Attapon Thaphaengphan
AirPods 2 เปิดขายอย่างเป็นทางการในประเทศไทยเป็นที่เรียบร้อย วันนี้เรามาชมรีวิวหูฟังไร้สายที่แท้จริง (True Wireless) จาก Apple ที่หลายคนต่างตั้งตารอว่าในรุ่นใหม่ของ AirPods นั้นจะมีอัปเดตใหม่จุดไหนบ้าง เรามาชมพร้อมกันในรีวิวนี้ครับ
รีวิว AirPods 2 การอัปเกรดใหม่ในรอบ 2 ปี ที่มาพร้อมความสมาร์ตมากยิ่งขึ้น
พรีวิวแกะกล่อง AirPods 2 ให้ดูกันไปแล้วหากใครยังไม่ได้ดูก็เชิญอ่านที่บทความนั้นก่อน บอกรายละเอียดเอาไว้สำหรับรุ่นที่ใช้กล่องชาร์จแบบ Lightning ปกติ ส่วนในรีวิวนี้จะขอยกรุ่น Wireless Charging Case มาเป็นนายแบบให้ได้ชมกันนะครับเพื่อความสดและใหม่ของข้อมูล
1. สเปกการเปลี่ยนแปลงที่น่าสนใจใน AirPods 2
สิ่งที่ปรับปรุงหลัก ๆ ได้แก่
- ใช้ชิปไร้สาย Apple H1 รุ่นใหม่ ต่างจาก AirPods 1 ที่ใช้ชิป Apple W1
- ชิป Apple H1 ที่ดีขึ้นคือ ประหยัดพลังงานขึ้น เชื่อมต่อดีขึ้น คุณภาพเสียงดีขึ้น
- ประหยัดแบตเตอรี่ขึ้นคุยนานขึ้น 50% สนทนาได้สูงสุดถึง 3 ชั่วโมง หูฟังรองรับชาร์จเร็วจากกล่อง 15 นาที คุยได้นาน 2 ชั่วโมง (ชมตารางเปรียบเทียบประสิทธิภาพแบตเตอรี่ด้านล่าง)
- สลับไปมาระหว่างอุปกรณ์ที่ใช้งานอยู่ได้เร็วขึ้นถึง 2 เท่า
- ลดอัตราความหน่วงขณะเล่นเกมได้ถึง 30%
- รองรับ “หวัดดี Siri หรือ Hey Siri” สั่งการด้วยเสียงโดยไม่ต้องหยิบ iPhone ขึ้นมา
- กล่องชาร์จไร้สาย (Wireless Charging Case) มาตรฐาน Qi สามารถวางบนแท่นชาร์จไร้สายเพื่อชาร์จไฟให้ AirPods ได้ กล่องนี้รองรับการชาร์จได้ทั้งรุ่น 1และ 2
ทั้งนี้ทีมงานขอแนบตารางเปรียบเทียบ AirPods 2 ทั้ง 2 รุ่นพร้อมด้วยเคสชาร์จไร้สายที่มีแยกขายด้วย (สามารถซื้อได้ที่หน้าร้านเท่านั้น) มาให้ชมกันเพื่อความเข้าใจที่ง่ายขึ้น
สำหรับสิ่งที่มีข่าวลือมานั้นและพบว่าใน AirPods 2 ไม่มีนั่นคือ สีใหม่อย่างเช่นสีดำและการควบคุมการเพิ่มลดเสียงจากตัวหูฟังนั้นยังไม่สามารถทำได้ ซึ่งถือว่ายังเป็นเรื่องที่น่าเสียดาย เพราะคิดว่าส่วนนี้น่าจะทำได้ไม่ยาก เช่น การใช้คำสั่งให้สัมผัสค้างเพื่อเพิ่มหรือลดเสียงนั้นไม่น่าจะใช่เรื่องที่ยากแต่อย่างใด เราก็คงต้องรอดูในอนาคตรุ่นต่อไปแล้วกันนะ
2. ประสิทธิภาพและประสบการณ์หลังการใช้งานจริง
2.1 การชาร์จธรรมดาและชาร์จไร้สายเลือกอะไรดี?
