มีบทความดีๆ จาก Business Insider มาให้ได้อ่านกันซึ่งพอดูแล้วว่าน่าจะเป็นประโยชน์กับหลายๆ คน ซึ่งเรื่องที่นำมาเสนอนั้นคือ ความเชื่อที่ผิดๆ 8 อย่างเกี่ยวกับเทคโนโลยีที่คิดว่าหลายคนอาจจะยังคิดแบบนั้นอยู่ มาลองติดตามกันดูนะครับ
1. เครื่อง Mac ไม่มีโอกาสโดนไวรัสหรือติดไวรัสไม่ได้
ไม่เป็นความจริงเลยที่ Mac นั้นจะไม่มีไวรัสหรือว่าติดไวรัสไม่ได้ เพียงแต่ Mac นั้นมีโอกาสติดไวรัสได้น้อยกว่าระบบอย่าง Windows นั่นเอง สาเหตุก็จะมาจากเช่น คนใช้ Mac น้อยกว่า Windows ดังนั้นผู้ใช้ Windows จึงเป็นเป้าที่ใหญ่กว่าในการโจมตี หรืออีกเหตุผลเช่น Mac OS X ได้ออกแบบให้ระบบหยุดทำงานหรือค้างเมื่อเกิดการทำงานของไวรัสไม่ให้ทำงานได้สำเร็จ เพราะ OS X นั้นคอร์ของมันพัฒนาจาก Unix ซึ่งถือว่าเป็น OS ที่มีความปลอดภัยสูงมาก
2. การใช้โหมด Private/Incognito ในเว็บบราวเซอร์เป็นการไม่ระบุตัวตน
หลายคนมักจะเข้าใจว่าการใช้งานเว็บบราวเซอร์ในโหมด Private (ใน Safari), Incognito (ใน Google Chrome) นั้นคือการไม่ระบุตัวตนหรือไม่สามารถโดนแกะรอยได้ ซึ่งคิดว่ามันเหมือนการท่องแบบ Anonymous แท้จริงแล้วมันไม่ใช่ การใช้โหมด Private/Incognito นั้นตัวเว็บบราวเซอร์จะไม่เก็บพวกข้อมูล Histrory, Auto fill form ฯลฯ เท่านั้นเอง มันจะไม่จดจำว่าเราเข้าไปเว็บไหนบ้างทำอะไรบ้าง ล็อคอินอะไรบ้างประมาณนั้น
3. ชาร์จแบต iPhone ทิ้งไว้แม้เต็มแล้วจะทำให้แบตพัง
หลายคนเชื่อว่าการทิ้งให้ iPhone ชาร์จต่อเนื่องหลังจากที่ชาร์จเต็ม 100% แล้วนั้นจะเป็นการทำลายแบตเตอรีให้เสื่อมหรือพังเร็วกว่าเดิมตัวอย่างที่เห็นบ่อยๆ ก็เช่นการชาร์จแบต iPhone ข้ามคืน แท้จริงแล้วนั้นยังไม่มีอะไรที่จะมาพิสูจน์ได้ว่าความเชื่อนี้เป็นจริง เพราะว่าแบตเตอรีที่ใช้งานใน
ปัจจุบันนั้นเป็นชนิด lithium-ion ที่ระบบมันจะฉลาดพอที่จะตัดไฟไม่ให้ชาร์จเข้าไปที่แบตเมื่อรู้ว่ามันชาร์จเต็มแล้ว
4. กล้องที่พิกเซลเยอะกว่าจะต้องดีกว่ากล้องที่พิกเซลน้อยกว่าเสมอ
มันไม่เสมอไปครับที่พิกเซลเยอะกว่าจะได้คุณภาพของรูปที่ถ่ายออกมาดีกว่ากล้องที่พิกเซลน้อยกว่า อันนี้ยืนยันได้ ตัวอย่างง่ายๆ เคยเห็นกล้องตัวเล็กๆ ที่ประกาศตัวว่าความละเอียด 20 ล้านพิกเซลไหม ลองเอารูปที่ได้มาเทียบกับกล้อง DSLR ความละเอียด 5 ล้านพิกเซลก็ได้ จะเห็นความแตกต่างที่ชัดเจนเลยว่าภาพจะกล้อง DSLR ความละเอียดเพียง 5 ล้านนั้นมันคุณภาพของรูปดีกว่า 20 ล้านพิกเซลมากๆ
