Thitirath Kinaret
เมื่อเทียบจากรอบการอัปเกรด iPhone รุ่นใหม่แล้ว ผู้ใช้ iPhone 11 ควรอย่างมากในการอัปเกรดเป็น iPhone 16 เครื่องใหม่ ใครกำลังตัดสินใจอยู่ มาดูข้อมูลกันได้เลย
เหตุผลที่ผู้ใช้ iPhone 11 ควรอัปเกรดเป็น iPhone 16
Apple เปิดตัว iPhone 16 มาพร้อมกับสิ่งใหม่มากมาย อย่างเช่น กล้องหลังอัปเกรดใหม่, ปุ่ม Action, Camera Control และอื่น ๆ ถึงแม้เทียบกับ iPhone15 แล้วอาจไม่มีสิ่งใหม่เพิ่มเข้ามามาก แต่สำหรับ iPhone 11 แล้ว แตกต่างกันมาก
จอรุ่นใหม่สวยกว่า ชัดกว่า
Apple เริ่มใช้หน้าจอ OLED ใน iPhone รุ่นไม่ Pro ครั้งแรกใน iPhone 12 ปี 2020 ซึ่งผู้ใช้ iPhone 11 นั้นยังเป็นหน้าจอ LCD อยู่ ดังนั้นหากอัปเกรดมาเป็น iPhone 16 จะได้ใช้หน้าจอ OLED ประสิทธิภาพสูง ที่มีรายละเอียดมากกว่า สีสันสวยงามกว่า สีดำเป็นสีดำกว่า ซึ่งดีกว่าหน้าจอ LCD แน่นอน
นอกจากนั้น iPhone 16 ที่ใช้หน้าจอ Super Reina XDR นั้นมาพร้อมความสว่างสูงสุดที่ 2,000 nits ที่กลางแจ้ง สว่างกว่าจอ iPhone 11 ที่สว่างสูงสุด 625 nits เท่านั้น
แบตอึดกว่า!
iPhone 16 มาพร้อมการอัปเกรดเรื่องแบตที่มาพร้อมความจุที่เพิ่มขึ้น (มาก ๆ) เมื่อเทียบกับ iPhone 11, อีกทั้ง iPhone 16 ใช้พอร์ต USB-C รองรับชาร์จเร็วผ่านสายประมาณ 35W ด้วย (iMoD ทดสอบ)
iPhone 16 ยังรองรับการชาร์จไร้สาย MagSafe Qi2 โดยรองรับการชาร์จไร้สาย MagSafe เร็วสุดที่ 25W ซึ่งถือว่าเป็นตัวเลขสเปคการชาร์จไร้สายที่สูงมากพอสมควร
สำหรับเวลาการใช้งานนั้นสเปคเผยว่า iPhone 16 มีเวลาดูวิดีโอสูงกว่า iPhone 11 ถึง 30% ดังนั้นย้ายมาใช้ iPhone 16 จะได้รับประสบการณ์แบตอึกกว่าอย่างแน่นอน
Dynamic Island ดีกว่ารอยบาก
Apple เปิดตัว Dynamic Island มาใน iPhone 14 Pro ครั้งแรก และถูกนำมาใช้ใน iPhone 15, iPhone 16 ทุกรุ่น โดยในแง่การใช้งานนั้น Dynamic Island มีฟังก์ชันการใช้งานมากกว่ารอยบากของ iPhone 11
ตัวอย่างเช่น ผู้ใช้สามารถดูข้อมูลโดยสรุปผ่าน Dynamic Island ได้, ดู Live Activity เช่น สถานะการส่งของได้ และแตะใช้งานแบบรวดเร็ว เช่น หยุดการนับเวลาได้ เป็นต้น
ปุ่มต่าง ๆ ใช้ได้หลากหลายขึ้น
ใน iPhone 16 มีปุ่มรอบเครื่องเพิ่มเข้ามาอีก 2 ปุ่ม ก็คือ ปุ่ม Action และ Camera Control โดยปุ่ม Action นั้นผู้ใช้สามารถตั้งค่าการทำงานของปุ่มให้ทำงานตามที่ต้องการได้ เช่น ตั้งค่าให้กดแล้วเปิดแอปกล้อง, เปิด Flash, แปลภาษา และอื่น ๆ
