ก่อนจะชมงานเปิดตัว iPhone X, 8 และ 8 Plus ที่จะเปิดตัวในวันที่ 12 กันยายน 2560 หรืออีกไม่กี่วันข้างหน้านี้เราย้อนกลับไปชมงานเปิดตัว iPhone 7 และ 7 Plus เมื่อปีที่แล้วกันก่อนละกันว่าในงานนั้นมีอะไรให้พวกเราได้ชมกันบ้าง
ย้อนชมงานเปิดตัว iPhone 7, 7 Plus เมื่อปี 2016 มีอะไรเด็ดบ้างในงานครั้งนั้น
งานเปิดตัว iPhone 7 และ 7 Plus ในปีที่แล้วจัดขึ้นในวันที่ 7 กันยายน 2016 ในงานครั้งนั้นสิ่งที่เราได้เห็นประกอบไปด้วย
1. iPhone 7 และ iPhone 7 Plus
iPhone 7 และ iPhone 7 Plus มีรูปร่างลักษณะภายนอกเหมือนกับ iPhone 6s และ iPhone 6s Plus รุ่นก่อนหน้า โดยในรุ่นใหม่ไม่มีแถบสัญญาณคาดด้านหลัง โดยแถบสัญญาณดังกล่าวย้ายไปรวมกับแถบด้านบนของตัวเครื่อง ทำให้ด้านหลังดูโล่งมีพื้นที่มากขึ้น
มี 5 สี คือ สีทอง สีเงิน สีทองชมพู และสีดำ 2 สีใหม่ คือ สีดำด้าน (Black) และสีดำเงา (Jet Black) โดยสีดำ Jet Black
จุดเด่นปรับปรุงปุ่ม Home ใหม่เป็นแบบ Solid State ที่จะทำงานเมื่อเครื่องเปิดและต้องสัมผัสด้วยผิวหนังเท่านั้นถึงจะกดได้ ปุ่มจะไม่ยุบแบบรุ่นก่อนๆ
กันฝุ่น – กันน้ำ มาตรฐานแบบ IP67 สามารถป้องกันฝุ่นได้ 100% สามารถกันน้ำได้ 30 นาที เมื่ออยู่ในน้ำระดับไม่เกิน 1 เมตร กันเหงื่อได้ กันฝนสาดได้
กล้องหลังแบบใหม่ ถือว่าเป็นการอัปเกรดครั้งใหญ่เรื่องระบบกล้องหลังใน iPhone เหมือนกัน โดย iPhone 7 มีการปรับปรุงเลนส์กล้องหลังให้ใหญ่ขึ้นจากรุ่นเดิม ที่พิเศษคือ iPhone 7 Plus มาพร้อมกับกล้องหลัง 2 ตัว
กล้องหลัง iPhone 7 กล้องหลังรุ่นใหม่มาพร้อมกับระบบกันภาพสั่น มีเซนเซอร์รับแสง True Tone LED Flash กล้องหน้า 7 MP กล้องหลัง 12 MP, ƒ/1.8 เพิ่มคุณสมบัติ ISP ช่วยเพิ่มคุณภาพของรูปภาพ มีความคมชัด และลดสิ่งรบกวนในภาพให้น้อยลงมากที่สุด เพิ่มประสิทธิภาพและความเร็วในการถ่ายภาพ สามารถถ่ายภาพ RAW ได้
กล้องหลัง iPhone 7 Plus
มีเลนส์กล้องหลัง 2 ตัว ประกอบไปด้วย เลนส์ Wide-Angle และ Telephoto สามารถซูมภาพได้ละเอียดขึ้นเป็นการซูมได้สูง 2 เท่า ใช้ตัวเครื่องไม่ใช่ซอฟต์แวร์ทำให้มีคุณภาพดีกว่าถึง 10 เท่า โดยกล้องหลังสามารถถ่ายภาพคุณภาพสูงระดับ DSLR ได้ เช่น การถ่ายภาพหน้าชัดหลังเบลอ การถ่ายแบบโบเก้
มีลำโพง 2 ตัวแบบ Stereo Speaker ลำโพงเพิ่มมาอีกหนึ่งข้างจะช่วยเพิ่มเสียงของ iPhone มีความคมชัดและละเอียดสูงขึ้นกว่าเดิมระดับ Stereo
ตัดช่องหูฟัง 3.5 มม. ออกโดยให้ใช้ผ่านช่อง Lightning แทน และทาง Apple ก็ได้แถม Lightning EarPods แบบสาย Lightning พร้อมกับหัวแปลง Lightning เป็น 3.5 มม. มาในกล่อง iPhone 7 และ iPhone 7 Plus ด้วย
เปิดตัวหูฟังแบบไร้สาย AirPods หูฟังรุ่นใหม่ Apple AirPods เป็นหูฟังไร้สายตัวแรกของ Apple ลักษณะโดยรวมมีสีขาวบริสุทธิ์ เชื่อมต่อกับ iPhone ผ่าน Bluetooth สามารถเรียก Siri ผ่านไมค์ได้ มีระบบตัดเสียง มาพร้อมกับชิป W1 เคสสำหรับชาร์จกับสาย Lightining มีระบบเสียงที่ดีขึ้นกว่าเดิม เชื่อมต่อกับ Apple Watch ได้ การใช้งานนั้นถือว่ายอดเยี่ยมมากๆ