เพราะแท้จริงแล้วหัวใจสำคัญของกล้องนั้นอยู่ที่เซนเซอร์การรับแสงและเก็บรายละเอียดของแสงมากกว่าที่จะเน้นเรื่องความใหญ่ของพิกเซล ดังนั้น กล้อง iPhone แค่ 8 ล้านพิกเซลก็อาจจะไม่ได้ด้อยกว่ามือถือรุ่นอื่นที่กล้องละเอียดเป็น 10 ล้านพิกเซลก็ได้
5. อย่าชาร์จแบตมือถือถ้ามันยังไม่ใกล้หมดหรือไม่แจ้งเตือน
เป็นความคิดที่ผิดมากๆ เรื่องนี้แท้จริงแล้วแบตสมาร์ทโฟนสมัยนี้เป็นแบบ Lithium-Ion หมดแล้ว มันมีรอบที่จำกัดสำหรับการชาร์จที่เรียกว่า Chrage Cycle ถ้ายิ่งปล่อยให้แบตใกล้จะหมดแล้วค่อยมาชาร์จบ่อยๆ นั้นยิ่งจะทำให้รอบของมันหมดเร็วขึ้น
ฉะนั้นการชาร์จบ่อยยิ่งจะดีกว่าด้วยซ้ำทำให้ประหยัด Cycle ของแบตและยืดอายุการใช้งานของแบตได้นานกว่าการปล่อยให้แบตหมดแล้วค่อยชาร์จนะ ผมแนะนำว่าถ้าอยู่ระดับ 40-50% ถ้าสะดวกก็ควรชาร์จได้เลยครับไม่ต้องรอให้ถึง 10% หรอก
6. หน้าจอสมาร์ทโฟนที่ละเอียดกว่าย่อมดีกว่าเสมอ
หลายคนอาจจะเลือกซื้อสมาร์ทโฟนส่วนหนึ่งนั้นมาจากความละเอียดของหน้าจอนั่นไม่ใช่เรื่องที่ผิด ตัวอย่างเช่น การเปลี่ยนจากหน้าจอธรรมดามาเป็นหน้าจอแบบ Retina Display ของ Apple นั้นจะเห็นความแตกต่างที่ชัดเจนอย่างมากส่งผลให้อุปกรณ์หน้าจอแบบ Retina Display ทำให้น่าใช้งานมองแล้วสบายตายิ่งขึ้นเยอะเลย แต่ก็มีส่วนหนึ่งที่เชื่อว่ายิ่งจอละเอียดสูงมากเท่าไหร่สมาร์ทโฟนตัวนั้นก็ดีกว่าตัวที่น้อยกว่าเสมอ
เรื่องนี้เห็นควรว่าจะไม่เป็นจริงครับ สาเหตุก็เพราะว่าสายตาของมนุษย์นั้นมีความสามารถในการมองเห็นที่จำกัดในระดับนึงเท่านั้น ตัวอย่างเช่นการเปรียบเทียบจอของ LG G3 และ Samsung S5 ที่มีความละเอียดจอ 538 ppi และ 432 ppi ตามลำดับ พบว่าเมื่อใช้งานปกติแล้วผู้ใช้จะแทบไม่เห็นความแตกต่างเลยว่าตัวไหนชัดกว่ากันเพราะทั้งคู่มันชัดเกินกว่าที่ตาของคนจะรับรู้ได้ ฉะนั้นบางบริษัทอย่างเช่น Apple ก็ไม่ได้อะไรมากกับเรื่องของ ppi มากเท่าไหร่แต่จะให้ความสำคัญเรื่องของ Contrass และ Brightness มากกว่านั่นเอง
7. ไม่ควรนำที่ชาร์จของ iPad มาชาร์จ iPhone มันจะทำให้แบต iPhone พังเร็วขึ้น
