รวม iPhone รุ่นที่รองรับ eSIM รุ่นไหนใช้ได้บ้าง และรุ่นไหนใช้ eSIM คู่ได้บ้าง สรุปข้อมูลให้ในบทความนี้ ประโยชน์คืออะไร และเปิดใช้อย่างไร ตามมาดู
iPhone รุ่นที่รองรับ eSIM (อัปเดต 2024)
ปัจจุบัน eSIM ได้รับความนิยมมากขึ้นในกลุ่มผู้ใช้งาน iPhone ด้วยความสะดวกสบายที่ช่วยลดการพึ่งพาถาดซิมการ์ดแบบเดิม รวมถึงการใช้งานซิมคู่ ทั้งนี้ Apple เริ่มนำเทคโนโลยี eSIM มาใช้ตั้งแต่ iPhone XR และรองรับเรื่อยมาจนถึง iPhone 16 Series
ข้อมูลiPhone รุ่นที่รองรับ eSIM
- iPhone XR
- iPhone XS และ iPhone XS Max
- iPhone 11
- iPhone 11 Pro
- iPhone 11 Pro Max
- iPhone SE รุ่นที่ 2
- iPhone SE รุ่นที่ 3
- iPhone 12 mini
- iPhone 12
- iPhone 12 Pro
- iPhone 12 Pro Max
*iPhone 12 Series รองรับ 5G รุ่นแรก ทำให้รองรับ Nano SIM + eSIM แบบ 5G)
- iPhone 13 mini
- iPhone 13
- iPhone 13 Pro
- iPhone 13 Pro Max
- iPhone 14
- iPhone 14 Plus
- iPhone 14 Pro
- iPhone 14 Pro Max
- iPhone 15
- iPhone 15 Plus
- iPhone 15 Pro
- iPhone 15 Pro Max
- iPhone 16
- iPhone 16 Plus
- iPhone 16 Pro
- iPhone 16 Pro Max
*ตั้งแต่ iPhone 13 Series เป็นต้นมาสามารถใช้งาน Dual eSIM หรือ eSIM คู่ได้
ข้อดีของ eSIM ใน iPhone
1. สะดวกสบาย: ไม่ต้องถอดเปลี่ยนซิมการ์ดและพกซิมการ์ดให้ยุ่งยาก
2. รองรับ Dual SIM: ใช้งาน 2 หมายเลขพร้อมกันได้ (1 Nano SIM + 1 eSIM หรือ Dual eSIM)
3. เหมาะกับนักเดินทาง: เปลี่ยนผู้ให้บริการเครือข่ายได้ง่ายเพียงสแกน QR Code
วิธีตั้งค่า eSIM ใน iPhone
1. ไปที่ Settings (การตั้งค่า)
2. เลือก Cellular (เครือข่ายมือถือ)
3. กด Add Cellular Plan (เพิ่มแผนบริการเครือข่าย)
4. สแกน QR Code ที่ได้รับจากผู้ให้บริการ
หมายเหตุ: ตรวจสอบกับผู้ให้บริการในประเทศ เช่น AIS, TrueMove H, และ dtac สำหรับการเปิดใช้งาน eSIM
iPhone รุ่นที่รองรับ eSIM ครอบคลุมตั้งแต่ iPhone XR ไปจนถึง iPhone 16 Series โดย Apple พัฒนาเทคโนโลยีนี้ให้เข้ากับไลฟ์สไตล์ผู้ใช้งานในยุคปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นความสะดวกในการใช้งาน Dual SIM หรือความคล่องตัวในการเปลี่ยนเครือข่ายค่ะ
ข้อมูลเพิ่มเติม : apple