iPhone SE หรือ iPhone Special Edition เปิดขายกันไปเมื่อวาน (31 มีนาคม 2559) เป็นวันแรกในกลุ่มประเทศแรกสำหรับโลกที่หนึ่ง(แน่นอนว่าไม่มีประเทศไทย :D) วันนี้มีแฟนเพ็จของเราได้ส่งภาพพรีวิวตัวจริงๆ มาให้ชมจากแดนไกลอย่างประเทศนิวซีแลนด์ จะเป็นอย่างไรนั้นไปชมกันเลยครับ
สเปค iPhone SE (Special Edition)
- ขนาดและรูปร่างเท่ากับ iPhone 5s
- ใช้ชิปประมวลผล A9 แบบเดียวกับ iPhone 6s เร็วแรงกว่าเดิม 2 เท่า
- กราฟฟิก M9 แรงกว่าเดิม 3 เท่า
- RAM 2GB
- รองรับ Hey Siri แบบเปิดค้างตลอด
- แบตเตอรีใช้ได้ยาวนานขึ้น ประสิทธิภาพดีขึ้น 50% เมื่อเทียบกับ iPhone 5s
- รองรับ LTE ความเร็วสูงสุด 150 Mbps
- รองรับ VoLTE
- WiFi 802.11ac ความเร็วสูงสุด 433 Mbps
- รองรับ WiFi Calling
- มาพร้อม Bluetooth 4.2
- มาพร้อม iOS 9.3
- กล้องหลัง 12 MP (กล้องไม่นูน) กล้องหน้า 1.2 MP
- กล้องมี Focus Pixels
- กล้องหน้ามาพร้อมแฟลชจากจอ Retina (แบบเดียวกับ iPhone 6s)
- รองรับ Live Photos
- ภาพพาโนรามาขนาดใหญ่สุด 63MP
- ถ่ายวีดีโอ 4K ได้
- ถ่าย FHD 1080P สูงสุด 60 fps
- ถ่าย Slo-mo เร็วสุด 240 fps
- อัปเกรดไมโครโฟน
- รองรับ Apple Pay
- มี 4 สี คือ สีเทา สีเงิน สีทองและสีโรสโกลด์
- หน้าจอขนาด 4 นิ้ว
- รองรับ Touch ID
- ไม่รองรับ 3D Touch
- ใช้ชิปตัวจัดการพลังงานแบบใหม่ซึ่งยังไม่เคยใช้ใน iPhone รุ่นอื่นมาก่อน
- ไม่มีระบบกันน้ำ (อย่าเอาไปแช่น้ำเล่นเชียว)
เอาหละฟีเจอร์จัดหนักจัดเต็มขนาดนี้หลายคนคงอยากจะเห็นตัวจริงกันแล้วเอาเป็นว่าเราไปชมภาพชัดๆ ของ iPhone SE ตัวจริงกันเลยครับ
สีที่นำมาให้ชมเป็น Rose Gold นะคาดว่าหลายคนคงอยากจะเห็นว่าทำออกมาแล้วจะเป็นอย่างไร คลิกที่รูปเพื่อชมขนาดเต็มนะครับ
รูปแรกมองด้านหลังภายนอกไม่ต่างอะไรกับ iPhone 5s ที่ใหม่ก็คือสีเท่านั้นส่วนเรื่องของน้ำหนักนั้นเบามาก
เส้นสายของเสาอากาศด้านข้างยังคงอยู่และถาดซิมก็อยู่ในตำแหน่งเดิม
ปุ่ม Power ยังอยู่ที่มุมบนขวาไม่เปลี่ยนไปด้านข้างแบบ iPhone 6s แต่อย่างใด เพราะด้วยหน้าจอขนาด 4 นิ้ว ทำให้สามารถใช้มือเดียวเอื้อมไปกดปุ่มนั้นได้สบายๆ
สำหรับปุ่ม Touch ID ความเร็วในการสแกนนิ้วนั้นจะช้ากว่า iPhone 6s คาดว่าทาง Apple ยังคงใช้ Touch ID เวอร์ชันเดิมอยู่