บางคนอาจจะได้ยินมาว่าที่ชาร์จของ iPad นั้นถ้านำมาใช้กับ iPhone แล้วมันจะไม่มีนะแบต iPhone มันจะเสื่อมเสียเร็วกว่าเดิม แต่ทราบหรือไม่ว่า Apple เองก็ยังได้บอกเอาไว้เลยว่า Adapter ของ iPad นั้นมันรองรับการใช้งานได้กับอุปกรณ์หลายๆ ตัวรวมทั้งตระกูล iPhone ด้วย ฉะนั้นไม่ต้องห่วงว่ามันจะทำให้แบต iPhone เสียเร็วนะ ใช้ด้วยกันได้เลย
8. อย่า Shutdown คอมพิวเตอร์ทุกวัน
มีบางคนคิดว่าการปิดเครื่อง(Shutdown) คอมพิวเตอร์ทุกวันนั้นจะทำให้เครื่องเสียเร็ว แท้จริงแล้วการปิดเครื่องคอมพิวเตอร์ทุกวันนั้นเป็นการดีด้วยซ้ำนะ เช่น อุปกรณ์ในเครื่องไม่ต้องรันทำงานตลอดเวลา, ประหยัดพลังงานที่ใช้, ฮาร์ดดิสได้ลดการทำงานไม่ต้องหมุนอ่านเขียนไปมาตลอด ฯลฯ
อย่างที่บอกมันเป็นการดีด้วยซ้ำที่ปิดเครื่อง ส่วนเครื่องเซิร์ฟเวอร์นั้นจะต่างออกไปเพราะว่าเครื่องเหล่านั้นทำตัวเป็นเครื่องแม่ข่าย(เช่น เว็บเซอร์เวอร์)จะต้องใช้งานตลอดเวลาอยู่แล้ว มันได้ถูกออกแบบมาให้เป็นเช่นกันเมื่อเปิดตลอดจึงไม่ส่งผลกระทบอะไร อีกทั้งเครื่องเหล่านั้นยังเก็บในห้องที่อุณภูมิต่ำกว่าปกติด้วย ฉะนั้นหากเลิกใช้คอมฯ แล้วมา Shutdown ให้เป็นนิสัยกันดีกว่านะ
เป็นไงบ้างครับกับ 8 เรื่องที่ผ่านมาเคยได้ยินผ่านหูมาบ้างไหมและเราคิดแบบนั้นบ้างหรือเปล่า หากทราบข้อเท็จจริงแล้วก็ลองปรับเปลี่ยนแนวคิดกันดูนะครับ
ขอบคุณ Business Insider, Phonearena
บทความนี้ดีมากครับ เชื่อว่ามีหลายคนยังเข้าใจผิดอยู่ในหลายข้อ
ไม่ว่าจะชาร์จตอนแบตเหลือ 40-50% หรือ 10% ไม่ได้มีผลต่างกันในเรื่องแบตเสื่อมเร็วนะครับ ยังไงcycleก็ต้องถูกนับตามจริงเป็น% (100% = 1 Cycle)
ถ้าชาร์จจาก 50% ไป 100% มันจะคิดแค่ 50
ถ้าชาร์จจาก 10% ไป 100% มันจะคิดที่ 90
ถ้าเป็นเช่นนี้ กรณีที่ 1 จะครบ 1 cycle ถ้าชาร์จ 2 ครั้ง
กรณีที่ 2 จะได้ 1.8 cycle ในการชาร์จ 2 ครั้ง
ดังนั้น กรณีที่ 1 จะถึงรอบของ Cycle ที่ช้ากว่ากรณีที่ 2
ถ้าคิดจาก % แบตที่ถูกใช้ไปให้เท่าๆกันละคะ
ถ้าชาร์จจาก 50% ไป 100% มันจะคิดแค่ 50
ถ้าทำอย่างนี้ 9 รอบ (ใช้แบตรวม 450%) จะคิดเป็น 4.5 cycle หรือป่าวคะ
ถ้าชาร์จจาก 10% ไป 100% มันจะคิดที่ 90
