พึ่งเปิดตัวขายอย่างเป็นทางการไปหมาด ๆ ในประเทศไทย สำหรับ iPhone 6 และ iPhone 6 Plus ซึ่งก็มีคนทำจอแตกไปบ้างแล้วส่วนหนึ่ง (เท่าที่ดูมา) แน่นอนว่าคงไม่อยากมีใครเป็นผู้โชคดีรายนั้น หลายคนจึงหันไปพึ่งฟิล์มกระจกนิรภัยหลากหลายยี่ห้อที่ขายในท้องตลาด แต่ทว่า … มันไม่ช่วยอะไรเลย
ผลก็คือหน้าจอแตกละเอียดยิบส่วนฟิล์มนิรภัยไม่เป็นอะไรเลย (เอิ่มมมม …) เท่าที่ทางทีมงานได้วิเคราะห์กันคาดว่าน่าจะเกิดจาก iPhone 6 Plus ที่มีขนาดหน้าจอใหญ่ขึ้นทำให้โอกาสแตกหักก็ง่ายขึ้นด้วย
แต่อย่างไรก็ตามฟิล์มกระจกนิรภัย (Tempered Glass) ที่ขายกันเกลื่อนตามท้องตลาดราคาตั้งแต่ 300-1,xxx บาทนั้น ส่วนใหญ่ก็สามารถป้องกันการกระแทกได้จริง (ค้อนทุบก็ไม่แตก) แต่จุดอ่อนคือ iPhone 6/6 Plus มีหน้าจอด้านข้างที่โค้งจนไม่สามารถติดฟิล์มได้ทั่วถึง เมื่อเกิดการกระแทกก็มีสิทธิที่จะร้าวทั่วถึงไปทั้งหน้าจอ (เราไม่มีทางบังคับให้เครื่องตกพื้นแบบตรง ๆ ได้อยู่แล้ว)
ทางทีมงานได้ทำการบ้านด้วยการสำรวจราคาอะไหล่ตามท้องตลาด พบว่าหน้าจอ iPhone 6/6 Plus อาจมีราคาสูงถึงหนึ่งหมื่นบาท (เนื่องจากเครื่องยังใหม่อยู่) คำแนะนำคืออาจจำเป็นต้องเก็บไว้จนกว่าราคาอะไหล่จะเริ่มลงตัว
อย่างไรเสียก็ตามความเห็นของผมคิดว่าฟิล์มนิรภัยยังเป็นสิ่งที่ไม่ค่อยจำเป็นเท่าไหร่นัก (การทำประกันเครื่องดูเหมือนจะคุ้มค่ากว่า) เพราะอย่างไรเสียถ้าทำเครื่องตกก็มีโอกาสที่จะจอแตกอยู่ดี (เก็บเงินค่าฟิล์มไว้ทำอย่างอื่นดีกว่า) การติดฟิล์มธรรมดา (หรือไม่ติดเลย) อาจเป็นการลงทุนที่คุ้มกว่า
ทั้งนี้ยังไม่มีผลทดสอบออกมาว่าในไอโฟนรุ่นใหม่ที่มีกระจกหน้าจอโค้ง การติดฟิล์มนิรภัยจะช่วยได้มากหรือน้อยแค่ไหน (บางคนอาจมองว่ากันได้เล็กน้อยก็ยังดี ในขณะที่บางคนอาจมองว่าเป็นเรื่องสิ้นเปลือง) ดังนั้นอาจต้องขึ้นอยู่กับวิจารณาณของผู้ใช้งานอีกที
อย่างไรเสียสำหรับคนที่รู้ตัวว่าไม่ค่อยระมัดระวังเท่าไหร่ การหาซื้อเคสไอโฟนดี ๆ ราคาถึงแม้จะเป็นพันแต่ก็ดูเหมาะสมกับ iPhone 6 Plus ที่ราคาเกือบสามหมื่นเช่นกัน … หรือถ้าหากยังไม่รู้ว่าจะใช้เคสอะไรก็ลองดูบทความนี้ “แนะนำ Top 10 อันดับเคส iPhone 6 และ iPhone 6 Plus ที่น่าสนใจ” ประกอบการเลือกซื้อได้ครับ
ที่มา – สมจิตร อนันเต่า