Microsoft กำลังจับตามองและตรวจสอบ DeepSeek อย่างใกล้ชิด ซึ่งเป็นบริษัท AI สัญชาติจีน ที่กำลังเป็นที่จับตามองในแวดวงเทคโนโลยี
Microsoft กำลังตรวจสอบ DeepSeek-R1 โมเดล AI ที่กำลังเป็นที่สนใจ
สตาร์ทอัพจากจีนชื่อว่า DeepSeek ได้เขย่าวงการ AI เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว หลังจากที่แสดงให้เห็นว่าโมเดล R1 ของพวกเขาที่มีราคาถูกมากสามารถแข่งขันได้โดยตรงกับ OpenAI’s o1 ซึ่งในขณะที่มันทำให้มูลค่าตลาดของ Nvidia ลดลงเกือบ 600 พันล้านดอลลาร์ ทีมวิศวกรของ
Microsoft กำลังทำงานอย่างเงียบ ๆ เพื่อรับมือกับโมเดล R1 ที่เป็นโอเพ่นซอร์สบางส่วน และเตรียมพร้อมสำหรับลูกค้า Azure ซึ่งการตัดสินใจนี้มาจากผู้บริหารระดับสูงของ Microsoft โดยตรง สำหรับบริษัทที่มีขนาดใหญ่อย่าง Microsoft การตัดสินใจและการดำเนินการที่รวดเร็วแบบนี้ถือเป็นเรื่องที่ค่อนข้างไม่ธรรมดา
แม้ว่าโมเดลโอเพ่นซอร์สจะทำให้แนวคิดของ Wall Street เกี่ยวกับต้นทุนของ AI เปลี่ยนแปลงไป แต่ Nadella เหมือนจะรู้ว่าบางอย่างที่ DeepSeek จะเกิดขึ้นในที่สุด เมื่อเขาปรากฏตัวในพอดคาสต์ BG2 ในช่วงต้นเดือนธันวาคม เขาได้เตือนถึงสิ่งที่ DeepSeek จะสำเร็จในเวลาต่อมา การพลิกโฉมทางอัลกอริธึมที่นำไปสู่ประสิทธิภาพในการประมวลผลที่สูงขึ้น
ความก้าวหน้านี้เกิดขึ้นเป็นประเด็นที่ถกเถียงกันอยู่ Microsoft และ OpenAI รายงานว่าได้มีการสืบสวนว่าคู่แข่งจากจีนได้ใช้ API ของ OpenAI ในการฝึกฝนโมเดล DeepSeek ด้วยเทคนิคที่เรียกว่า distillation หรือไม่ ซึ่งมันก็เป็นภัยคุกคามที่ Nadella เคยเตือนเอาไว้
Nadella กล่าวว่า “มันเป็นไปไม่ได้ที่ใช้ distillation เราไม่ต้องทำอะไรเลย แค่วิศวกรรมย้อนกลับความสามารถนั้น แล้วทำมันในทางที่ประหยัดทรัพยากรมากขึ้น ” เขายังล้อเลียนว่าแนวทางนี้ เหมือนกับการละเมิดลิขสิทธิ์
ห้องปฏิบัติการ AI ในสหรัฐฯ กำลังทำการจำลองสูตร R1 เพื่อตรวจสอบว่า DeepSeek ให้ข้อมูลที่แม่นยำหรือไม่ ดูเหมือนว่า Microsoft จะพอใจกับคุณภาพของโมเดลนี้ในทุกกรณี เพราะไม่เพียงแต่ Azure AI Foundry และ GitHub เท่านั้นที่ Microsoft กำลังมองหาการปรับใช้ R1
ตอนนี้โมเดล R1 ที่ผ่านการ distillation สามารถทำงานได้ในเครื่อง PC ที่ใช้ Copilot Plus เริ่มต้นที่ชิป Qualcomm Snapdragon X และจะตามมาด้วยชิป Intel ในภายหลัง จากข้อมูลนี้ดูเหมือนว่า Microsoft ตัดสินใจที่จะปรับตัวอย่างรวดเร็วเพื่อตอบรับความก้าวหน้าของ DeepSeek ซึ่งอาจมีผลกระทบสำคัญต่อการแข่งขันในวงการ AI
ที่มา – theverge.com