เชื่อว่าหลังจากที่อ่านหัวข้อเรื่องนี้แล้ว บางคนอาจจะเกิดความสงสัย และมีเครื่องหมายคำถามในหัวเต็มไปหมด .. ไม่ว่าจะเป็น อะไรคือ EU?,, แล้ว Brexit มันย่อมาจากอะไร? แล้วเกี่ยวอะไรกับ Apple?
อย่าเพิ่งปิดหน้าจอหนีไปไหนนะคะ อ่านต่ออีกนิด เพราะทีมงานของเราจะช่วยทำให้เครื่องหมายคำถามในหัวของทุกท่านหายไป .. งั้นเรามาเริ่มทำความเข้าใจไปพร้อมๆกันเลยค่ะ
ก่อนอื่นเรามาทำความรู้จัก EU กันก่อนดีกว่า ว่าคืออะไร?
EU ย่อมาจาก European Union หรือ สหภาพยุโรปนั่นเองค่ะ เกิดจากการรวมตัวกันของกลุ่มประเทศสมาชิกในยุโรปประกอบด้วยรัฐสมาชิก 28 ประเทศ ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือ สหราชอาณาจักรบริเตนใหญ่และไอร์แลนด์เหนือ (United Kingdom of Great Britain and Northern Ireland) หรือโดยทั่วไปรู้จักกันว่า สหราชอาณาจักร
โดยเริ่มต้นจากการเปิดเสรีทางการค้า ทยอยลดกำแพงภาษีการค้าระหว่างกันจนไม่มีภาษีซึ่งเป็นกำแพงกีดกันสินค้าของประเทศอื่น และ เปิดเสรีการลงทุน การเคลื่อนย้ายเงินทุนระหว่างกัน การเคลื่อนย้ายแรงงานระหว่างกันอย่างเสรี และ มีการใช้เงินสกุลเดียวกัน
สหภาพยุโรปนี้เอง ที่เป็นต้นแบบให้กับกลุ่มการค้าเสรีอื่นๆ รวมทั้ง ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือ AEC ที่ไทยและประเทศในอาเซียน 10 ประเทศพยายามเดินหน้าตามทิศทางเดียวกัน
แล้ว Brexit มันย่อมาจากอะไร? เกี่ยวกันยังไงกับ EU ?
Brexit เป็นการผสมคำกันระหว่าง “British” + “Exit” หมายถึง สหราชอาณาจักร ซึ่งมีอังกฤษ เป็นพี่ใหญ่ และประเทศในกลุ่มคือ สกอตแลนด์ เวลส์ ไอร์แลนด์เหนือ จะขอถอนตัวออกจาก สมาชิกสหภาพยุโรป หรือ EU นั่นเองค่ะ
อ่านกันมาถึงบรรทัดนี้.. เครื่องหมายคำถามในหัว เริ่มหายไปบ้างแล้วหรือยังคะ ^^ และประเด็นสำคัญที่ทีมงานของเราจะมาเล่าให้ฟังกันในวันนี้ แน่นอนว่า ต้องเกี่ยวข้องกับ Apple ซึ่งเชื่อมโยงกันกับข่าวที่ทั่วโลกกำลังให้ความสนใจ และจับตามองกันอยู่ นั่นคือ สถานการณ์ Brexit ค่ะ
หลายคนคงอยากรู้กันแล้วว่า
Brexit จะส่งผลกระทบอย่างไร กับ Apple ?
ทีมงานของเราจะขอสรุปเป็นหัวข้อสั้นๆ เพื่อให้อ่านเข้าใจง่ายขึ้น ดังนี้
1. ผลกระทบต่อราคาหุ้นของ Apple
หลังจากที่ผลคะแนนประชามติของชาวอังกฤษเป็นที่แน่ชัดแล้วว่า ส่วนใหญ่ต้องการให้ประเทศออกจากกลุ่มสหภาพยุโรป หรือ EU ซึ่งส่งผลให้ค่าเงินปอนด์ตกต่ำลงเรื่อยๆ และน่าจะทำให้เกิดภาวะช็อกทางการเงิน แน่นอนว่าผลจากค่าเงินปอนด์ที่ตกต่ำลง ย่อมส่งผลให้ราคาหุ้นของ Apple ร่วงลงตามไปด้วย จากสัปดาห์ที่แล้วหุ้นของ Apple มีมูลค่า 96 ดอลลาร์สหรัฐ แต่สถานการณ์ดังกล่าวทำให้มูลค่าหุ้นของ Apple ลดลงมาถึง 2.8% หรืออยู่ที่ 93.4 ดอลลาร์สหรัฐ และโดยภาพรวมตามตลาดหลักทรัพย์ NASDAQ (NASDAQ: AAPL) ลดลงมากกว่า 4% ในขณะที่ บริษัท IT คู่แข่ง อย่างเช่น Amazon, Microsoft และ Google ลดลงอยู่ระหว่าง 3.2 % และ 3.95 %
2. ผลกระทบต่ออัตราการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ
