iOS ถือว่าเป็นระบบปฏิบัติการที่ให้ความปลอดภัยมากที่สุดเป็นอันดับหนึ่ง และมีฟีเจอร์ที่มีประโยชน์อยู่มากมาย รวมถึงฟีเจอร์ที่คุณอาจจะยังไม่รู้มาก่อนด้วย ลองมาดู 5 ฟีเจอร์ที่จะทำให้ iPhone ของคุณมีประโยชน์มากขึ้น กันครับ
5 ฟีเจอร์ที่จะทำให้ iPhone ของคุณมีประโยชน์มากขึ้น
1. ให้ Siri อ่านแทน
Siri ถือเป็นผู้ช่วยที่ยอดเยี่ยมและมีความสำคัญเป็นอย่างมากใน iOS ทั้งให้ข้อมูลที่แม่นยำ ช่วยจดบันทึก เตือนความจำ ค้นหาเบอร์โทร และอื่น ๆ อีกมากมาย รวมไปถึงการตั้งค่าเพิ่มความสามารถให้ Siri อ่านข้อความแทนคุณได้อีกด้วย
โดยสามารถเข้าไปเปิดการตั้งค่าทั้ง 2 ฟีเจอร์ ได้แก่ Speak Selection (อ่านข้อมูลเฉพาะที่เลือก) และ Speak Screen (อ่านข้อมูลทั้งหน้าจอ) ได้ที่
Settings > General > Accessibility > Speech > Speak Selection ปรับเป็น On และ Speak Screen ปรับเป็น On
นอกจากนี้คุณยังสามารถตั้งค่าให้ Siri อ่านข้อความไปด้วยและไฮไลต์ข้อความในเวลาเดียวกันได้อีกด้วย ตั้งค่าได้ที่ Highlight Content ปรับให้เป็น On
เมื่อเปิดใช้งาน Speak Selection แล้ว เมื่อเลือกข้อความในหน้าจอจะมีปุ่ม Speak โผล่ขึ้นมาในแถบเมนู และเมื่อเปิดใช้งาน Speak Screen แล้ว เราสามารถใช้งานได้โดยการใช้ 2 นิ้ว แตะและรูดลงมาจากด้านบนของหน้าจอ เพื่อให้ Siri อ่านข้อความในหน้าจอทั้งหมด โดยจะมีแถบเมนูให้ปรับความเร็วในการพูดของ Siri และเลื่อนข้อความย้อนกลับหรือไปข้างหน้าได้
2. แจ้งเตือนเมื่อถึงสถานที่สำคัญ
แอป Reminders เป็นอีกหนึ่งเครื่องมือที่มีความจำเป็นอย่างมากในการใช้ชีวิตประจำวัน ทั้งช่วยจดจำและแจ้งเตือนเมื่อใกล้ถึงเวลาที่สำคัญ และดียิ่งขึ้นไปอีกที่แอป Reminders สามารถใช้งานร่วมกับฟีเจอร์ติดตามตำแหน่ง (Location-Based) ในระบบ iOS ได้
เช่น เมื่อคุณต้องการให้แจ้งเตือนให้โทรหาแม่เมื่อเดินทางกลับมาถึงบ้าน เพียงคุณพูดสั่งการ Siri ด้วยคำว่า “เตือนฉันให้โทรหาเบอร์แม่เมื่อฉันอยู่ที่บ้าน” และเมื่อคุณเดินทางมาถึงบ้านแอป Reminders ก็จะแจ้งเตือนให้คุณได้ทราบในทันที
โดยสามารถเข้าไปเปิดการตั้งค่าทั้ง 2 ที่ ได้แก่
Settings > Privacy > Location Services > Reminders > เลือกเป็น While Using the App
และ Settings > Privacy > Location Services > System Services > Location-Based Alerts > ปรับเป็น On
สำหรับการแจ้งเตือนที่ถูกต้อง จำเป็นต้องเข้าไปตั้งค่าที่อยู่ของตัวเองในแอป Contacts แล้วเท่านั้น โดยสามารถเข้าไปตั้งค่าได้ที่
Contacts > My Card > Edit > add address ตั้งค่าที่อยู่ให้ถูกต้อง แล้วกด Done
หมายเหตุ: สำหรับการประยุกต์ใช้กับสถานที่อื่นก็จำเป็นต้องเพิ่มที่อยู่ของสถานที่นั้นในแอป Contacts ด้วยเช่นกัน
3. การสั่นของ iPhone จะไม่น่าเบื่ออีกต่อไป
ในระบบ iOS ของ Apple จะมีชุดรูปแบบของการสั่นของ iPhone อยู่ประมาณ 9 แบบ ซึ่งมันอาจยังไม่โดนใจสำหรับใครหลาย ๆ คนที่ต้องการระบบสั่นที่เป็นของตัวเอง เพื่อใช้สั่นเตือนข้อความเข้า, อีเมล, แจ้งเตือนต่าง ๆ หรือ AirDrop เป็นต้น โดยคุณสามารถกำหนดรูปแบบการสั่นของตัวเองได้ โดยสามารถเข้าไปตั้งค่าได้ที่
