AirPods มีทั้งหมดกี่รุ่น แต่ละรุ่นราคาเท่าไหร่ จุดเด่นความแตกต่างของแต่ละรุ่นคืออะไร เลือกซื้ออย่างไรให้เหมาะสมกับการใช้งาน ? รับชมไปพร้อมๆกันในบทความนี้ได้เลย
AirPods หูฟังไร้สาย true wireless จากทาง Apple ที่สามารถใช้งานได้หลากหลาย เพียงหยิบขึ้นมาก็สามารถเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ได้อย่างอัตโนมัติ และสามารถใช้งานกับอุปกรณ์ได้มากมาย ไม่ว่าจะเป็น คุยโทรศัพท์ผ่าน iPhone, ดูภาพยนตร์ ฟังเพลงผ่าน iPad, ประชุมงานผ่าน MacBook, หรือใช้ AirPods ฟังเพลงขณะออกกำลังกายก็สามารถทำได้เช่นกัน
วิวัฒนาการหูฟังของ Apple
ก่อนหน้าที่ Apple ทำการผลิตหูฟังไร้สายแบบ AirPods ออกมานั้น Apple ได้เริ่มต้นจากการทำหูฟังอื่นๆมาก่อน
- ปี 2001 – Apple ได้ขายหูฟังรุ่น Earbuds พร้อมกันกับ iPod รุ่นที่ 1
- ปี 2007 – Apple ได้มีหูฟังสำหรับ iPhone (iPhone Stereo Headset) มาให้ในกล่อง เปิดตัวพร้อมกับ iPhone รุ่นที่ 1 เป็นหูฟังที่มีไมค์ในตัว พร้อมปุ่มกด
- ปี 2008 – Apple ขายหูฟังของ iPhone แยกออกมาเป็นครั้งแรก (In-Ear Headphones) โดยใช้ วัสดุซิลิคอน เข้ามาสำหรับจุกสวมหูฟัง
- ปี 2009 – Apple ได้ปรับปรุงหูฟัง (iPhone Stereo Headset) ที่มีมาให้ในกล่อง iPhone โดยมีปุ่มปรับระดับเสียง 2 ปุ่มเพิ่มเข้ามา
- ปี 2012 – Apple ปรับดีไซน์ของหูฟังเป็นแบบ EarPods หูฟังแบบสวมหู ซึ่งเปิดตัวพร้อมกับ iPhone 5
- ปี 2016 – Apple ได้เปิดตัวหูฟังไร้สายแบบ True wireless ที่ชื่อว่า AirPods ขึ้นมา
ปัจจุบัน AirPods มีทั้งหมดกี่รุ่น ?
หลังจากเปิดตัว AirPods ไปในปี 2016, Apple ได้เปิดตัวหูฟังอีกหลายรุ่นตามมาโดยใช้ชื่อว่า AirPods Series ซึ่งในปัจจุบัน(ปี 2022) มี AirPods รวมทั้งหมด 5 รุ่น ได้แก่
- AirPods รุ่นที่ 1 เปิดตัวในปี 2016
- AirPods Pro เปิดตัวในปี 2019
- AirPods รุ่นที่ 2 เปิดตัวในปี 2019
- AirPods Max เปิดตัวในปี 2020
- AirPods รุ่นที่ 3 เปิดตัวในปี 2021
คุณสมบัติ ข้อแตกต่าง การใช้งาน AirPods แต่ละรุ่น
ปัจจุบันทาง Apple Store ได้ยกเลิกการวางหน่าย AirPods รุ่นที่ 1 แล้ว วันนี้จึงขอเปรียบเทียบคุณสมบัติ และข้อแตกต่างเด่นๆ ของ AirPods ที่มีอยู่ทั้งหมด 4 รุ่น เพื่อเป็นข้อมูลในการตัดสินใจเลือกซื้อ AirPods ให้เหมาะสมกับการใช้งานในชีวิตประจำวันของคุณ
ดีไซน์ และการสวมใส่
- AirPods รุ่นที่ 2 และ AirPods รุ่นที่ 3 ใช้การดีไซน์แบบ Earbuds
เป็นหูฟังแบบสวมลงบนหู ให้ความรู้สึกสบายขณะสวมใส่ ดีไซน์หูฟังแบบ Earbuds นี้จะทำให้ผู้สวมใส่ยังคงได้ยินเสียงรอบข้างอยู่ เหมาะสำหรับสวมใส่ในที่ทำงาน หรือคนที่ต้องการหูฟังที่สะดวกสบาย และสวมใส่ง่าย แต่ควรระวังหากมีการเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วอาจทำให้หูฟังหลุดได้
จุดแตกต่างของดีไซน์ ระหว่าง AirPods รุ่นที่ 2 และ AirPods รุ่นที่ 3 คือ ความยาวของก้านไมค์ที่ยื่นออกมา
- AirPods Pro ใช้การดีไซน์แบบ In-Ear