ถ้าทำอย่างนี้ 5 รอบ (ใช้แบตรวม 450%) จะคิดเป็น 4.5 cycle เหมือนกรณีบนหรือป่าวคะ
กรณีที่ 2 ก็นับรอบเร็วกว่าถูกแล้วครับ แต่ทำไมคุณไม่นึกถึงเวลาใช้งานด้วยล่ะครับ กรณีแรก คุณใช้งานได้ถึงแค่ 50% ต้องมาหาที่ชาร์จละ แต่กรณีที่ 2 ใช้งานได้นานยาวๆ ค่อยมาชาร์จทีนึง ผมว่ามันก็ค่าเท่ากันนั่นแร่ะ เพราะนับ 1 Cycle ที่ 100% เหมือนกัน
มีผลแน่นอน การใช้แบตให้ใกล้หมด-หมดมีผลตามนี้
1 ทำให้แบตคายประจุ ความจุแบตเตอรี่ลดลง จากที่เก็บ10,000mAh=แบตเต้ม100%
เมื่อแบตคลายประจุ(เสื่อม) ชาร์จจนเต็มก็เหลือ8,x00mAh
2 อุณหภูมิ ความร้อน ขอเาตัวอย่างชัดจากที่ชาจกอป ไฟเข้าน้อย-แทบไม่เข้า-เหวี่ยง เหมือนคนอดน้ำเป็นวัน กระหายมาก พอได้ดื่มน้ำก็ซัดทีเป็นขวดๆแล้วเยี่ยวราดทั้งวัน แบตก็ทำงานหนักสูบพลังงานพอมันเข้าไม่เต็มที่ก็ยิ่งสูบๆๆๆจนร้อนและระเบิด) พอเป็นของแท้ระบบเซฟตี้ไม่ปล่อยให้แบตระเบิด อยู่ในระดับร้อนซึ่งอุณหภูมิทำให้แบตเสื่อม
3 ปัจจัยอื่นทำให้cpuร้อน แบตทำงานหนัก+อุณห๓มิ = เสื่อม
เช่น เคสหนาตอนเครื่องร้อนแล้วไม่มีที่ระบาย เปิดจอใช้พลังงานแสงหนัก บลาๆๆ
สุดท้าย
อายุการใช้งานที่นับเป็นcycleคืออายุมาตรฐานแบตเตอรี่ที่ใช้-ชารืจทั่วไป"ขณะปรกติ" คนละส่วนกับตัวแบต ไอพอด ไอโฟนอยู่ที่400cycles ไอแพด แมค(บางรุ่น)อยู่ที่1,000cycles เกินจากนี้ประสิทธิภาพจะลดลง และปัญหาที่พบบ่อยสำหรับผู้ใช้สมาร์ทโฟนยุคนี้คือใช้งานหนัก ไม่ถนอม ใช้แบตจนหมดเกลี้ยงบ่อยๆ แบตเสื่อมก่อนครบอายุขัย
**ย้ำอีกครั้ง การนับรอบcycleเป็นแค่อายุการใช้งานมาตรฐาน**
เรื่องอุณหภูมิมีผลต่อประสิทธิภาพแบตมีการทดสอบแล้วลองกุเกิ้ลดู
เมื่อแบตอุณหภูมิสูงเกินมาตรฐาน->เซลของแบตเสื่อมสภาพเร็วขึ้น->แบตคลายประจุ->แบตเสื่อม
ข้อ 8 ผมไม่เคยได้ยิน แฮะ …. แปลก จังมีงี้ด้วย … หึหึ
เมื่อหลายปีก่อนไปเดินซื้อแมคบุ๊คกับเพื่อน ก็เลยถามพนักงานว่า ต้องลงโปรแกรมกันไวรัสไหม
พนักงานตอบว่า ไม่ต้องลง เพราะแมคไม่มีทางติดไวรัสอยู่แล้ว
ก็เลยบอกไปว่า แมคมันก็ติดไวรัสนะ เพียงแต่โอกาสติดไวรัสมันน้อย เพราะคนเขียนไวรัสไปเพ่งเล็งวินโดวส์มากกว่า เพราะคนใช้วินโดวส์เยอะกว่า โอกาสเสียหายก็เยอะกว่า สะใจกว่า
พนักงานก็…เงิบ
มันเป็นความเชื่อที่สาวกแอปเปิ้ลเชื่อมานาน แล้วก็เอามาใช้อวดกับคนอื่นมากนานมาก