ปรับปรุงประสิทธิภาพใหม่ ใช้ชิป A10 Fusion มาพร้อม RAM 2GB (iPhone 7) และ 3GB (iPhone 7 Plus) ทำให้การใช้งานลื่นไหลเป็นอย่างมาก เป็น iPhone ที่เร็วที่สุดตั้งแต่มีมา
แบตเตอรี่ยาวนานขึ้น แบตเตอรี่ของ iPhone 7 และ iPhone 7 Plus ยาวนานกว่า iPhone 6s และ iPhone 6s Plus 1-2 ชั่วโมง ยิ่งใช้งานร่วมกับ Low Power Mode ยิ่งทำให้ใช้งานได้นานมากยิ่งขึ้น
ความจุเพิ่มขึ้นความจุตัวเครื่องใน iPhone 7 และ iPhone 7 Plus เพิ่มขึ้นจากรุ่นเดิม 1 เท่าตัว คือ 32GB 128GB 256GB เพื่อรองรับการดาวน์โหลดและการบันทึกข้อมูลผ่านแอปพลิเคชั่นใหม่ๆ ที่มีปริมาณเพิ่มมากขึ้น
มาพร้อม iOS10 ระบบปฏิบัติการที่อัปเกรดจาก iOS 9 ให้มีความน่าใช้งานมากยิ่งขึ้น
2. Apple Watch Series 2 และ Apple Watch Nike+
ลักษณะโดยรวมของ Apple Watch Series 2 เหมือนกับ Apple Watch รุ่นที่ 1 ก่อนหน้านี้ โดยในรุ่นนี้มีการปรับให้กันน้ำได้ดีขึ้น ปรับปรุง CPU GPU และเพิ่มชิป GPS ให้เก็บข้อมูลภูมิศาสตร์ได้ดียิ่งขึ้น
กันน้ำได้มากขึ้น ผู้ใช้สามารถใส่ Apple Watch Series 2 ว่ายน้ำ และดำน้ำได้ลึกสุด 50 เมตร โดยลำโพงใหม่มีระบบดันน้ำในตัวเครื่องออกได้ ชิปตัวใหม่ S2 ใช้ชิปแบบ Dual Core เร็วขึ้นกว่ารุ่นเดิม 50% และ GPU ตัวใหม่เร็วขึ้นกว่าเดิม 2 เท่า
หน้าจอละเอียดขึ้นแบบ 60fps ด้วย GPU ที่ปรับปรุงใหม่ทำให้หน้าจอมีความละเอียดสวยงามมากว่าเดิม อาจแสดงผลด้วยความละเอียดถึง 60fps และจอสว่างขึ้นกว่าเดิมใช้งานในที่แสงจ้าได้ดี
มีชิป GPS ในตัว มีการปรับปรุงชิป GPS ใหม่ โดยไม่จำเป็นต้องพึ่ง iPhone อีกต่อไป โดยชิป GPS แบบใหม่เพิ่มประสิทธิภาพการระบุตำแหน่ง การเก็บข้อมูลสุขภาพ ได้ละเอียดและแม่นยำมากขึ้น เช่น ใช้เพื่อเก็บข้อมูลเส้นทางการเดินทางไป – กลับ เพื่อป้องกันการหลงทาง อีกทั้งยังปล่อย Apple Watch Nike+ สำหรับกลุ่มลูกค้าที่หลงไหลการออกกำลังกายและจับมือร่วมกับ Nike อีกด้วย
มาพร้อม watchOS 3 Apple ปรับปรุง watchOS 3 ใหม่ มีลูกเล่นค่อนข้างเยอะพอสมควร เช่น Smart Keyborad แบ่งปันข้อมูลสุขภาพร่วมกัน ปรับปรุง iMessage โทรด่วนได้โดยกดปุ่มด้านข้างของ Apple Watch เน้นการปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงานของ OS ให้ดีขึ้น เพิ่ม Control Center รูปแบบใหม่, ปรับปรุงการ Switch เปลี่ยนแอปพลิเคชั่นต่างๆ ให้ดีกว่าเดิม
และนั่นคือสิ่งที่เราได้เห็นในงาน Apple Special Event September 2016 ในปีที่ผ่านมา
Apple Special Event September 2017 ที่กำลังจะมาถึง
แล้วงานวันที่ 12 กันยายน 2560 นี้หละ เราจะได้เห็นอะไรกันบ้างต้องติดตามและทีมงาน iPhoneMod ก็ไม่พลาดที่จะรายงานความเคลื่อนไหวให้ทุกท่านได้รับทราบก่อนใครอย่างไม่ตกเทรนด์อย่างแน่นอน
ติดตาม Liveblog งานเปิดตัว iPhone X, 8, 8 Plus และอื่นๆ ได้ที่นี่ครับ