เป็นหูฟังแบบเสียบเข้าไปในหู ซึ่งสำหรับ AirPods Pro ก็จะมีขนาดของจุกยางให้เราเลือกให้ตรงกับขนาดหู ดีไซน์หูฟังแบบ In-Ear จะทำให้ได้ยิน และเก็บรายละเอียดเสียงได้ชัดเจน รวมถึงสวมใส่ได้แน่น ไม่หลุดออกง่าย
- AirPods Max ใช้การดีไซน์แบบ Over-Ear
เป็นหูฟังแบบครอบหู ให้ความรู้สึกสบาย สวมใส่ได้เป็นระยะเวลานาน ตัวหูฟังมีขนาดใหญ่อาจไม่สะดวกพกพาในบางกรณี แต่เสียงที่ได้ออกมานั้น สมจริง และมีเวทีเสียงกว้างขวางมาก
การควบคุม
- AirPods รุ่นที่ 2 ควบคุมโดยการแตะ ลงบนพื้นผิวของตัวหูฟัง
- AirPods รุ่นที่ 3 และ AirPods Pro ควบคุมโดยการบีบ ลงบนก้านหูฟัง
- AirPods Max ควบคุมโดยหมุนและกด ปุ่ม Digital Crown
โดย AirPods ทุกรุ่นสามารถสั่งการโดยใช้เสียงผ่าน Siri ได้
เทคโนโลยีระบบเสียง
- AirPods รุ่นที่ 3 ,AirPods Pro และ AirPods Max นั้นรองรับ Spatial Audio หรือระบบเสียงตามตำแหน่งพร้อมการติดตามศีรษะแบบไดนามิก เพื่อช่วยให้รับอรรถรสของการฟังเพลง หรือการรับชมภาพยนตร์ ได้อย่างเต็มที่ ซึ่ง AirPods รุ่นที่ 2 ไม่รองรับ
- AirPods Pro และ AirPods Max รองรับเทคโนโลยีการตัดเสียงรบกวนแบบแอ็คทีฟ หรือ Noise cancelling ช่วยตัดเสียงรอบข้างที่รบกวน ขณะใช้หูฟังได้ ซึ่งใน AirPods รุ่นที่ 2 และ Air Pods รุ่นที่ 3 ไม่รองรับ
- AirPods Pro มีระบบช่องระบายอากาศเพื่อการรักษาแรงดันให้เท่ากัน เนื่องจากเป็นหูฟังแบบสวมใส่ ตรงนี้สามารถช่วยลดอาการหูอื้อได้
- AirPods Max มีไดรเวอร์แบบไดนามิกที่ออกแบบโดย Apple ที่ไม่เหมือน AirPods รุ่นอื่น
- AirPods รุ่นที่ 3 มาพร้อมเซ็นเซอร์ตรวจจับผิวหนัง โดยตัวหูฟังจะแยกแยะความแตกต่างระหว่างผิวของใบหูกับพื้นผิวอื่น ๆ ได้ เช่น หากเราใส่หูฟังก็จะเล่นปกติ แต่พอถอดออก เพลงก็จะหยุดทันที และพอเราใส่กลับเพลงก็จะเล่นอัตโนมัติ ซึ่งจะปลอดภัยเวลาที่เราเผลอทำหูฟังหลุดในกระเป๋า ก็จะเป็นการประหยัดแบตเตอรี่อีกด้วย
ไมโครโฟน
- AirPods รุ่นที่ 2 มีไมโครโฟนคู่แบบบีมฟอร์มมิ่ง แต่ไม่มีไมโครโฟนที่หันเข้าด้านใน
- AirPods รุ่นที่ 3 และ AirPods Pro มีไมโครโฟนคู่แบบบีมฟอร์มมิ่ง และไมโครโฟนที่หันเข้าด้านใน
- AirPods Max มีไมโครโฟนที่โดดเด่นกว่ารุ่นอื่นๆ นั่นคือ มีไมโครโฟนทั้งหมดถึง 9 ตัว
ไมโครโฟน 8 ตัวสำหรับเทคโนโลยี ตัดเสียงรบกวนแบบแอ็คทีฟ
ไมโครโฟน 3 ตัวสำหรับรับเสียงพูด (สองตัวใช้ร่วมกับเทคโนโลยีตัดเสียงรบกวนแบบแอ็คทีฟ พร้อมไมโครโฟนเสริม อีกหนึ่งตัว)
แบตเตอรี่
- AirPods รุ่นที่ 2 สามารถฟังได้นานสูงสุด 5 ชั่วโมง ต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง พร้อมเคสปกติ
- AirPods รุ่นที่ 3 สามารถฟังได้นานสูงสุด 6 ชั่วโมง ต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง พร้อมเคสแบบ MagSafe
- AirPods Pro สามารถฟังได้นานสูงสุด 4.5 ชั่วโมง ต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง พร้อมเคสแบบ MagSafe
