หากพูดถึงโปรแกรมนำทางในปัจจุบันก็มีมากมายเหลือเกิน ทั้งแบบเสียเงินและฟรี (แน่นอนว่าเสียเงินต้องดีกว่าอยู่แล้ว) และ smart G-BOOK ก็เป็น App ตัวแรกในไทยที่เป็นระบบเทเลเมติคส์ (Telematic) ซึ่งคนไทยเป็นประเทศแรกนอกญี่ปุ่นที่ได้ใช้งานกัน smart G-BOOK ไม่จำเป็นต้องมีรถของ TOYOTA ก็ใช้ได้
smart G-BOOK สามารถดาวน์โหลดได้ทั้งบน App Store และ Play Store ซึ่งเวอร์ชั่นที่ผมเขียนอยู่ในตอนนี้จะเป็น 1.5 ซึ่งเร็ว ๆ นี้ก็จะมีอัพเดทอีกรอบนึงให้ดียิ่ง ๆ ขึ้น (ไม่ต้องเสียตังค์เพิ่ม) สำหรับราคา License ก็อยู่ที่ 999 บาท/ปี ซึ่งหากใครยังไม่อยากซื้อก็ทดลองใช้งานได้ฟรี 30 วันครับ และจุดเด่นหลัก ๆ ก็จะมีดังนี้
- นำทางบนแผนที่ 3 มิติและแบบจำลองสถานที่สมจริง
- บริการโอเปอร์เรเตอร์ช่วยคุณค้นหาจุดหมายปลายทาง 24 ชั่วโมง
- บริการให้ความช่วยเหลือฉุกเฉินด้านรถยนต์และการแพทย์ 24 ชั่วโมง
- คำนวณเส้นทางที่ดีที่สุดด้วยข้อมูลการจราจรแบบเรียลไทม์
- นำทางด้วยเสียงภาษาไทยหรือภาษาอังกฤษ
- รองรับการเชื่อมต่อกับหน้าจอแสดงผลบนรถยนต์*
- ใช้งานระบบนำทางฟรีตลอดชีพ
- สมัครสมาชิก www.e-toyotaclub.in.th เพื่อวางแผนทริปของท่านและส่งเข้า smart G-BOOK บนสมาร์ทโฟน
- บริการจองร้านอาหาร ช่วยคุณสำรองโต๊ะพร้อมรับสิทธิพิเศษ**
- แชร์ตำแหน่งของคุณลง Facebook
- นำทางไปยังตำแหน่งของเพื่อนคุณบน Facebook
*ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเชื่อมต่อหน้าจอแสดงผลของรถยนต์แต่ละรุ่นได้ที่ www.smartgbook.com (ขณะนี้ iPhone 5 ยังไม่รองรับการเชื่อมต่อกับหน้าจอแสดงผล)
**สิทธิพิเศษจากการจองขณะนี้ยังมีจำกัดอยู่ ทางบริษัทขอสงวนสิทธิ์การเปลี่ยนแปลงโดยมิต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า รายละเอียดเพิ่มเติมและรายชื่อร้านที่เข้าร่วมรายการสามารถดูได้ที่ www.smartgbook.com
ขั้นแรกจะมีการ Download แผนที่มาเก็บไว้ในเครื่องก่อน (Offline Map) ประมาณ 2xx MB โดยวิธีการจะเหมือนกันทั้ง Android และ iOS ซึ่งทำให้เราไม่ต้องสิ้นเปลือง Data ในการนำทาง
เนื่องจากเป็น App ที่ลงกับ Smartphone และไม่ได้ฝังมากับรถยนต์จึงทำให้ได้เปรียบเล็กน้อยเวลาเดินทาง อย่างผมผู้ซึ่งเป็นเพื่อนร่วมเดินทางที่นั่งเบาะหลัง ก็สามารถช่วยดูเส้นทางและบอกคนขับได้