นำสเปกของแบตเตอรี่มาให้ชมก่อน เดี๋ยวจะรีวิวเชิงลึกเรื่องแบตเตอรี่ให้ชมอีกครั้ง
- หูฟังแต่ละข้างมีแบตฯ ความจุ 93 mWh (ในก้อนแบตไม่ได้บอกแรงดันและค่า mAh เอาไว้)
- เคสชาร์จทั้งรุ่นปกติและรุ่นไร้สายมีความจุแบตเตอรี่ 398 mAh (3.81V, 1.52Wh)
ในเรื่องการชาร์จนั้นประเด็นนี้คนถามกันเยอะ ซึ่งบอกก่อนว่าทั้ง 2 รุ่นสามารถชาร์จด้วยสาย Lightning ได้ ส่วนเรื่องที่สรุปว่าควรซื้อ AirPods 2 รุ่นไหนดี ระหว่างชาร์จธรรมดากับชาร์จไร้สาย?
ทีมงานขอแนะนำว่าถ้าไม่มีแท่นชาร์จไร้สายก็ควรซื้อรุ่นปกติจะได้ประหยัดเงิน ส่วนถ้ามีแท่นชาร์จไร้สายและอยากได้ฟีเจอร์การชาร์จไร้สายของตัวกล่อง AirPods 2 ก็เลือกซื้อรุ่นแพงสุดได้เลย มันต่างกันแค่กล่องชาร์จจริง ๆ ประสิทธิภาพนั้นมันคือตัวเดียวกันเลยไม่ได้ต่างกันเลย
2.2 การเชื่อมต่อและการสลับระหว่างอุปกรณ์
ตั้งแต่ AirPods 1 แล้ว Apple แสดงให้เห็นการเชื่อมต่ออุปกรณ์ไร้สายผ่าน Bluetooth นั้นเป็นเรื่องที่ง่ายดายมาก ทำให้ AirPods สามารถต่อกับ iPhone iPad ได้อย่างรวดเร็วในเวลาไม่กี่วินาที อัปเดตในรุ่นที่ 2 นี้ด้วยความสามารถของชิป Apple H1 ที่เพิ่มความเร็วในการเชื่อมต่อทำให้รุ่นนี้เชื่อมต่อได้เร็วกว่ารุ่นเดิมถึง 2 เท่า และเท่าที่ใช้งานมาตอนที่เราจับหูฟังออกจากกล่องมาใส่ที่หูนั้นก็ใช้เวลาประมาณ 2-4 วินาทีที่หูฟังนั้นพร้อมใช้งาน ซึ่งถือว่าเร็วมากพอควร
2.3 คุณภาพเสียงในการฟังเพลง
ในรุ่นที่ 2 เสียงที่ได้นั้นมีมิติมากกว่ารุ่นแรกประมาณ 15-20% เบสเยอะขึ้นแต่ไม่ถึงระดับตึ๊บ ๆ ที่ฟังแล้วปวดหู, ส่วนเสียงช่วงกลางก็มาเต็ม ฟังได้สบาย ๆ รายละเอียดชัดขึ้น ส่วนเรื่องเสียงสูงนั้นก็ยังปกติ ดังนั้น AirPods จึงเป็นหูฟังที่เหมาะกับการใช้งานแบบประจำวันกับทุกสถานการณ์มากกว่าการฟังเสียงเพลงคุณภาพเสียงระดับ Hi-End
ในแง่ของระยะรับสัญญาณนั้นประมาณ 100 เมตรเห็นจะได้ ซึ่งเทียบกับ AirPods 1 แล้วทำได้ระยะเท่ากันครับ
2.4 การรับชมเนื้อหาวิดีโอ
บางคนกังวลเรื่องดูวิดีโอหรือเล่นเกมผ่านหูฟังไร้สายแล้วเสียงจะดีเลย์ล่าช้า ต้องบอกเลยว่า AirPods 2 นี้ทำการบ้านมาดี จากการทดสอบดู Netflix นั้นภาพและเสียงก็มาตรงจังหวะกับปากที่พูดเป๊ะ ทำให้ไม่เสียอรรถรสในการรับชม จุดนี้หายห่วงครับ
2.5 การคุยโทรศัพท์, LINE Call, Facebook Call
