึ้นสูงสุด 40% เมื่อมองจากด้านข้าง Series 10 มีพื้นที่หน้าจอที่ใหญ่ที่สุดในบรรดา Apple Watch โดยมีพื้นที่หน้าจอมากกว่า Series 3 ถึง 75% และมีพื้นที่หน้าจอมากกว่า Series 4, 5, 6 และ SE ถึง 30% คุณจึงเห็นและทำอะไรต่ออะไรได้มากยิ่งกว่าเดิม
หน้าปัดตัวเลขใหม่
หน้าปัดนาฬิกาใหม่ใน watchOS 11 ออกแบบมาเพื่อใช้ประโยชน์จากจอภาพที่ใหญ่ขึ้นและอัตรารีเฟรชที่เร็วขึ้นบน Apple Watch Series 10 โดยหน้าปัดนาฬิกาฟลักซ์มาพร้อมดีไซน์กราฟิกสุดโดดเด่นที่จะเติมเต็มหน้าจอด้วยสีที่เปลี่ยนไปในแต่ละวินาที
ตัวเครื่องบางที่สุดที่เคยมีมา
Apple Watch Series 10 มีความหนาเพียง 9.7 มม. เนื่องจากมีการปรับดีไซน์ภายในใหม่ ลดขนาดลำโพงลง 30% ปรับส่วน Cellular ใหม่ ทำให้ตัวเครื่องบางลง
การชาร์จที่เร็วขึ้น
การชาร์จ 15 นาทีช่วยให้แบตเตอรี่ใช้งานได้นานสูงสุด 8 ชั่วโมงสำหรับการใช้งานทั่วไปในแต่ละวัน หรือชาร์จ 8 นาที เพื่อติดตามการติดตามการนอนหลับได้สูงสุด 8 ชั่วโมง และการชาร์จเร็วยังทำให้ผู้ใช้ชาร์จแบตเตอรี่ได้สูงสุด 80% ในเวลาประมาณ 30 นาทีอีกด้วย
การเล่นเสียงผ่านลำโพงและการแยกเสียงสำหรับการโทร
ลำโพงในตัวของ Apple Watch Series 10 สามารถเล่นเสียงได้แล้ว โดยผู้ใช้สามารถฟังเสียงจากแอปต่างๆ มากมาย เช่น Apple Music, Apple Podcasts, Apple Books และแอปของบริษัทอื่น ๆ จาก Apple Watch ได้เลยเช่นเดียวกับการโทรเข้าออก
สีและวัสดุ
ตัวเรือนอะลูมิเนียม
- สีเงิน
- โรสโกล์ด
- ดำเจ็ทแบล็ค
ตัวเรือนไทเทเนียม
- สีธรรมชาติ
- สีทอง
- สีเทาสเลท
ราคาและการจัดจำหน่าย
สำหรับประเทศไทย สามารถสั่งซื้อ Apple Watch Series 10 จะเปิดขายในเร็ว ๆ นี้แต่ยังได้กำหนดวันวางขายอย่างเป็นทางการ
ตัวเครื่องอะลูมิเนียม ตัวเลือก GPS หรือ GPS Cellular
- ตัวเรือน 42 มม. ราคาเริ่มต้น 14,900 บาท
- ตัวเรือน 46 มม. ราคาเริ่มต้น 16,900 บาท
ตัวเครื่องไทเทเนียม มาพร้อม GPS+Cellular
