Thitirath Kinaret
ถึงแม้ iPad Pro ชิป M4 จะเปิดตัวมาได้อย่างน่าสนใจ แต่รายงานเผยว่ายอดขายตกลงไปมากพอสมควรเรื่องจากตัวเครื่องราคาแพง
iPad Pro 13″ ชิป M4 ขายได้น้อยกว่ารุ่น 11″
Apple เปิดตัว iPad Pro ชิป M4 ในเดือน พ.ค. 2024 ที่ผ่านมา สร้างความสนใจจากผู้ซื้อเป็นอย่างมาก เพราะตัวเครื่องมาพร้อมดีไซน์ที่บาง และใช้หน้าจอ tendem OLED เป็นครั้งแรกใน iPad
อย่างไรก็ตามเมื่อผ่านมาสักพัก iPad Pro ชิป M4 กลับมียอดขายที่ลดลงซึ่งเป็นข้อมูลอ้างอิงมาจากยอดส่งมอบชิ้นส่วนหน้าจอที่ลดลง จากที่เคยคาดการณ์ไว้มาก
Ross Young รายงานข้อมูลว่า เริ่มแรกนั้นเขาคาดการณ์ว่ายอดจัดส่งชิ้นส่วนหน้าจอของ iPad Pro รุ่นใหม่จะอยู่ที่ราว ๆ 10 ล้านชิ้นในปี 2024 แต่ในไตรมาส 3 และ 4 ยอดจัดส่งหน้าจอลดลงเหลือที่ 7 ล้านชิ้น สื่อว่าตัวเครื่องอาจขายไม่ค่อยดี
Young เผยว่า iPad Pro 13″ ชิป M4 เป็นโมเดลที่ได้รับความนิยมน้อยลง โดยมี 2 สาเหตุที่ทำให้ขายไม่ดี ก็คือ
- iPad Pro 13″ ชิป M4 มีราคาสูงกว่ารุ่น 11″ โดยรุ่น 13″ ราคาเริ่มต้นที่ 1,299 ดอลลาร์ ( iPad Pro 11″ ชิป M4 เริ่ม 39,900 บาท, รุ่น 13″ เริ่ม 52,900 บาท)
- สเปคของรุ่น 11″, 13″ แทบไม่ต่างกัน โดยทั้งคู่ใช้จอ tendem OLED ทำให้รุ่น 11″ อัปเกรดจากรุ่นก่อนหน้ามาก เพราะรุ่น 11″ ก่อนหน้าใช้จอ LCD ด้วยราคาที่ถูกกว่ารุ่น 11″ ทำให้ผู้คนเลือกที่จะซื้อรุ่น 11″ มากกว่า 13″
โดย Young เน้นว่าสาเหตุสำคัญที่ทำให้ iPad Pro ไม่ได้รับความนิยมเหมือนกับที่คาดนั้น “เพราะราคาแพงเกินไป”
iPad ไม่ได้จำเป็นเท่า iPhone, Mac
แม้ iPad Pro ชิป M4 จะมีการอัปเกรดครั้งใหญ่ทั้งใช้หน้าจอที่ดีที่สุด ซึ่งเหมาะสมแล้วที่ราคาจะสูงขึ้น แต่ราคาก็ถือว่าเพิ่มขึ้นมากเกินไป และด้วย iPad เป็นอุปกรณ์ที่ “น่าจะมีไว้ใช้งาน” แต่ก็ยังไม่เหมือนกับ iPhone, Mac ที่เป็นสิ่งจำเป็น “ที่ต้องมีไว้ใช้งาน”
iPad Pro ชิป M4 มีราคาเริ่มต้นที่สูงมาก โดยรุ่น 11″ เริ่มต้นที่ 39,900 บาท ส่วนรุ่น 13″ เริ่มต้นที่ 52,900 ซึ่งเป็นราคาที่ยังไม่รวมอุปกรณ์เสริมอื่น ๆ อย่างเช่น Apple Pencil, Magic Keyboard ในขณะที่ MacBook Air 13″ ชิป M3 ราคาเริ่มต้น 39,900 บาท, MacBook Pro 14″ ชิป M3 เริ่มต้น 59,900 บาท
กล่าวคือ หากผู้ใช้ต้องการอุปกรณ์มาทำงานแบบครบเครื่อง ก็จะหันไปซื้อ MacBoook มากกว่า ..
ที่มา : 9to5Mac
