พฤติกรรมคนใช้ Facebook ในไทยค่อนข้างแปลกกว่าทั่วโลกมาก ไม่ว่าจะเป็นการใช้ Page, Group, Event หลายครั้งที่สลับมั่วกันไปหมด (บางครั้งแค่งานแค่งานยังต้องถึงกับสร้างเพจเลย – -*) ส่วนเรื่องการ Like ก็เช่นกัน (บางครั้งพ่อเพื่อนตายมีกด Like ด้วย – -*) และหลายครั้งบางคนเจอเนื้อหาโดนๆ ที่ต้องการเก็บไว้อ่านต่อแต่ทำไมถึงมักจะเลือกกด Share มาที่ Timeline ตัวเอง … ซึ่งมันเป็นวิธีที่ไม่ค่อยถูกต้องเอาซะเลย
ก่อนอื่นเรามาทำความเข้าใจกับคำสั่งพื้นฐานกันก่อน (สำหรับคนที่ยังไม่ทราบ)
- Like : หมายถึงการ “ถูกใจ” การแสดงความยินดี, ชื่นชอบ, ประทับใจ และคำถามก็คือทำไมถึงไม่มี “Dislike” เนื่องจาก Facebook ไม่ต้องการให้คนรู้สึกไม่ดีต่อกันนั่นเองครับ ตามหลักสากลแล้วเราจะไม่กดกับกรณีเรื่องที่กระทบต่อจิตใจ เช่น การมีคนเสียชีวิต เป็นต้น
- Comment : แสดงความเห็นความหมายตรงตัว ไม่มีอะไรที่จะต้องอธิบาย ในโลกแห่ง Facebook แล้วไม่มีคำว่า “พื้นที่ส่วนตัว” หากสิ่งนั้นถูกตั้งค่าให้แสดงความคิดเห็นได้ ก็คือคุณมีสิทธิครับ … หลายคนชอบหลงตัวเองว่าเป็นพื้นที่ส่วนตัว แล้วด่าว่าคนอื่นไม่มีสิทธิไปยุ่ง อันนี้เป็นความเข้าใจที่ผิดมาก
- Share : ความหมายก็คือ “บอกต่อ” เป็นการให้เครดิตผู้สร้างเนื้อหาอย่างหนึ่ง เพราะสิ่งที่แชร์ล้วนจะมีการระบุที่มาและต้นต่อชัดเจน บางคนถึงกับนิยามว่า “การให้เครดิตที่ไม่สามารถลิงค์ไปยังต้นฉบับได้ สิ่งนั้นไม่ถือว่าเป็นการให้เครดิต”
นอกจากนี้แล้ว Facebook ยังมีคำสั่งพื้นฐานอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการ Follow หรือการตั้งค่าให้ไม่เห็นสถานะนั้นๆ หรือสิ่งที่คนนั้นๆ โพสต์ (รำคาญนั่นเอง) แต่สิ่งที่ทาง Facebook ให้ความสำคัญมากที่สุดคือ “ความเป็นเพื่อน” โดยหากเรามี Social Network แล้วพูดคนเดียว ไม่เคยไปยินดียินร้ายกับเพื่อนเลย อันนี้ตามหลักการแล้วก็ไม่ค่อยถูกต้องนัก
บางครั้งเราก็มักจะเจอการ “แปะ” ซึ่งก็ไม่ผิดอะไร ถ้าหากคุณต้องการที่จะให้เพื่อนอ่านด้วย (แต่ข้อเสียก็คือมันจะไหลไปตามกาลเวลา) และถ้าเป็นเรื่องที่ไม่อยากให้ใครเห็นล่ะ?
วิธีการใช้ Save ของ Facebook
คำสั่งนี้มีทั้งบน App และบน Browser เพียงแค่เลือกสามเหลี่ยมบริเวณมุมของลิงค์นั้นๆ ก็จะขึ้นคำสั่งมาดังภาพ ให้เลือกว่า Save … เพียงเท่านี้ก็เป็นการเสร็จสิ้น สามารถเก็บสิ่งนั้นไว้อ่านต่อได้เลย
จากนั้นข้อมูลทุกอย่างที่เรา Save จะอยู่ด้านท้าย Event ของเราเอง (เก็บไว้อ่านสะดวกต่อการค้นหามาก) และที่สำคัญคือจะมีแค่คุณเท่านั้นที่เห็น รวมถึงไม่มีใครรู้ตัวด้วยว่าใคร Save อะไรที่ไหนเมื่อไหร่ … แบบนี้คือความเป็นส่วนตัวอย่างแท้จริง ที่สำคัญมันไม่รก Timeline ของคนอื่นด้วย
คำสั่ง Save กับ Share ต่างกันนะครับ … คำสั่ง Share คือการเอาไปบอกต่อ โดยเพื่อนเราจะสามารถเห็นด้วย และข้อมูลดังกล่าวจะไหลไปตาม Timeline แตกต่างจากคำสั่ง Save ซึ่งเราจะรู้และทราบคนเดียว และข้อมูลจะไปไหลไปตามวันและเวลา
อันนี้เป็นส่วนหนึ่งของข้อมูลที่ผม Save เอาไว้ และมันก็เป็นไปได้ทั้ง Line, Video, Place, Music หรืออื่นๆ แยกประเภทให้เรียบร้อย มีการระบุช่วงเวลารวมถึงว่าเราบันทึกมาจากของใคร (เจ้าตัวไม่มีทางรู้)
เหมาะสำหรับคนที่ต้องการเก็บอะไรเอาไว้ดูภายหลัง โดยอาจเป็นเทคนิคการลดน้ำหนัก, สูตรอาหาร, หรือข้อมูลที่มันค่อนข้างยาวจนไม่สามารถอ่านครั้งเดียวจบได้ นอกจากนี้ยังมีความเป็นส่วนตัวและไม่สลายหายไปตามกาลเวลาอีกด้วย