เปิดตัวกันไปแล้วสำหรับ ซัมซุง กาแล็คซี่ S7 ที่พึ่งเปิดตัวไปไม่กี่วัน วันนี้เราจะมาเปรียบเทียบกันระหว่าง iPhone 6s กับ Galaxy S7 อะไรดีกว่า ซึ่งแน่นอนว่าคงจะเปรียบเทียบกันยาก เนื่องจากเป็นคนละระบบปฏิบัติการ มีหลักการทำงานพื้นฐานที่แตกต่างกัน แต่ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม เชื่อว่าหลายคนก็ยังอยากรู้อยู่ดีใช่ไหมล่ะ!
ดีไซน์
สำหรับการออกแบบ Samsung ได้เลือกใช้วัสดุที่ดีขึ้นกว่าอดีตมาก (หลังจากโดนล้อว่าเครื่องพลาสติก) การออกแบบของ Galaxy S7 แทบจะถอดดีไซน์มาจาก Galaxy S6 (ต่างกันที่รายละเอียดเล็กน้อย) สำหรับเรื่องความพรีเมียมดูเหมือนว่าจะสูสี ถึงแม้ว่าน้ำหนักจะเอนไปทางซัมซุงเล็กน้อยก็ตาม
ขนาดของ Galaxy S7
- ขนาด 142.4 x 69.6 x 7.9 มม.
- น้ำหนัก 152 กรัม
ขนาดของ iPhone 6s
- ขนาด 138.3 x 67.1 x 7.1 มม.
- น้ำหนัก 143 กรัม
เรื่องความจับถนัดหรือไม่ถนัดคงขึ้นอยู่กับคน แต่ถ้าหากวัดกันตามสัดส่วน พอจะสรุปได้ว่า iPhone 6s ทั้งเล็กและเบากว่า “เล็กน้อย” ดังนั้นคงอยู่ที่ความชอบส่วนบุคคล
หน้าจอ
S7 มีหน้าจอขนาด 5.1″ การแสดงผลแบบ Super AMOLED มีสีสันความอิ่มตัวและจำนวนเม็ดพิกเซลที่สูงกว่า (1440 x 2560 เทียบกับ 750 x 1336) ในขณะที่ความเป็นจริงผู้ใช้อาจแทบไม่เห็นความแตกต่างด้วยตาเปล่า นอกจากนี้ S7 ยังมีความเจ๋งอยู่ตรงที่ Always On Display สามารถแสดงข้อมูลได้ตลอดเวลาทั้งวัน (เช่น เวลา, หมายเลขโทรเข้า, ข้อความที่ยังไม่ได้อ่าน) โดยที่แทบไม่กินแบตเตอรี่เลย
หันกลับมาที่ 6s ถึงแม้จะเล็กกว่าที่ 4.7″ และมีจำนวนพิกเซลที่น้อยกว่า แต่ความที่หน้าจอสบายตามากกว่ารวมถึงมีฟังก์ชั่น 3D Touch ที่รับรู้ได้ถึงแรงกดดัน ช่วยสร้างประสบการณ์ใช้งานที่แปลกใหม่กว่า (มีบางเกมรองรับด้วย)
อินเตอร์เฟซ
ถึงแม้ว่าซัมซุงจะใช้ระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์เหมือนกับค่ายอื่น แต่สำหรับ S7 มาพร้อมกับ Android 6.0 Marshmallow ซึ่งถูกครอบทับด้วย TouchWiz UI อีกทีหนึ่ง สามารถใช้งานแบบ Side-by-Side และ Multitasking ได้อย่างสะดวก (ถ้าหากซื้อรุ่น S7 Edge จะได้ Quick Tools และ Task Edge เพิ่มมาด้วย)
เคล็ดลับการทำ Software ของ S7 โดดเด่นอีกครั้งด้วยชุดเครื่องมือจัดการสำหรับนักเล่นการ สามารถบันทึกวิดีโอเกมที่เล่นได้ การจำกัดการแจ้งเตือน รวมถึงการปิดการใช้งานปุ่มบางอย่างเมื่อเล่นเกม (กันมือไปโดนซึ่งถ้าเป็น iPhone ตัดปัญหาข้อนี้ไปเลย) ส่วนของใหม่คงหนีไม่พ้นการสนับสนุน API Vulkan ที่จะถูกนำมาใช้กับเกมใหม่ในอนาคต
แนวโน้มของ Apple ยังยึดรูปแบบ UI เช่นเดิมตามสไตล์ของ iOS 9.x เน้นความสะอาดและคล่องตัว ซึ่งถ้าหากคุณใช้งานอยู่ก็จะทราบข้อดีและข้อเสียเป็นอย่างดีอยู่แล้ว แน่นอนว่าลืมการทำงานแบบสองหน้าจอหรือ Side-by-Side ไปได้เลย
ประสิทธิภาพ