เรื่องคุยโทรศัพท์ผ่าน AirPods ต้องยกนิ้วให้เลย เป็นหูฟังที่ช่วยให้คุยสายได้ดีเยี่ยมทั้งในแง่ประสิทธิภาพของเสียงที่ได้ยินและเสียงไมค์ที่ส่งออกไปยังปลายสายจุดนี้ทำได้ดีมาก เสียงชัดดีตัดเสียงรบกวนรอบข้างได้ด้วย แบตเตอรี่คุยได้นาน 3 ชั่วโมง แต่หากสลับใช้ทีละข้างจะใช้รวมกันได้กว่า 6 ชั่วโมง นี่ยังไม่รวมตอนแบตเตอรี่ลดลงแล้วนำกลับมาชาร์จก็จะทำให้นำกลับมาใช้ต่อได้อีก ดังนั้นใครที่คุยสายทั้งวันบอกเลยว่า AirPods เอาอยู่ครับ
2.6 การใช้งานระหว่างออกกำลังกาย
หลายคนกังวลว่า AirPods ใส่ไปแล้วนำไปออกกำลังกายแล้วจะหลุด ต้องบอกเลยว่าเรื่องนี้หายห่วง ผมใช้ AirPods กับการวิ่งประจำไม่ว่าจะบนสายพานหรือจะสิ่งริมถนนไกล ๆ เป็นระยะ Half Marathon (21 กม.) ก็ใช้งานได้สบายไม่หลุดแต่อย่างใด ถ้าจะมีพลาดบ้างก็ตอนเช็ดเหงื่อแล้วเผลอไปปัดโดนนั่นแหละ แต่ถ้าวิ่งไปเรื่อย ๆ บอกเลยว่าไม่หลุด จะสะบัดหัวแรง ๆ ก็เกรงว่าคอเราจะหลุดแทนเสียก่อน
ส่วนเรื่องความสะดวกที่เพิ่มขึ้นเข้ามาใน AirPods 2 คือ การเรียกใช้งาน Siri ได้โดยไม่ต้องหยิบจับอุปกรณ์อื่น ๆ อย่าง iPhone หรือว่า Apple Watch ทำได้ง่าย ๆ เพียงสั่ง “หวัดดี Siri หรือ Hey Siri” แล้วบอกนางได้เลย จะเปลี่ยนเพลง, เล่นเพลง, เพิ่มลดเสียง, โทรออก ฯลฯ ก็ทำได้ง่าย ๆ ดังใจสั่ง
3. สรุป
จากการใช้งาน AirPods 2 ได้สักพักใหญ่ ๆ ก็ได้เห็นทั้งส่วนที่เหมือนเดิมและส่วนที่แตกต่างกับรุ่นแรก ผมจึงอยากขออนุญาตสรุปภาพรวมของหูฟังรุ่นนี้ให้ได้ทราบกันครับ เผื่อว่าใครยังไม่เคยลองใช้ AirPods จะได้ทราบว่าความสามารถของมันเป็นยังไง ทำไม AirPods จึงได้รับคำชมจากผู้ใช้งานทั่วโลกทั้ง ๆ ที่รูปลักษณ์นั้นมันเหมือนหูฟัง EarPods ที่ตัดสายออก ซึ่งพอจะรวบรวมข้อมูลทั้งหมดได้ดังนี้
ข้อดี
- ใช้งานง่ายมากโดยเฉพาะอย่างยิ่งกับ iPhone, iPad, Mac สามารถใช้งานร่วมกันได้อย่างสบาย จะใช้ก็เพียงหยิบออกจากกล่องแล้วใส่เข้าไปที่หูเพียงเท่านี้ก็พร้อมใช้งาน ไม่ต้องไปกดปุ่มอะไรให้ยุ่งยาก อีกทั้งรองรับการทำงานร่วมกับ Android และ Windows อีกด้วยนะ
- ใช้งานหูฟังทีละข้างได้ ไม่จำเป็นต้องใช้ 2 ข้างพร้อมกัน สะดวกสำหรับการใช้โทรศัพท์ หูฟังอีกข้างที่ไม่ได้ใช้งานก็สามารถชาร์จไฟได้ตลอดเวลาพร้อมสำหรับการใช้งานเสมอ
- ถ้าถอดหูฟังออกจากหู ระบบจะรู้ว่าไม่ได้ใส่หูฟังนั้นแล้ว เพลงจะหยุดเล่น แต่ถ้าใส่หูฟังกลับเข้าไป เพลงก็จะกลับมาเล่นเองโดยอัตโนมัติ
- ตรวจสอบระดับแบตเตอรี่ที่เหลือของหูฟังทั้ง 2 ข้างและกล่องชาร์จได้ง่าย ๆ ผ่าน Widget ใน iPhone
- น้ำหนักเบาพกพาง่าย
- สวมใส่ใช้งานแล้วไม่หลุดออกง่าย ๆ แม้จะออกกำลังกายหนัก ๆ อย่างเช่นการวิ่งระยะไกลถึง 21 กม. ก็ไม่หลุดแต่อย่างใด ถ้าไม่เอามือไปปัดโดนเสียก่อน