- ตัวเรือน 42 มม. ราคาเริ่มต้น 25,900 บาท
- ตัวเรือน 46 มม. ราคาเริ่มต้น 27,900 บาท
ขอแนะนำ Apple Watch Series 10
Apple Watch ที่เพรียวบางที่สุดเท่าที่เคยมีมา
Apple Watch Series 10 นั้นบางกว่า Apple Watch Series 7, Series 8 และ Series 9 เกือบ 10% ซึ่งนอกจากจะมีครบทุกความสามารถสุดล้ำที่ผู้ใช้ชื่นชอบแล้ว ยังมีคุณสมบัติใหม่ๆ เพิ่มเข้ามาโดยที่แบตเตอรี่ยังคงใช้งานได้นานตลอดวันสูงสุด 18 ชั่วโมงเช่นเคย
ฝาหลังที่ผลิตจากโลหะสุดล้ำได้ผสานเสาอากาศเข้ากับฝาครอบตัวเรือน เพื่อรวมส่วนประกอบทั้งสองชั้นเป็นหนึ่งเดียว โดยที่วัสดุ ผิวสัมผัส ตลอดจนสีของฝาหลังนั้นเข้ากับส่วนที่เหลือของตัวเรือนอย่างลงตัว จนดูเหมือนว่านาฬิกาเรือนนี้ผลิตขึ้นจากโลหะชิ้นเดียว
SiP รุ่น S10 ใหม่ได้รับการออกแบบทางวิศวกรรมเพื่อให้ได้ดีไซน์ที่บางลง ทั้งยังออกแบบมาเพื่อประสิทธิภาพ การประหยัดพลังงาน และความชาญฉลาดอีกด้วย ซึ่ง SiP รุ่น S10 และ Neural Engine แบบ 4-core ในตัวนี่แหละที่เป็นขุมพลังขับเคลื่อนคุณสมบัติอันชาญฉลาดที่ผู้ใช้พึ่งพาในทุกๆ วัน
ไม่ว่าจะเป็นคำสั่งนิ้ว “แตะสองครั้ง”, Siri บนอุปกรณ์, การป้อนตามคำบอก หรือการตรวจจับการออกกำลังกายอัตโนมัติ ตลอดจนคุณสมบัติด้านความปลอดภัยที่สำคัญๆ อย่างการตรวจจับการชนกันและการตรวจจับการล้ม รวมไปถึงวิดเจ็ตซ้อนอัจฉริยะที่อัปเดตใหม่ หน้าปัดรูปภาพที่ออกแบบมาใหม่ และแอปแปลภาษาใน watchOS 11
นอกจากจะบางลงแล้ว ตัวเรือนของ Apple Watch Series 10 ยังเบาขึ้นด้วย โดยตัวเรือนอะลูมิเนียมมีน้ำหนักเบากว่า Series 9 สูงสุด 10% ในขณะที่ตัวเรือนไทเทเนียมนั้นมีน้ำหนักเบากว่า Series 9 ตัวเรือนสแตนเลสสตีลเกือบ 20% ตัวเรือนยังมีมุมมนที่โค้งมนยิ่งขึ้นและอัตราส่วนภาพที่กว้างขึ้น ซึ่งทำให้จอภาพมีพื้นที่มากขึ้นโดยที่ตัวเรือนมีขนาดเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ตัวเรือนใหม่จึงมาในขนาด 42 มม. และ 46 มม.