ไอโฟนดีกว่าครับ จบ! เดี๋ยวก่อนนะ … สำหรับ S7 มีวางจำหน่ายสองโมเดลคือ Snapdragon 820 และ Exynos 8890 ซึ่งมีประสิทธิภาพใกล้เคียงกัน (บ้านเราขายแค่ตัวหลัง) สำหรับการวัดตรง ๆ กับทาง 6s จะได้ตัวเลขดังนี้
สเปคของ Galaxy S7
- Octa-core 2300 MHz, 64-bit
- ARM Mali-T8800MP14
- RAM 4 GB
สเปคของ iPhone 6s
- Dual-core 1840 MHz, 64-bit
- PowerVR GT7600
- RAM 2 GB
หากว่ากันตามสเปคคือ Apple แพ้ขาดลอย (ซึ่งอันที่จริงวัดแค่นี้คงไม่ได้) แต่ถ้าหากเทียบกับแบรนด์ Samsung เองแล้วรุ่นนี้ถือว่า “เร็วกว่ารุ่นเก่า” เพียงแค่ 30% ซึ่งก็ถือว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงที่เล็กน้อยมาก แต่ถ้าหากว่ากันตามสเปค S7 มีการเพิ่มแรมเข้ามาถึง 4 GB ดังนั้นจึงควรจะเก่งเรื่อง Multitasking มากขึ้น และยังไงคงต้องรอดูผลการรีวิวอีกทีหนึ่ง
ความจุเดียวที่ขายในไทยของ S7 จะเป็น 32 GB แต่ถ้าหากคุณใช้ไม่พออาจเพิ่มด้วยการ์ด microSD สูงสุด 200 GB ในขณะที่ 6s จะไม่สามารถเพิ่มความจุได้แต่มีให้เลือกตั้งแต่ 16, 64 และ 128 GB ซึ่งถึงแม้ว่าราคาต่อความจุของ microSD จะถูกกว่า แต่ความเร็วเมม On-board ก็เร็วกว่าแบบเทียบไม่ได้
กล้อง
จากสเปค SS เลือกที่จะ “ลดสเปคกล้อง” และเลิกแข่งกันที่พิกเซลหันมาเน้นคุณภาพอย่างจริงจัง (แบบเดียวกับที่ Apple ทำมาโดยตลอด) เหลือความละเอียดเพียง 12 MP เท่ากับไอโฟนรุ่นล่าสุด แต่ถึงอย่างไรก็ยังให้ค่ารูรับแสงที่กว้างกว่า (F1.7 vs F2.2) และพิกเซลขนาดใหญ่กว่า (1.4 ไมครอน vs 1.22 ไมครอน) ซึ่งแปลตรงตัวเลยก็คือมันสามารถถ่ายในที่มืดได้ดีกว่า นอกจากนี้ S7 ยังได้เพิ่มระบบโฟกัสแบบ Dual Pixel ที่จะเห็นผลชัดในสภาพแวดล้อมที่มืด
iPhone 6s ไม่มีระบบกันสั่น (OIS) แบบในตัวเหมือนกับ iPhone 6s Plus และ Galaxy S7 ดังนั้นผู้ใช้หากต้องการกันสั่นและเน้นถ่ายในที่มืด อาจต้องเอาสิ่งเหล่านี้มาคำนวณด้วยซึ่งไอโฟนหกเอส ณ ตอนนี้แพ้สนิท
iPhone 6s กับ Galaxy S7 อะไรดีกว่า
หากให้สรุปแบบฟันธงคงเห็นทีจะไม่ได้ (เพราะเดิมที iOS และ Android ก็มีแนวคิดที่แตกต่างกันตั้งแต่เริ่มอยู่แล้ว) แต่คงต้องยอมรับเลยว่าซัมซุงทำการบ้านมาได้ค่อนข้างดี Galaxy S7 มีอะไรใหม่ มีแทบทุกอย่างที่ผู้ใช้ต้องการตั้งแต่เพิ่มเมมได้และกันน้ำ อีกทั้งยังมีการทำการบ้านเรื่องความจุของแบตเตอรี่ที่มากขึ้น (ขาดเพียงแค่ถอดไม่ได้อย่างเดียว) ส่วนการวางจำหน่ายน่าจะประมาณปลายเดือนมีนาคม ราคายังไม่เปิดเผย
และถึงแม้ว่าไอโฟนจะแพ้ในหลายด้านตั้งแต่สเปคในกระดาษ แต่จากประสบการณ์ที่ผ่านมาของแพลตฟอร์ม ได้พิสูจน์แล้วว่ามันมีความน่าเชื่อถือในทางปฏิบัติ เพรียบพร้อมไปด้วยแอปพลิเคชันคุณภาพมากมาย (ทั้งจากทาง Apple เองและผู้ผลิตรายอื่น) สุดท้ายนี้ความคาดหวังคงอยู่กับที่ iPhone 7 ที่น่าจะเป็นคู่แข่งที่สมน้ำสมเนื้อมากกว่านี้ … แต่สำหรับความรู้สึกของสาวกแล้ว
ถ้าไม่ใช่ไอโฟน ยังไงก็ไม่ใช่ไอโฟน