การเคลื่อนย้ายทุนออกจากอังกฤษจำนวนมาก จะส่งผลให้เงินปอนด์ของอังกฤษ อ่อนค่าลงอย่างแรงเมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์สหรัฐ ซึ่ง เป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อราคาผลิตภัณฑ์ หรือบริการต่างๆ ของ Apple ตามไปด้วย
ก่อนที่จะเล่าต่อ.. ขออธิบายความหมายของคำว่าเงินอ่อนค่าให้ฟังกันก่อน เผื่ออาจจะมีบางท่านที่ยังคงงงกับศัพท์คำนี้กันอยู่.. ยกตัวอย่างให้เห็นภาพเป็นค่าเงินบาทก็แล้วกันนะคะ
คำว่า “ค่าเงินบาท” นั้นเป็นการแลกเปลี่ยนเงินระหว่างเงินบาทของไทย กับเงินของประเทศอื่น ๆ หรือที่เรียกว่า เงินสกุลอื่น เช่น เงินสกุลดอลลาร์สหรัฐ เช่น ถ้าเราต้องการเงิน 1 ดอลลาร์สหรัฐ ($) เราต้องนำเงินบาทจำนวน 35 บาทไปแลกเปลี่ยนเพื่อให้ได้มา 1 $ ค่ะ
ส่วนความหมายของ “เงินบาทแข็งค่า” ก็หมายถึงการที่เงินบาทของเรามีค่ามากขึ้นเมื่อเปรียบเทียบกับเงินสกุลที่กำลังเปรียบเทียบอยู่ เช่น ค่าเงินบาทแข็งขึ้นเมื่อเปรียบเทียบกับเงินสกุล $ ก็คือเราจะใช้เงินบาทในจำนวนที่น้อยกว่า 35 บาท เช่นอาจจะอยู่ที่ 34 บาทเพื่อไปแลกเปลี่ยนเพื่อให้ได้มาเท่ากับ 1 $ และสำหรับ “เงินบาทอ่อนค่า” ก็จะเป็นไปในทิศทางตรงกันข้ามกับค่าเงินบาทแข็งนั่นเองค่ะ เช่นเราต้องใช้เงินบาทถึง 36 บาทไปแลกเปลี่ยนเพื่อให้ได้มาเท่ากับ 1 $ ค่ะ
เงินปอนด์อ่อนค่าก็เช่นกันค่ะ..
และผลของเงินปอนด์อ่อนค่าอาจทำให้ ประชากรในอังกฤษต้องเผชิญกับปัญหาราคาของผลิตภัณฑ์ที่ปรับสูงขึ้น ทำให้กำลังซื้อลดต่ำลง ซึ่งรวมถึงกำลังซื้อผลิตภัณฑ์จาก Apple ก็น่าจะลดต่ำลงด้วย ไม่แน่ว่าอาจจะถึงเวลาที่ Apple ต้องปรับราคาของผลิตภัณฑ์ลงเพื่อแก้ปัญหาในครั้งนี้
3. ผลกระทบต่อการจ้างนักพัฒนาซอฟต์แวร์ของ Apple
สืบเนื่องจากงาน WWDC 2016 เป็นที่ทราบกันดีแล้วว่า apple กำลังมุ่งเน้นพัฒนาด้านซอฟต์แวร์ให้มากขึ้น และจำเป็นต้องอาศัยนักพัฒนาที่มีคุณภาพสูง เพื่อขยายขีดความสามารถของ application ต่างๆ ซึ่งนักพัฒนาเหล่านั้น ต่างกระจายกันอยู่ในหลายๆประเทศทั่วโลก และหนึ่งในหลายๆประเทศนั้น ก็คงต้องรวมถึงประเทศอังกฤษด้วย
ซึ่งสถานการณ์ Brexit ในครั้งนี้ อาจส่งผลต่อการจ้างงานของนักพัฒนาซอฟต์แวร์ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องค่าแรงที่อาจต้องปรับสูงขึ้น ทำให้ผู้ประกอบการไม่มีกำลังมากพอที่จะจ้างนักพัฒนาซอฟต์แวร์ในจำนวนมากได้เหมือนเดิม และทำให้ Apple อาจสูญเสียรายได้ เมื่อไม่มีนักพัฒนาซอฟต์แวร์เข้ามาร่วมทีมในการผลิต Application ต่างๆตามมา
และที่กล่าวมาทั้งหมด เป็นข้อสรุปคร่าวๆ ที่ทางทีมงานของเราได้ร่วมกันวิเคราะห์มา แต่เรื่องราวจะเป็นยังไงต่อไป
Apple จะได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ Brexit ในครั้งนี้มากน้อยแค่ไหน ต้องคอยติดตามกันค่ะ..
เรียบเรียงโดยทีมงาน iPhoneMod.net
อ้างอิง
- http://thaipublica.org/2016/02/eic-brexit/
- http://www.voathai.com/a/britain-eu-impact-nm/3380311.html
- https://en.wikipedia.org/wiki/European_Union
- http://appleinsider.com/articles/16/06/24/how-the-uks-brexit-vote-to-leave-europe-affects-apple