จอภาพบนอุปกรณ์สำหรับสวมใส่ที่ใหญ่ที่สุดและล้ำหน้าที่สุดของ Apple
จอภาพบน Apple Watch คือศูนย์กลางของทุกการโต้ตอบ ตั้งแต่การดูการแจ้งเตือน ไปจนถึงการเหลือบมองตัวชี้วัดการออกกำลังกาย และ Apple Watch Series 10 ก็มีจอภาพที่ใหญ่ที่สุดและล้ำหน้าที่สุดเท่าที่ Apple Watch เคยมีมา
จอภาพที่ใหญ่ขึ้นทำให้ผู้ใช้มีพื้นที่หน้าจอเพิ่มขึ้นสูงสุด 30% เมื่อเทียบกับ Apple Watch Series 4, Series 5 และ Series 6 และเพิ่มขึ้นสูงสุด 9% เมื่อเทียบกับ Apple Watch Series 7, Series 8 และ Series 9
การอ่านและการใช้งานบนจอภาพที่ใหญ่ขึ้นก็สะดวกขึ้นตามไปด้วย อย่างในแอปต่างๆ เช่น ข้อความ หรือ เมล ผู้ใช้จะมองเห็นข้อความในบรรทัดอื่นเพิ่มเติมหรือขยายขนาดฟอนต์ได้โดยไม่กระทบกับเนื้อหา แถมยังช่วยให้การพิมพ์ข้อความ หยุดพักการออกกำลังกาย หรือป้อนรหัสผ่านง่ายดายขึ้นด้วย
Apple Watch Series 10 เป็นผลิตภัณฑ์ Apple รุ่นแรกที่มีจอภาพ OLED แบบมุมกว้างสุดล้ำ ซึ่งช่วยให้แต่ละพิกเซลเปล่งแสงออกมาได้มากขึ้นในมุมมองที่กว้างกว่าเดิม จอภาพจึงสว่างกว่า Series 9 สูงสุด 40% เมื่อมองจากด้านข้าง และอ่านได้ง่ายขึ้นเพียงแค่เหลือบมอง
นอกจากนี้ จอภาพ OLED แบบมุมกว้างยังประหยัดพลังงานยิ่งกว่าเดิม ซึ่งทำให้อัตรารีเฟรชขณะอยู่ในโหมดการแสดงผลแบบติดตลอดเร็วขึ้นจากทุก 1 นาทีเป็นทุก 1 วินาที วันนี้ ผู้ใช้จึงเห็นการเคลื่อนที่ของเข็มวินาทีบนหน้าปัดนาฬิกาบางแบบได้แล้วโดยไม่ต้องยกข้อมือขึ้นมา
หน้าปัดนาฬิกาใหม่ใน watchOS 11 ออกแบบมาเพื่อใช้ประโยชน์จากจอภาพที่ใหญ่ขึ้นและอัตรารีเฟรชที่เร็วขึ้นบน Apple Watch Series 10 โดยหน้าปัดนาฬิกาฟลักซ์มาพร้อมดีไซน์กราฟิกสุดโดดเด่นที่จะเติมเต็มหน้าจอด้วยสีที่เปลี่ยนไปในแต่ละวินาที
ส่วนหน้าปัดนาฬิกาสะท้อนแสงนั้นมาพร้อมหน้าปัดที่เปล่งประกายโดดเด่นซึ่งจะค่อยๆ ตอบรับกับการเคลื่อนไหวของผู้ใช้ โดยเป็นหน้าปัดที่ออกแบบมาเพื่อเติมเต็มความสมบูรณ์แบบให้กับตัวเรือนไทเทเนียมใหม่ที่มีความแวววาวขั้นสุด
การชาร์จที่เร็วขึ้น
ฝาหลังโลหะแบบใหม่ของ Apple Watch Series 10 มาพร้อมขดลวดสำหรับการชาร์จที่ใหญ่ขึ้นและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ซึ่งทำให้ Series 10 เป็น Apple Watch ที่ชาร์จเร็วที่สุดเท่าที่เคยมีมา และทำให้การใช้งานตลอดทั้งกลางวันและกลางคืนนั้นเป็นเรื่องง่ายกว่าที่เคย