สำหรับฟังก์ชั่นนั่นจะมีค่อนข้างเยอะมากและในวันนี้ผมจะรีวิวแค่ฟังก์ชั่นหลัก ๆ ที่น่าสนใจมาให้อ่านกันครับ เผื่อว่าใครจะหลงรักและเปลี่ยนมาใช้ smart G-BOOK ด้วยกัน
Search Destination | แบ่งหมวดหมู่ง่ายชัดเจน
สำหรับการเปิดใช้งานครั้งแรกจะแบ่งออกเป็นหมวดหมู่ใช้งานง่าย และสามารถเข้าถึงคำสั่งได้จากหลากหลายช่องทาง แต่คงจะต้องใช้เวลาเรียนรู้ซักเล็กน้อยว่าคำสั่งไหนคืออะไร (ใช้ซัก 2-3 วันก็เป็น) และดีไซน์ของ App ค่อนข้างที่จะเป็นเอกลักษณ์พอสมควรดูแล้วมีกลิ่นอายของญี่ปุ่น
สำหรับการใช้งานปกติคนไทยเราถูกเรียนรู้มาว่าต้องเริ่มจากการพิมพ์ “ค้นหา” พอค้นไปแล้วต้องได้ข้อมูลที่ต้องการ ถ้าไม่ได้ข้อมูลที่ต้องการถือว่าใช้งานยาก (ความจริงแล้วมันก็เป็นกระบวนการคิดที่ไม่ถูกนัก)
สิ่งที่ควรจะเริ่มคือ “คุณมีข้อมูลอะไรบ้าง” เช่น มีเบอร์โทรศัพท์ มีชื่อถนน หรือมีหมวดหมู่ เช่น “ฉันต้องการไปซื้อคอมฯ ที่พันทิพย์พลาซ่า” เราก็ต้องไปเริ่มที่หมวดหมู่ > ห้างสรรพสินค้า (หรือจะเป็นหมวดร้านอาหาร โรงพยาบาลอะไรก็ว่าไป)
แต่ถ้าหากยังยืนยันว่าต้องการจะค้นหาด้วยการ Search ทาง smart G-BOOK ก็รองรับเช่นกัน ซึ่งอาจจะใช้เวลาพิมพ์ที่มากหน่อย และถ้าอ่านต่อไปด้านล่างผมมีวิธีการค้นหาที่เด็ดและง่ายกว่านั้นด้วยนะ
Operator Service | เลขาส่วนตัวตลอด 24 ชั่วโมง
เป็นอีกหนึ่งฟังก์ชั่นที่อยากจะแนะนำ เพราะว่ามันสะดวกสบายมากและง่ายชนิดที่ว่าคุณแม่ผมที่แทบไม่รู้เรื่อง IT เลยก็สามารถใช้เป็น และหลักการก็คือ “นึกอะไรไม่ออกกดโทรเลย” จะเป็นการโทรเข้าไปที่ศูนย์ของ smart G-BOOK และเราก็แจ้งเขาไปว่าต้องการจะไปไหน
แต่ถ้าคุณคิดว่าเขาจะคุยบอกเส้นทางกับคุณแบบธรรมดา ๆ ล่ะก็คุณคิดผิดแล้วครับ เพราะเขาจะส่งพิกัดมายัง smart G-BOOK และนำทางให้คุณโดยอัตโนมัติ ซึ่งคุณไม่ต้องพิมพ์เองให้เสียเวลาเลย เพราะบางสถานที่ขนาดผมเป็นคนไทยยังพิมพ์ไม่ค่อยจะถูกเลย
G-Life | บริการช่วยเหลือฉุกเฉินด้านการแพทย์
บางครั้งเกิดอุบัติเหตุไม่ว่าจะกับตนเองหรือคู่กรณีก็สามารถกดปุ่มเดียว G-Life เพื่อติดต่อศูนย์ช่วยเหลือทางการแพทย์ให้มาอย่างเร่งด่วน ซึ่งมันก็สะดวกดีเพราะบางครั้งเราก็จำเบอร์ฉุกเฉินพวกนี้ไม่ค่อยได้หรอก (รู้จักแต่ 191 และบางทีก็ต้องรอสาย) ความพิเศษของตัว App คือจะส่งพิกัดของเราไปทันที เพราะบางทีเราอยู่ต่างจังหวัดและประสบอุบัติเหตุอยู่จะให้บอกเส้นทางก็คงจะไม่สะดวกนัก
G-Road | บริการช่วยเหลือเรื่องรถยนต์