ดูเล็กๆ ไปนะสำหรับคนมือใหญ่แต่ว่ามือสาวๆ เมืองไทยน่าจะเหมาะครับกับขนาดนี้
ด้านข้างไม่มีอะไรใหม่
ทดสอบเทียบขนาดกับ iPhone 6s
ประสิทธิภาพการทำงาน
บอกได้ว่าเร็วมาก….. ถ้าใครใช้ iPhone 4s, 5, 5c, 5s อยู่แล้วได้มาจับ iPhone SE นี่บอกได้เลยว่าความเร็วคนละเรื่องเลย เพราะด้วยพลังของชิป A9 พร้อมด้วย RAM 2GB แบบเดียวกับ iPhone 6s ทำให้ความเร็วในการใช้งานนั้นแรงขึ้นจากเดิมเป็นอย่างมาก
กินพลังงานน้อยกว่าเดิมแบตอยู่ได้นานขึ้น เพราะด้วยหน้าจอที่มีขนาดเล็ก(เพียง 4 นิ้ว) และความละเอียดจอนั้นไม่ได้เยอะเท่า iPhone 6s พร้อมด้วยชิป Power Management ตัวใหม่(แบบที่ไม่เคยใช้ใน iPhone รุ่นไหนมาก่อน) ทำให้ iPhone SE ใช้งานได้เต็มวันบ้างก็เหลือไปอีกวันเลยถือว่าเป็นเรื่องที่ดี
น้ำหนักเบาขนาดเล็กพอดีมือเหมาะสำหรับคนมือเล็กโดยเฉพาะคุณผู้หญิง แถมมาพร้อมสี Rose Gold ที่เพิ่มมาให้เลือกอีกสีทำให้คาดว่า iPhone SE จะได้รับความนิยมเป็นอย่างมากด้วยราคาที่ไม่แรงเกินไปแถมใช้กับเคสรุ่นเก่าๆ ได้อีกด้วย
จุดด้อยที่พอจะเจอก็คือกล้องหน้าที่ให้มาน้อยเกินไปเพียง 1.2 MP เท่านั้นอาจจะทำให้ขา Selfie ไม่ค่อย Happy สักเท่าไหร่และระบบ Touch ID ที่ยังคงใช้รุ่นเดิม(ไม่ใหม่เหมือน iPhone 6s) อาจจะทำให้สแกนนิ้วไม่เร็วสั่งได้ดั่งใจเหมือน iPhone 6s มากนัก
โดยรวมแล้วรุ่นนี้คุ้มค่า คุ้มราคา สเปคเทพ ราคาเริ่มต้นที่หมื่นปลายๆ (16GB) ไปถึงสองหมื่นต้นๆ (64GB) ซื้อแล้วสามารถใช้งานได้ 3-4 ปี (ถ้าไม่ตกน้ำหรือโดนรถทับเสียก่อน) คุ้มค่าสำหรับใครที่ใช้ 4, 4s, 5, 5c, 5s ที่จะอัปเกรดนะครับซึ่งมันก็สมควรแก่การทำเช่นนั้นอยู่แล้ว
ส่งท้ายด้วยคลิปพรีวิวและรีวิว iPhone SE จากหลายๆ สำนักนำมาให้ชมกันครับ
เริ่มกันที่ คลิปแกะกล่อง รีวิว iPhone SE สี Rose Gold เครื่องแรกในไทย จาก iaumreview ที่แรกในไทย ไปชมกันครับ
ต่อด้วย รีวิว iPhone SE จาก MF-Edge.com
จากต่างประเทศบ้างกับ 9to5mac
จัดเต็มให้เลยสำหรับใครที่กำลังหาข้อมูลของ iPhone SE อยู่จะได้ตัดสินใจได้ถูกว่าจะซื้อดีหรือไม่
สำหรับช่วงเวลาที่จะขายในไทยนั้นก็ราวๆ ปลายเดือนเมษายนไปถึงกลางเดือนพฤษภาคมก็เป็นได้ เรื่องราคานั้นจะอัปเดตให้ทราบกันอีกครั้ง
ขอบคุณภาพถ่าย iPhone SE จากคุณ Narathip MF-Edge.com