การชาร์จ 15 นาทีช่วยให้แบตเตอรี่ใช้งานได้นานสูงสุด 8 ชั่วโมงสำหรับการใช้งานทั่วไปในแต่ละวัน หรือชาร์จ 8 นาทีเพื่อติดตามการติดตามการนอนหลับได้สูงสุด 8 ชั่วโมง และการชาร์จเร็วยังทำให้ผู้ใช้ชาร์จแบตเตอรี่ได้สูงสุด 80% ในเวลาประมาณ 30 นาทีอีกด้วย
การวัดความลึกและอุณหภูมิสำหรับกิจกรรมทางน้ำและแอปน้ำขึ้น-น้ำลงใหม่
Apple Watch เหมาะสำหรับกิจกรรมทางน้ำและรอบๆ แหล่งน้ำด้วยดีไซน์กันน้ำขณะว่ายน้ำที่มีความสามารถในการทนน้ำที่ระดับ 50 เมตร การตรวจจับท่าว่ายน้ำอัตโนมัติ การนับรอบ และวันนี้ watchOS 11 ยังมาพร้อมการออกกำลังกายแบบกำหนดเองสำหรับการว่ายน้ำในสระอีกด้วย
ยิ่งไปกว่านั้นยังมีตัววัดความลึกและเซ็นเซอร์วัดอุณหภูมิน้ำใหม่ที่ทำให้ Apple Watch Series 10 เป็นคู่หูที่ลงตัวยิ่งขึ้นเมื่อผู้ใช้พร้อมลุยกิจกรรมทางน้ำ
ตัววัดความลึกใหม่สามารถวัดใต้ผิวน้ำได้ลึกถึง 6 เมตร จึงเหมาะสำหรับดำน้ำสนอร์เกิลและดำน้ำตื้น หรือจะใส่ว่ายเล่นในสระ ทะเลสาบ หรือทะเลก็ทำได้ นอกจากนี้ เซ็นเซอร์วัดอุณหภูมิน้ำใหม่ยังสามารถวัดอุณหภูมิน้ำได้ทันทีที่ Apple Watch อยู่ใต้ผิวน้ำ
ส่วนแอปความลึกในตัวก็สามารถอ่านได้อย่างชัดเจนเมื่ออยู่ใต้น้ำ โดยจะแสดงเวลา ความลึกปัจจุบัน อุณหภูมิของน้ำ ระยะเวลาที่อยู่ใต้น้ำ และความลึกสูงสุด รวมถึงมีตัวเลือกให้เปิดทำงานโดยอัตโนมัติเมื่อ Apple Watch อยู่ใต้ผิวน้ำ และตัวชี้วัดการออกกำลังกายยังแสดงอุณหภูมิของน้ำระหว่างการว่ายน้ำออกกำลังกายในสระและแหล่งน้ำเปิดได้อีกด้วย
watchOS 11 มาพร้อมแอปน้ำขึ้น-น้ำลงใหม่ที่จะช่วยให้ผู้ใช้วางแผนและเพลิดเพลินไปกับกิจกรรมในแหล่งน้ำเปิด และรับรู้ถึงสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา ผู้ใช้สามารถดูการคาดการณ์ระดับน้ำขึ้นน้ำลงของชายฝั่งและจุดเล่นเซิร์ฟทั่วโลกได้ต่อเนื่องถึง 7 วัน
ซึ่งรวมถึงข้อมูลน้ำขึ้นและน้ำลงเต็มที่ ช่วงน้ำขึ้นและน้ำลง ระดับความสูงและทิศทางของน้ำขึ้นน้ำลง ตลอดจนช่วงเวลาที่ดวงอาทิตย์ขึ้นและดวงอาทิตย์ตก โดยข้อมูลทั้งหมดนี้จะมีการแสดงเทียบกับไทม์ไลน์ นอกจากนี้ยังสามารถดูชายหาดใกล้ๆ ตำแหน่งของตนบนแผนที่ได้อย่างสะดวก และกลไกหน้าปัดใหม่จะแสดงข้อมูลระดับน้ำขึ้นน้ำลง ณ สถานที่โปรดหรือชายหาดที่ใกล้ที่สุดให้มองเห็นได้ง่ายๆ เพียงแค่เหลือบมอง
