Ming-Chi Kuo เผยว่า Apple กำลังพัฒนา ชิปโมเด็ม C1 เวอร์ชันปรับปรุง เพิ่มประสิทธิภาพ ใช้พลังงานน้อย และรองรับ mmWave เตรียมผลิตจำนวนมากปี 2026
ชิปโมเด็ม C1 “รุ่นปรับปรุง” รองรับ mmWave
Apple เปิดตัวชิปโมเด็ม C1 มาใน iPhone 16e ชูเรื่องความเสถียรในการเชื่อมต่อ 5G แต่กินพลังงานน้อย โดยตัวชิปยังมีข้อจำกัดอยู่ คือ ไม่รองรับ mmWave ที่เร็วกว่า sub-6GHz
Kuo เผยว่าการที่ชิปโมเด็ม C1 ไม่รองรับ mmWave นั้น ดูเหมือนว่า Apple จะมองว่าไม่สำคัญเท่ากับความเสถียรและการใช้พลังงานต่ำที่น่าจะเป็นจุดสำคัญที่ต้องเน้นมากกว่า
ชิปโมเด็ม C1 ไม่รองรับ mmWave ก็จะทำให้ผู้ใช้ในสหรัฐฯ จะไม่สามารถเข้าถึงความเร็วการเชื่อมต่อเครือข่ายแบบขั้นสุด, อย่างไรก็ตาม Apple ก็เคยบอกไว้ว่าชิป C1 เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น และจะมีการปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง
ชิปโมเด็ม C1 ตัวแรกถูกใส่มาใน iPhone 16e และคาดว่าจะถูกนำไปใช้ใน iPhone 17 Air รุ่นปลายปี 2025 นี้ และชิป C1 รุ่นปรับปรุงจากรายงานของ Kuo นี้ ก็ยังไม่มีข้อมูลว่าจะถูกนำไปใช้ในสินค้าตัวไหนเป็นตัวแรก
หาก Apple เริ่มผลิตชิป C1 รุ่นปรับปรุงในปี 2026 ก็เป็นไปได้ว่าอาจถูกนำมาใส่ใน iPhone 17e หรือไม่ก็ iPad รุ่นเริ่มต้น รวมถึง iPhone 18 ก็ได้, สอดคล้องกับรายงานของ The Information ที่ระบุว่าชิปโมเด็ม Apple รุ่นรองรับ mmWave จะเปิดตัวในปี 2026 และจะถูกนำมาใช้ใน iPhone, iPad อย่างน้อยหนึ่งรุ่น
ด้าน Mark Gurman เองก็เคยรายงานไว้ว่าชิป C2 รุ่นถัดไปจะเปิดตัวในปี 2026 และจะถูกใส่ในสินค้ารุ่น Pro อย่าง iPhone 18 Pro
นอกจากเรื่องชิปใหม่แล้ว Kuo ก็ได้เผยสเปคน่าสนใจของชิป C1 ตัวแรกไว้ ดังนี้
- Baseband: ใช้กระบวนการผลิต 4/5nm (ทั้งสองเทคโนโลยีคล้ายกัน)
- Low-frequency/Sub-6 TRx (Transceivers): กระบวนการผลิต 7nm
- Intermediate Frequency (IF) TRx: กระบวนการผลิต 7nm
- PMIC (Power Management IC): กระบวนการผลิต 55nm
Kuo เผยว่าการที่ Baseband ใช้กระบวนการผลิตที่เล็กลงนั้น “ไม่ได้ช่วยเรื่องประสิทธิภาพในการรับส่งข้อมูล” ดังนั้นชิปตัวใหม่ก็ไม่จำเป็นที่จะต้องใช้กระบวนการผลิตที่เล็กลงอย่างเช่น 3nm
Apple เคลมว่าชิปโมเด็ม C1 เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ iPhone 16e กินพลังงานน้อยลง ช่วยให้ iPhone 16e เป็น iPhone รุ่นที่แบตอึดที่สุดในบรรดา iPhone หน้าจอ 6.1″
ที่มา: MacRumors