ต่อมาคือ Camera Control ที่ผู้ใช้สามารถใช้ควบคุมการถ่ายภาพได้โดยไม่ต้องแตะหน้าจอ, รองรับการคลิกเพื่อโฟกัสภาพ, เลื่อนนิ้วเพื่อซูมเข้า ซูมออก ปรับระดับความสว่าง เลือก Tone และอื่น ๆ
โดยใน iPhone 11 จะมีเพียงปุ่ม Power, ปุ่มปรับเสียง และปุ่มปิดเสียงสีส้มให้ใช้เท่านั้น ดังนั้นหากอัปเกรดมาเป็น iPhone 16 ก็จะมีลูกเล่นมากขึ้น
แรง! ด้วยชิป A18, RAM 8GB
iPhone 16 มาพร้อมชิป A18 เป็นชิปตระกูลที่ทรงพลังมากสุดในตอนนี้ รองรับการใช้งานต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ, มี Ray tracing, รองรับการเล่นเกม AAA ได้ด้วย
นอกจากนั้น iPhone 16 ยังมาพร้อม RAM 8GB เท่ากับรุ่น Pro รองรับการประมวลผลต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ใช้ Apple Inteliigence ได้
Apple Intelligence
iPhone 16 ทุกรุ่น แม้แต่รุ่นธรรมดาก็รองรับ Apple Intelligence ระบบอัจฉริยะของ Apple เช่น Clean Up, Siri โฉมใหม่, เครื่องมือช่วยเขียน, สร้าง emoji ด้วยคำสั่งผู้ใช้ และอื่น ๆ
โดยใน iPhone 15 Series นั้น, iPhone 15 รุ่นธรรมดาไม่รองรับ Apple Intelligence ดังนั้นหากใช้ iPhone ตัวธรรมดา ราคาไม่แรงมาก ได้ใช้งาน Apple Intelligence ด้วย, iPhone 16 ตัวเริ่มต้นจึงเหมาะมาก ๆ
กล้องดี
iPhone 16 ถึงแม้จะมีกล้องหลัง 2 ตัวเหมือน iPhone 11 แต่เป็นกล้องหลังที่อัปเกรดใหม่ ใช้งานได้หลากหลายขึ้น เช่น Fusion Camera 48MP ที่ราวกับว่ามีกล้อง 2 ตัวในเลนส์เดียว รองรับถ่าย Wide 1x และ Telephoto 2x ด้วย
ส่วนกล้อง Ultra-wide นั้น ก็อัปเกรดใหม่ แม้จะใช้ความละเอียด 12MP เท่าเดิม แต่ก็รองรับการถ่าย Macro ทำให้กล้องตัวนี้รองรับถ่ายทั้งภาพมุมกว้าง และใกล้ ๆ ได้ในตัวเดียว
การเปลี่ยนแปลงอื่น ๆ
นอกจากไฮไลท์เด่น ๆ ที่ iPhone 16 น่าสนใจสำหรับผู้ใช้ iPhone 11 แล้ว ยังมีจุดอื่นที่น่าสนใจอีก ดังนี้
- ทนน้ำทนฝุ่นได้ดีกว่า
- กล้องหลังมีกันสั่นแบบ Sensor shift OIS
- มีโหมดบันทึกวิดีโอภาพยนตร์
- รองรับถ่ายภาพ ถ่ายวิดีโอแบบ Sptial
- รองรับ 5G
- รองรับ Wi-Fi 7
- รองรับชาร์จไร้สาย MagSafe
สรุป
หากใครใช้ iPhone 11, iPhone XR อยู่ แล้วเจอปัญหาความจุเริ่มเต็ม แบตเริ่มเสื่อมอยากได้เครื่องใหม่, iPhone 16 ตัวเริ่มต้นเหมาะมากที่ผู้ใช้ iPhone 11 ควรอัปเกรดเพราะมีจุดแตกต่างมากมาย เพราะหากใครซื้อ iPhone 11 ตอนปี 2019 หากนับถึงตอนนี้ก็มีอายุการใช้งาน 5 ปีแล้ว!!
ที่มา : 9to5Mac