แอป Oceanic+ สามารถใช้งานบน Apple Watch Series 10 ได้แล้ว และยังมาพร้อมคุณสมบัติใหม่สำหรับการดำน้ำสนอร์เกิล โดยแอปนี้ได้รับการพัฒนาร่วมกับ Huish Outdoors ทำให้ผู้ใช้สามารถค้นหาจุดดำน้ำสนอร์เกิลยอดนิยมที่อยู่ใกล้ๆ ได้อย่างง่ายดาย รวมถึงดูข้อมูลสภาพแวดล้อมที่จัดทำโดยชุมชนนักดำน้ำสนอร์เกิลได้ด้วย และในขณะที่กำลังดำน้ำสนอร์เกิล ก็สามารถดูความลึก อุณหภูมิของน้ำ และอีกมากมายได้ในหน้าจอเดียว
การเล่นเสียงผ่านลำโพงและการแยกเสียงสำหรับการโทร
วันนี้ ลำโพงในตัวของ Apple Watch Series 10 สามารถเล่นเสียงได้แล้ว โดยผู้ใช้สามารถฟังเสียงจากแอปต่างๆ มากมาย เช่น Apple Music, Apple Podcasts, Apple Books และแอปของบริษัทอื่นๆ จาก Apple Watch ได้เลยเช่นเดียวกับการโทรเข้าออก
Apple Watch Series 10 ยังใช้โครงข่ายประสาทสำหรับแยกเสียงใหม่ที่ทำงานบน Neural Engine แบบ 4-core เพื่อลดเสียงรบกวนรอบข้างในขณะคุยโทรศัพท์หรือโทร FaceTime แบบเสียง ดังนั้นปลายสายจึงได้ยินเสียงของผู้ใช้ที่ใสและคมชัด แม้จะอยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีเสียงดัง เช่น ร้านอาหารที่คนแน่นร้าน ถนนในเมือง หรืออยู่กลางแจ้งในวันที่ลมแรง
ผิวสัมผัสอะลูมิเนียมและไทเทเนียมขัดเงาใหม่สุดเรียบหรู
นับเป็นครั้งแรกที่ Apple Watch มาในผิวสัมผัสอะลูมิเนียมแบบขัดเงาในสีดำเจ็ทแบล็คที่ทั้งแวววาวและเปล่งประกายเงางาม ซึ่งการจะทำให้แวววาวได้ขนาดนี้ ตัวเรือนอะลูมิเนียมต้องได้รับการขัดเงาด้วยอนุภาคขนาดนาโน ต่อด้วยกระบวนการชุบผิวถึง 30 ขั้นตอน Apple Watch Series 10 ยังมาในแบบอะลูมิเนียมสีโรสโกลด์ใหม่และแบบอะลูมิเนียมปัดเงาสีเงินยอดนิยมด้วย
นอกจากนี้ Apple Watch Series 10 ยังมีให้เลือกในแบบไทเทเนียมเกรดเดียวกับที่ใช้ในอุตสาหกรรมอวกาศพร้อมผิวสัมผัสแบบขัดเงา ซึ่งมาแทนที่วัสดุสแตนเลสสตีลที่ใช้ในรุ่นก่อน โดยตัวเรือนใหม่นั้นทำมาจากไทเทเนียมเกรด 5 ที่มีผิวสัมผัสสะท้อนแสงแวววาวราวกับอัญมณี และมีน้ำหนักเบากว่า Apple Watch Series 9 ตัวเรือนสแตนเลสสตีลเกือบ 20% ตัวเรือนไทเทเนียมมาในสามสีสุดโดดเด่น ได้แก่ สีธรรมชาติ สีทอง และสีเทาสเลท
เมื่อปีที่แล้ว Apple Watch ได้กลายเป็นผลิตภัณฑ์แรกของ Apple ที่มีความเป็นกลางทางคาร์บอน เพราะสามารถลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนจากแหล่งที่ใหญ่ที่สุดทั้ง 3 แหล่งได้เป็นอย่างมาก ซึ่งได้แก่ วัสดุ ไฟฟ้า และการขนส่ง รวมถึงใช้คาร์บอนเครดิตคุณภาพสูงจากโครงการที่เน้นเรื่องธรรมชาติเพื่อชดเชยการปล่อยส่วนที่เหลืออีกเพียงเล็กน้อย