อันนี้เป็นบริการต่อยอดมาจาก G-Life ให้เหมาะกับประเทศไทย สำหรับเวลารถเสียหรือต้องการบริการยกรถ (ค่าใช้จ่ายไม่ฟรีนะครับ) วิธีการทำงานเหมือนกันคือส่ง GPS ไปจากนั้นเขาก็จะหาตำแหน่งเรา
Navigator | นำทางอัจฉริยะเลือกเส้นทางได้ตามต้องการ
สำหรับการเดินทางอย่างที่บอกขั้นต้นว่ามีการแสดงข้อมูลจราจรแบบ Real-time แล้วเรายังสามารถเลือกเส้นทางได้ว่าจะเอาเส้นทางที่ระบบแนะนำ,เลี่ยงทางด่วน, เอาเฉพาะถนนหลัก, อะไรก็ได้ที่สั้นที่สุด หรือจะเลือกเส้นทางอื่นก็ได้ ส่วนนำทางด้วยเสียงก็มีทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ
Car Connectivity | เชื่อมต่อกับรถยนต์
สำหรับในอนาคตทาง TOYOTA อาจจะไม่ได้มีตัว Navigator ติดตั้งมาให้บนรถยนต์ แต่จะให้ใช้งานผ่าน Smartphone (เนื่องจากผู้ใช้งานทุกคนก็มีอยู่แล้ว) และข้อดีก็คือมันจะสะดวกสบายกว่าในการอัพเดทแผนที่ รวมถึงใช้บริการพวก Call Center, Inbox หรือการช่วยเหลือต่าง ๆ ผ่านทาง Smartphone
เอาสายต่อออกจอบนรถแบบนี้เลยก็ใช้งานได้สะดวกดีแถมคล่องตัวมากกว่า
เมนูทุกอย่างถูกออกแบบมาให้ใหญ่และง่ายต่อการสัมผัส
สำหรับสายการเชื่อมต่อหากใครใช้ Lightning Cable (สายรุ่นใหม่ที่ใช้หลัง iPhone 5 ขึ้นไป) ตอนนี้ยังไม่มีตัวสายรองรับนะครับ คงจะต้องรออีกซักพักให้ TOYOTA จัดการให้เสร็จเสียก่อน
พอร์ทที่ใช้เชื่อมต่อและสายเป็นแบบพิเศษจริง ๆ
ตัว App รองรับมาตั้งแต่เริ่มอยู่แล้วและสามารถ Switch Screen ได้เลย
ดูรถรุ่นที่รองรับ Car Connectivity ของ TOYOTA ได้ที่ http://www.e-toyotaclub.in.th/smartGbook/car_support/
ข้อดี
- สามารถโทรหา Call Center เพื่อขอเส้นทางได้ 24 ชั่วโมง
- แสดงสภาพจราจรด้วยระบบ RTIC
- นำทางบนแผนที่แบบ 3D
- บริการช่วยเหลือฉุกเฉินทั้งเรื่องรถยนต์และการแพทย์
- รองรับการเชื่อมจอกับจอแสดงผล Display Audio
ข้อเสีย
- รูปแบบการใช้งานอาจจะไม่ค่อยชินสำหรับผู้เริ่มต้น
- สายต่อจอแสดงผล Display Audio ยังไม่มีรองรับรุ่นอื่น
สรุป
ก็ถือว่าเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกของระบบนำทาง ที่ทาง smart G-BOOK ค่อนข้างจะมีเอกลักษณ์ชัดเจนกว่าค่ายอื่นตรงที่ความสะดวกสบาย และการใช้งานที่ใคร ๆ ก็ใช้ได้แถมสะดวกต่อการอัพเดทแผนที่เนื่องจากไม่ได้ฝังลงในรถยนต์ และที่สำคัญคือไม่จำเป็นต้องเป็นลูกค้า TOYOTA ก็ใช้งานได้เช่นกัน