- AirPods Max สามารถฟังได้นานสูงสุด 20 ชั่วโมง ต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง พร้อม Smartcase ที่จะช่วยประหยัดแบตเตอรี่ ในสถานะใช้พลังงานต่ำเป็นพิเศษ และ Apple ยังแจ้งว่าเมื่อชาร์จเพียง 5 นาที สามารถใช้ฟังได้นาน 1.5 ชั่วโมง
การทนเหงื่อทนน้ำ
- AirPods รุ่นที่รองรับการทนเหงื่อทนน้ำ ณ ตอนนี้มีทั้งหมด 2 รุ่น คือ AirPods รุ่นที่ 3 และ AirPods Pro อยู่ที่ระดับ IPX4 ตามมาตรฐาน IEC 60529
(ไม่ควรชาร์จ AirPods รุ่นที่ 3 และ AirPods Pro ในขณะที่หูฟังยังเปียกอยู่)
AirPods รุ่นที่ 2 |
AirPods รุ่นที่ 3 |
AirPods Pro | AirPods Max | |
การทนเหงื่อทนน้ำ มาตรฐาน IPX4 |
❌ | ✅ | ✅ | ❌ |
การเชื่อมต่อ
- AirPods ทุกรุ่นรองรับการเชื่อมต่อสัญญาณแบบ Bluetooth 5.0
- AirPods รุ่นที่ 2 ใช้สายชาร์จ Lightning แบบ USB-A
- AirPods รุ่นที่ 3, AirPods Pro และ AirPods Max ใช้สายชาร์จ Lightning แบบ USB-C
สีและราคา (อัพเดท เมษายน 2565)
- AirPods รุ่นที่ 2 ราคา 4,990 บาท มีเฉพาะสีขาว
- AirPods รุ่นที่ 3 ราคา 6,790 บาท มีเฉพาะสีขาว
- AirPods Pro ราคา 8,992 บาท มีเฉพาะสีขาว
- AirPods Max ราคา 19,900 บาท มีให้เลือกทั้งหมด 5 สี คือ สีเงิน, สีเทาเสปซเกรย์, สีสกายบลู, สีชมพู และ สีเขียว
AirPods รุ่นไหน เหมาะกับใครบ้าง ?
AirPods รุ่นที่ 2 ราคา 4,990 บาท
เหมาะสำหรับคนที่มองหา AirPods ดีไซน์ Earbuds ในราคาที่ไม่แพงมาก สวมใส่สบาย ใช้ทำกิจกรรมทั่วไปเช่น ดูหนัง, ฟังเพลง, คุยโทรศัพท์ ชอบการควบคุมและสั่งการด้วยการแตะผ่านก้านหูฟัง และไม่ได้เน้นเสียงมากนัก
AirPods รุ่นที่ 3 ราคา 6,790 บาท
เหมาะสำหรับคนที่ต้องการ AirPods ที่มีดีไซน์ Earbuds คงเดิมจาก AirPods รุ่นที่ 2 พร้อมฟีเจอร์ที่อัปเกรดขึ้นมาเพิ่มประสบการณ์ที่ได้รับจากการเสพสื่อมีเดียมากขึ้น ในเรื่องของ Spatial Audio หรือ ระบบเสียงตามทิศทาง สวมใส่ง่าย ยังคงได้ยินเสียงรอบข้างอยู่ และเป็น AirPods รุ่นล่าสุดจากทาง Apple
เช่น พนักงานออฟฟิศใช้ระหว่างทำงาน หรือ คนที่มองหาหูฟังน้ำหนักเบาไว้ใส่ตอนออกกำลังกาย AirPods รุ่นที่ 3 ก็ถือว่าตอบโจทย์ เพราะรองรับการทนเหงื่อทนน้ำ และตัวเคสสามารถชาร์จแบบ MagSafe ได้
AirPods Pro ราคา 8,992 บาท
เหมาะสำหรับคนที่ต้องการ ระบบตัดเสียงรบกวนจากภายนอก มีดีไซน์หูฟังแบบ In-Ear พกพาง่าย และได้รับคุณภาพของเสียงที่ดี รองรับ Spatial Audio สามารถเพิ่มอรรถรสในการฟังเพลง ดูภาพยนตร์ได้ ใช้สำหรับประชุมงานนอกสถานที่ได้เป็นอย่างดี หรือ สามารถใช้ออกกำลังกายก็ได้ด้วยเช่นกัน
AirPods Max ราคา 19,900 บาท
เหมาะสำหรับคนที่ทำงานเป็นระยะเวลานานๆบนโต๊ะคอมพิวเตอร์ ชอบดีไซน์แบบ Over-Ear หรือ คนที่ต้องการหูฟังที่สวมใส่ได้สบายเป็นระยะเวลานานๆ พร้อมคุณภาพเสียงแบบจัดเต็ม รองรับการชาร์จไว เช่น คนทำงานสายตัดต่อ AirPods Max ตัวนี้ถือว่าตอบโจทย์ครบทุกการใช้งานเช่นกัน
AirPods ทุกรุ่นที่สั่งซื้อบน Apple Store สามารถสลักอักษรย่อ หรืออีโมจิ เพิ่มความเป็นเอกลักษณ์ลงบนเคสชาร์จได้