Settings > Sounds & Haptics > Sounds and Vibration Patterns > เลือกส่วนที่ต้องการกำหนด เช่น Ringtone > Vibration > Create New Vibration
นอกจากนั้น คุณยังสามารถตั้งค่ากำหนดการสั่นให้กับบุคคลใดบุคคลหนึ่งภายใน Contacts ได้ โดยสามารถตั้งค่าได้ที่
Contacts > เลือกบุคคลที่ต้องการ > Edit > Ringtone หรือ Text Tone > Vibration > Create New Vibration
หมายเหตุ: Ringtone ใช้เมื่อมีการโทรเข้า ส่วน Text Tone ใช้เมื่อมีข้อความเข้า
4. การเปิด Location สามารถบอกสถานที่ที่ไปบ่อยที่สุดได้
แน่นอนว่าหากคุณเปิด Location บริการติดตามตำแหน่งในอุปกรณ์ iOS นั้นย่อมมีประโยชน์เป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็น ช่วยติดตามตำแหน่ง iPhone เมื่อหล่นหาย, ช่วยค้นหาร้านกาแฟหรือโรงหนังที่อยู่ใกล้เคียง หรือบอกวิธีการเดินทางจากที่หนึ่งไปอีกที่หนึ่งได้ง่าย ๆ ผ่านแอป Maps ใน iOS แต่สิ่งที่หนึ่งที่คุณอาจยังไม่ทราบ คือ Location ตัวติดตามตำแหน่งนั้น ยังสามารถบอกสถานที่ที่คุณไปบ่อยสุดได้อีกด้วย
ในส่วนของการเปิดการตั้งค่าตัวติดตามตำแหน่งสถานที่ที่ไปบ่อยนั้น สามารถเข้าไปเปิดการตั้งค่าได้ที่
Settings > Privacy > Location Services > System Services > Frequent Locations > ปรับให้เป็น On
เมื่อปรับการตั้งค่าแล้ว เมื่อเวลาผ่านไปคุณจะสามารถเห็นสถานที่ที่คุณไปบ่อยที่สุดตามเมืองต่าง ๆ บนแอป Maps ใน iOS สามารถแตะที่สถานที่นั้น ๆ เพื่อดูเวลาที่คุณอยู่ในสถานที่นั้นนานเพียงใดได้
หมายเหตุ: สำหรับใครที่ต้องการความเป็นส่วนตัวก็สามารถกด Clear History เพื่อล้างประวัติเกี่ยวกับสถานที่ที่ไปบ่อยได้
5. iPhone Storage
หากคุณเป็นเจ้าของ iPhone ที่มีพื้นที่เพียง 32 GB ที่ยิ่งใช้ยิ่งน้อยจนไม่เพียงพอ ฟีเจอร์ iPhone Storage อาจตอบโจทย์ และใน iOS 11 ฟีเจอร์ iPhone Storage ยังได้มีการปรับปรุงแถบแสดงสัดส่วนการใช้ข้อมูลในอุปกรณ์ว่า ข้อมูลประเภทใดใช้พื้นที่ในอุปกรณ์เป็นสัดส่วนเท่าไหร่? มีพื้นที่ว่างเท่าไหร่? โดยคุณสามารถเข้าไปดูแอปที่ใช้ข้อมูลเป็นจำนวนมากและลบแอป ได้ที่
Settings > General > iPhone Storage > เลือกแอปที่ต้องการลบ
สำหรับ iOS 11 ยังมีอีกหนี่งฟีเจอร์ที่น่าสนใจใน iPhone Storage คือ Offload Unused Apps ที่ใช้สำหรับลบแอปที่ไม่ได้ใช้เป็นเวลานานออกไปโดยอัตโนมัติ โดยที่ข้อมูล เอกสาร รูปภาพ หรือบันทึกเกมของแอปนั้น ๆ ไม่หายไป สามารถโหลดติดตั้งกลับมาใช้งานใหม่ได้ทุกเมื่อที่ต้องการ โดยสามารถเปิดการตั้งค่าได้ในช่อง Offload Unused Apps และกด Enable
ข้อแนะนำเพิ่มเติม: สำหรับแอปที่มีการอัปเดตหลายเวอร์ชันเป็นเวลานาน เช่น Facebook, Messenger, Line เป็นต้น จะมีเนื้อที่เก็บข้อมูลที่ไม่จำเป็นเยอะขึ้นตามเวอร์ชันที่อัปเดต คุณสามารถเข้าไปเลือกแอปในหน้า iPhone Storage เพื่อไปกดลบแบบ Offload App และกดติดตั้งกลับมาใหม่ เพื่อลดความซ้ำซ้อนของข้อมูลที่ไม่จำเป็นได้โดยข้อมูลรูปภาพของคุณจะไม่หายแต่อย่างใด
ศึกษา 4 วิธีตั้งค่าให้ iPhone มีพื้นที่การใช้งานเพิ่มขึ้นใน iOS 11 ได้ที่นี่
ที่มา – AppAdvice