- การเชื่อมต่อทำได้รวดเร็วขึ้น ใน AirPods 2 นี้ทดสอบแล้วเร็วขึ้นจริง สวมใส่หูปั๊บก็พร้อมใช้งานในไม่ช้า
- AirPods 2 เรียกใช้งาน Siri ให้ทำตามคำสั่งได้โดยไม่ต้องแตะ iPhone หรือ Apple Watch สะดวกมากขึ้น ทำให้หูฟังนี้มีความสมาร์ตมากยิ่งขึ้น จะโทรออกก็ง่าย, จะเปิดเพลงใน Apple Music ก็เพียงบอกผ่านเสียง, หากวิ่งออกกำลังหรือเล่นฟิตเนสอยู่ มือเราอาจจะไม่ว่างแต่อยากฟังเพลงนั้น ๆ ก็สั่ง Siri ให้เปิดได้เลยสบายสุด ๆ
- แบตเตอรี่ใช้ได้นานทั้งตัวหูฟังและกล่องใช้งานได้ 1 วันยาว ๆ
- คุณภาพเสียงของรุ่นที่ 2 ดีกว่ารุ่นที่ 1 ซึ่งมีมิติมากยิ่งขึ้น
- ไมค์โครโฟนใช้สนทนาเสียงดังฟังชัดและตัดเสียงรอบข้างได้ สบายมากเวลาคุยอันนี้คอนเฟิร์มอีกทั้งเวลาใส่หูฟังนี้ผมจะปิดจนหลายคนคิดว่าเรากำลังยืนพูดอยู่คนเดียว 😀
ข้อเสีย
- เพิ่มลดเสียงจากหูฟังไม่ได้
- ไม่กันน้ำและฝุ่น (Apple ไม่ได้ประกาศมาตรฐาน IP ออกมาเหมือนที่ทำกับ iPhone 7, 8, X, XS ว่าทนน้ำทนฝุ่น IP67, IP68) ในที่นี้หมายถึงไม่แนะนำให้นำ AirPods ไปแช่น้ำ ใส่ว่ายน้ำหรือนำไปคลุกฝุ่นเล่น ส่วนข้อสงสัยที่ว่าใส่วิ่งแล้วโดนเหงื่อหูฟังจะเสียไหม ตอบให้เลยจากประสบกาณ์ว่า ไม่เสียครับ
- ผิวของกล่องชาร์จนั้นเป็นรอยง่ายและลื่น ต้องหาเคสใส่จึงจะช่วยป้องกันได้ดี
- ราคาค่อนข้างสูง
ข้อที่ควรปรับปรุง
- หูฟังมีให้เลือกขนาดเดียวบางผู้ใช้ถ้ารูหูใหญ่จะไม่สามารถใช้งานได้เนื่องจากหลุดออกจากตัวหูบ่อย
- หูฟังควรเข้าสู่โหมด Sleep ได้ถ้าไม่ได้ใช้งานหรือถูกวางไว้โดยไม่มีการเคลื่อนไหวเพื่อให้ประหยัดแบตเตอรี่
- สามารถปรับเพิ่มหรือลดเสียงได้จากตัวหูฟัง
- ควรจะมีสีอื่นให้เลือก
- ผิวกล่องชาร์จควรจะเป็นผิวแบบด้านเพื่อจะได้ทนต่อรอยขีดข่วนได้ดีขึ้น
- กล่องชาร์จควรรองรับระบบ Fast Charge
4. ราคาและการจัดจำหน่าย
Apple AirPods 2 มีวางจำหน่ายในประเทศไทยอย่างเป็นทางการแล้วแบ่งเป็น 2 รุ่นและกล่องชาร์จแยกก็มีให้เลือกซื้อเช่นกัน
- AirPods 2 กล่องชาร์จ Lightning แบบปกติ ราคา 6,500 บาท
- AirPods 2 กล่องชาร์จ Lightning + Wireless Charging Case ราคา 7,790 บาท
- กล่องชาร์จ Wireless Charging Case ราคา 2,990 บาท (ชาร์จ AirPods ได้ทั้งรุ่น 1และ 2)
มาพร้อมการรับประกัน 1 ปีแบบ World Wide สั่งซื้อได้ทาง Apple Store Online, Apple Iconsiam และร้านตัวแทนจำหน่ายทั่วไปอย่าง Studio 7 เป็นต้น
รีวิวโดย แอดมิน ต้อม iMoD