ซึ่ง Apple Watch Series 10 นั้นเปิดตัวมาพร้อมตัวเรือนที่ทำจากอะลูมิเนียมรีไซเคิล 100% หรือไทเทเนียมรีไซเคิล 95% วันนี้ลูกค้าจึงสามารถเลือก Apple Watch ที่มีความเป็นกลางทางคาร์บอนได้ในทุกวัสดุ และนี่ถือเป็นก้าวสำคัญสู่ Apple 2030 ซึ่งเป็นแผนการอันมุ่งมั่นของ Apple ในการทำให้คาร์บอนฟุตพริ้นต์ทั้งหมดของเรามีความเป็นกลางทางคาร์บอนภายในปี 2030
พบกับ watchOS 11
นอกจากแอปน้ำขึ้น-น้ำลงใหม่แล้ว Apple Watch Series 10 ยังมาพร้อมข้อมูลเชิงลึกด้านสุขภาพและฟิตเนสที่ทรงพลัง รวมทั้งการปรับแต่งอันชาญฉลาดที่มาพร้อม watchOS 11 ซึ่งรวมถึง
watchOS 11 ยังมีวิดเจ็ตซ้อนอัจฉริยะที่ชาญฉลาดยิ่งขึ้นเพื่อช่วยให้ผู้ใช้เข้าถึงข้อมูลสำคัญได้อย่างรวดเร็ว, หน้าปัดนาฬิการูปภาพที่ออกแบบใหม่ที่ใช้การเรียนรู้ของระบบเพื่อช่วยผู้ใช้เลือกและจัดองค์ประกอบภาพที่ดีที่สุด, แอปแปลภาษาและเช็คอินบน Apple Watch, ความสามารถในการเลื่อนดูแอปใดๆ ก็ได้ด้วยคำสั่งนิ้ว “แตะสองครั้ง”, สรุปการแจ้งเตือนที่ขับเคลื่อนโดย Apple Intelligence และอื่น ๆ อีกมากมาย
ผลิตภัณฑ์ตระกูลนี้
สาย
สายแบบ Milanese Loop และ Link Bracelet ได้รับการออกแบบใหม่ด้วยสีที่เข้ากันอย่างลงตัวกับตัวเรือนไทเทเนียมใหม่ของ Apple Watch Series 10
สาย Hermes คอลเลกชั่นใหม่ได้รับแรงบันดาลใจจากประวัติศาสตร์อันยาวนานของแบรนด์ที่โดดเด่นในด้านสิ่งทอและงานฝีมือสุดประณีต สายแบบ Torsade เป็นสายถักที่ได้รับแรงบันดาลใจจากโซ่สมอเรือ โดยมีให้เลือกทั้งแบบ Simple Tour และ Double Tour
ในสามสีสุดโดดเด่น สายแบบ Twill Jump Attelage เป็นสายแบบ Simple Tour ที่โดดเด่นด้วยดีไซน์เพรียวบางและประณีต มาพร้อมขอบสีที่ตัดกันและสัมผัสที่เรียบลื่น สายแบบ Grand H ซึ่งเป็นสายโลหะรุ่นแรกของ Hermès สำหรับ Apple Watch เกิดจากการนำข้อต่อสแตนเลสสตีลผิวสัมผัสแบบซาตินมาเรียงร้อยกัน โดยมาพร้อมข้อต่อรูปตัว “H” สองตัว ข้อต่อที่สามารถถอดออกเพื่อปรับขนาดได้ และตัวล็อครูปปีกผีเสื้อคู่ในแบบดั้งเดิม
สาย Nike Sport Loop และ Nike Sport Band ก็มาในสีสันใหม่สุดโดดเด่นเช่นกัน
แหล่งที่มา- Newsroom